ต่อมทอนซิล มีหน้าที่ในส่วนของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จัดอยู่ในประเภทของเนื้อเยื่อน้ำเหลือง ซึ่งภายในจะประกอบด้วยเม็ดเลือดขาวมากมายหลายชนิด มีทำหน้าที่ในการจับและทำลายเชื้อโรคที่กำลังเข้าสู่ร่างกายผ่านทางช่องทางเดินอาหาร และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต่อมทอนซิลเหล่านี้สมารถพบได้หลายตำแหน่ง แต่ที่ชัดเจนที่สุดจะอยู่บริเวณด้านข้างช่องปากมีชื่อว่า พาลาทีนทอนซิล นอกจากนี้ยังพบได้ที่บริเวณโคนลิ้น และช่องด้านหลังของโพรงจมูก อาการของทอนซินอักเสบ เริ่มจากการเจ็บคอ หรืออาการคออักเสบ เกิดได้ทั้งจากกลุ่มโรคติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ ซึ่งประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์เกิดจาก ไวรัสไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสอื่น ๆ อีกประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากแบคทีเรีย นอกจากนี้อีกประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากการติดเชื้อรา โรคนี้มักจะพบได้มากในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ
อาการต้องสังสัยที่อาจจะเกิดการอักเสบของต่อมทอนซิล
เมื่อมีการอักเสบของต่อมทอนซิล ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรง และสามารถหายได้เอง ในกรณีทีอาการเฉียบพลันจะอักเสบจนเป็นหนองเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะมีไข้สูงอย่างรวดเร็ว มีอาการหนาวสั่น ปวดศีรษะ และอาจจะปวดร้าวขึ้นไปที่หู บางคนอาจจะมีอาการปวดท้อง หรืออาเจียนร่วมด้วย ทั้งนี้หากมีอาการต้องสงสัยว่าทอนซิลอักเสบ ให้สังเกตอาการที่เกิดขึ้นง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ได้แก่ มีอาการเจ็บคอจนกลืนอาหารได้ลำบาก เสียงแหบแห้ง มีไข้สูง มีอาการปวดศีรษะ ตาแดง ซึ่งเกิดจากเยื่อตาขาวอักเสบ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร บางคนอาจจะมีอาการท้องเดินหรือถ่ายเหลว นอกจากนี้อาจจะมีกลิ่นปากด้วย เมื่อพบว่ามีอาการดังกล่าวเหล่านี้ และรักษาอาการตัวเองเบื้องต้นแล้วแต่ยังไม่ดีขึ้น หรือมีไข้เกิน 4 วันขึ้นไป ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาจากอาการ ตรวจคอ หรืออาจจะมีการตรวจเลือด หากไม่รีบไปพบแพทย์อาจจะทำมีภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เกิดขึ้นได้ เช่น ฝีที่ทอนซิล การติดเชื้อในเยื่อชั้นลึก และอาจจะติดเชื้อในกระแสเลือดลุกลามไปตามร่างกาย ทำให้เป็นโรคข้ออักเสบเฉียบพลัน กระดูกอักเสบเป็นหนอง หรือเยื่อหุ้มสมองอักเสบ เป็นต้น
การดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้น
เมื่อรู้สึกว่าตัวเองมีอาการเจ็บคอและมีไข้ อันดับแรกควรรับประทานยาแก้ปวดลดไข้ หากไม่รุนแรง และไม่มีการเจ็บปวดก็ไม่ควรใช้ยา เพราะทอนซิลอักเสบจะหายได้เอง ภายใน 7-10 วัน และเริ่มดีขึ้นหลังจากได้จากดูแลรักษาตัวเองให้ดี ส่วนการรักษาการอักเสบที่เกิดจากแบคทีเรียอาจจะใช้เวลานาน ดังนั้นต้องรีบพบแพทย์ สำหรับเด็กหรือวัยรุ่นที่มีอายุน้อยกว่า 16 ปี ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษหากเกิดโรคไข้หวัดหวัดธรรมดา หรือไข้หวัดใหญ่ไม่ควรรับประทานยาประเภทแอสไพริน เพราะอาจจะทำให้มีอาการแพ้ หรือเป็นโรคเรย์ซินโดรม มีผลต่อร่างกายจนถึงแก่ชีวิตได้ การดูแลตัวเองเบื้องต้น ควรรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่หรืออาหารอ่อน ๆ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสุกต้มหรือน้ำอุ่นผสมน้ำผึ้ง และกลั้วปากด้วยน้ำเกลือที่ลำคอแล้วบ้วนทิ้ง รักษาความชุ่มชื้นของบ้านหลีกเลี่ยงอากาศแห้ง และเลี่ยงสารก่อความระคายเคืองบริเวณลำคอ ก็จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้
เชื้อไวรัสและแบคทีเรียในอากาศสามารถแพร่กระจายได้ง่าย การป้องกันที่ดีที่สุดคือการรักษาสุขอนามัยของเรา เนื่องจากต่อมทอนซิลอักเสบพบได้ทั้งในเด็กและผู้ใหญ่ การหลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารโดยใช้ช้อนและแก้วน้ำร่วมกับผู้อื่น หมั่นล้างมือให้สะอาด ก็จะช่วยป้องกันได้ในระดับหนึ่งได้ ดังนั้นควรหมั่นออกกำลังกาย รับประทานอาหารที่ดีมีประโยชน์ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ และเสริมสร้างร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงโรคร้ายต่าง ๆ ไม่เกิดขึ้นกับเราอย่างแน่นอน
เครดิตภาพ : pobpad.com / story.motherhood.co.th / kapook.com
Youtube :
ทอนซิลอักเสบ โรคร้ายต่อมใกล้ตัว
ทอนซิลอักเสบดื่มน้ำเย็นได้หรือไม่ หมอรามาฯมีคำตอบ
#ทอนซิลอักเสบ #/สาเหตุทอนซิลอักเสบ #สุขภาพน่ารู้