การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายจัดว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนปกติ หรือผู้ป่วย แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานนั้นการออกกำลังกายก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอย่างได้ผล นอกเหนือจากการรับประทานยา และการฉีดอินซูลิน

การออกกำลังที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่หนัก และไม่ควรออกกำลังกายแบบหักโหมจนเกินไป นอกจากนี้แล้วในแต่ละครั้งที่ออกกำลังกายไม่ควรใช้เวลานาน สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นผู้ป่วยควรคำนึงถึงเรื่องต่างๆ ดังนี้ 

– ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด หรือความรุนแรงของโรคเบาหวาน ณ เวลาช่วงนั้น 

– ความพร้อมของร่างกาย 

– อายุของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ วัยทำงาน วัยรุ่น วัยเด็ก ก็จะมีวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมแตกต่างกัน 

– สถานที่ในการออกกำลังกาย ควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือเป็นที่สำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะ เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา เป็นต้น 

– ความสนใจในกีฬาประเภทนั้นๆ เพราะถ้าเรามีความสนใจในกีฬาประเภทไหนมากเป็นพิเศษ ก็จะมีส่วนทำให้เราตั้งใจในการปฏิบัติ และสามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ 

– เสื้อผ้าที่ใช้ในการออกกำลังกายควรเหมาะสมกับประเภทของกีฬาที่เลือก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าควรเลือกให้เหมาะสม สวมใส่สบายไม่หลวมและไม่คับจนเกินไป เพราะรองเท้ามีส่วนสำคัญที่ช่วยปกป้องเท้าของผู้ป่วยไม่ให้มีบาดแผลเกิดขึ้นได้ เนื่องจากถ้าเกิดบาดแผลขึ้นแล้วในผู้ป่วยเบาหวานแผลจะรักษาให้หายยากและมักลุกลาม 

ประโยชน์ที่ได้จากการออกกำลัง

สำหรับประโยชน์ที่ป่วยเบาหวานจะได้รับจากการออกกำลังกายจะได้แก่ 

1. ช่วยทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเป็นไปได้ดีขึ้น เพราะการออกกำลังจะช่วยทำให้ร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานต่างๆ ได้ดีขึ้น 

2. ช่วยในเรื่องของการควบคุมน้ำหนัก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่มีน้ำหนักมากเกินกว่าปกติ ควรทำการลดน้ำหนัก และนอกจากการเลือกรับประทานอาหารแล้ว การออกกำลังกายสามารถช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงได้

3. ช่วยปรับระดับไขมันในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ

4. การออกกำลังจะช่วยทำให้หัวใจสามารถสูบฉีดโลหิตได้ดีขึ้น ซึ่งมีผลต่อการไหลเวียนของโลหิต เมื่อเลือดไหลเวียนดี ก็จะมีส่วนป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจจะเกิดขึ้นจากโรคเบาหวานได้ดี 

5. ช่วยให้ผู้ป่วยมีจิตใจแจ่มใส มีอารมณ์ดี ไม่เครียด และหลับสบาย 

6. ช่วยทำให้ร่างกายสมบูรณ์แข็งแรง และยังช่วยให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ได้ดีขึ้น 

สิ่งสำคัญที่สุดก็คือนอกจากการออกกำลังกายแล้วผู้ป่วยควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และควรไปพบแพทย์ตามเวลานัดหมาย เพื่อให้การรักษาได้ผลดี

เครดิตภาพ : hellokhunmor.com

#การดูแลตัวเอง #ทริคออกกำลังกาย #ออกกำลังกายสำหรับคนเป็นเบาหวาน

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้

เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องรู้จักโรคภูมิแพ้กันอยู่แล้วและวันนี้เราได้นำเอาอีกหนึ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ที่น่าสนใจไม่น้อยมาแนะนำกันนั่นก็คือยาแก้แพ้ ซึ่งหลายคนนั้นต้องรู้จักกับยาแก้แพ้เป็นอย่างดีและยาแก้แพ้ก็มักจะเป็นเม็ดสีเหลืองหรือเม็ดสีขาว แต่ว่าหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าหากเรารับประทานยาแก้แพ้เป็นประจำต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานนั้นจะเกิดส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่อย่างไร วันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจตรงนี้มาแนะนำกัน ลองไปดูรายละเอียดกันเลย มาทำความรู้จักกับยาแก้แพ้ แน่นอนเลยว่าหลายๆ คนนั้นมักจะใช้ยาแก้แพ้ประจำ โดยเฉพาะใครที่ร่างกายชอบเป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าคุณนั้นจะเกิดอาการผื่นคัน น้ำมูกไหล หายใจลำบาก หรือแม้กระทั่งเป็นลมพิษ การใช้ยาแก้แพ้จะช่วยให้คุณบรรเทาอาการเหล่านั้นให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หลายๆคนยังใช้ยาแก้แพ้ไว้สำหรับแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งแน่นอนเลยว่าหลายๆคนนั้นก็อยากจะรู้เช่นกันว่า ยาแก้แพ้หากเรารับประทานไปบ่อยจะอันตรายหรือไม่ ซึ่งเราสามารถเข้ามาดูข้อมูลกันได้เลย  ยาแก้แพ้ในกลุ่มที่ทำให้ง่วง  ยาแก้แพ้ชนิด คอเฟนิลามีน เป็นยาแก้แพ้ที่ใช้รักษาสำหรับอาการภูมิแพ้อากาศ  จาม มีน้ำมูกไหล มีผื่นคันหรือเมารถ ซึ่งยาแก้แพ้นี้ยังสามารถใช้สำหรับอาการคันจากแมลงกัดต่อยหรือพืชที่มีพิษได้ ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง เป็นยาแก้แพ้ที่ถูกคิดค้นมาใหม่ พี่สามารถออกฤทธิ์ให้รักษาอาการต่างๆเหมือนเดิม แต่ตัวยาจะผ่านเข้าไปยังสมองที่น้อยมาก จึงทำให้คุณนั้นไม่รู้สึกง่วง ยาแก้แพ้ชนิดแบบใหม่นี้ จะไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคัน น้ำมูกไหล และอาการเมารถ ประสิทธิภาพที่ใช้ในการรักษานั้นจะไม่เทียบเท่ากับยาแก้แพ้ชนิดง่วงนั่นเอง ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ สำหรับยาแก้แพ้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ถือว่าเป็นยาอันตราย ซึ่งผู้ป่วยนั้นควรจะได้รับตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรที่จะหายามารับประทานเอง ซึ่งอย่างน้อยคุณควรที่จะได้รับคำปรึกษาจากเภสัช จะช่วยให้คุณนั้นได้รับตัวยาแก้แพ้ตรงขนาดของการรักษา หาใครพี่กินยาแก้แพ้เกินขนาด ส่งผลเสียกับร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คนนั้นมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน  ปวดท้องเกร็ง  หายใจไม่ออก ไปสั่น และมีผลต่อระบบหัวใจและระบบตัด  เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับยาแก้แพ้ที่เรานำมาแนะนำกันนั้น เชื่อว่าหลายคนนั้นอาจจะมองข้ามไปและใครที่ยังไม่เคยได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับยาแก้แพ้อย่างจริงจังก็สามารถที่จะนำเอาข้อมูลที่เรานำมาฝากกันนี้ไป ใช้เป็นข้อมูลความรู้กันได้เลย สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลอะไรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมาฝากกันอีกนั้นต้องติดตาม #ความรู้เรื่องโรค […]

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้ Read More »

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้

อาการปวดไมเกรน นั้นเป็นอาการปวดที่สร้างความทุกข์ให้กับหลายคน ซึ่งมักเกิดจากความเหนื่อยล้า และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งจึงจำเป็นต้องพึ่งยาแก้ปวด เพื่อช่วยในการบรรเทาให้ลดลงแต่ก็คงไม่ดีนักเมื่อต้องทานยาอยู่อย่างต่อเนื่อง  ดังนั้นในวันนี้จึงหาตัวช่วยดี ๆ มานำเสนอสำหรับบรรเทาอาการปวดหัว ทั้งจากไมเกรน หรือจะเป็นอาการปวดหัวแบบทั่วไป มาฝาก ด้วยวิธีที่ไม่ยากและสามารถทำได้ทุกวัน เพียงแค่ดื่มชา แต่จะเป็นชาอะไรบ้าง ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ พร้อมหรือยังค่ะ มาติดตามกันจากบทความนี้กันเลยค่ะ  ชาบรรเทาอาการปวดหัว ชาขิง ชาขิง ชาที่ไม่ได้ทำมาจากใบชา  แต่มีวิธีการชงที่คล้ายกับการชงชา ชาขิงนั้นจะอยู่ในจำพวกชาสมุนไพร ที่ช่วยในการลดอาการปวดหัว ต้านการอักเสบในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยในการผ่อนคลาย และทำให้เลือดลมเดินได้สะดวก ทำให้เลือดสามารถเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ลดอาการปวดหัวได้ ชาเปปเปอร์มิ้น (สะระแหน่) ชาเปปเปอร์มิ้น หรือ ชาสะระแหน่ นั้นช่วยทำให้ลดการหดตัวของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ในบริเวณของสำไส้ได้  จึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะปวดหัวได้ เพราะการหดหรือเกร็งตัวของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้นั้นสามารถส่งผลกระทบไปสมองได้ เป็นผลให้เกิดการปวดหัวนั่นเอง ชากานพลู ชากานพลู ได้มาจากกานพลู ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร ที่เป็นที่รู้จักของคนไทยมาอย่างยาวนาน และรู้ถึงสรรพคุณด้านต่าง ๆ เป็นอย่างดี กานพูลถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยาหลายชนิด เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดอย่าง

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้ Read More »

ออกกำลังกายแบบเวทกับคาร์ดิโอ ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน

ออกกำลังกายแบบเวทกับคาร์ดิโอ ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน

กำลังลดน้ำหนัก ประโยคสุดฮิตติดปากสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ยุคนี้ไปแล้ว คนรอบกายเราไม่ว่าจะอวบ อ้วน หรือแม้แต่ดูผอมเพรียว ก็ล้วนแต่ กำลังลดน้ำหนัก ด้วยวิธีสารพัดสารพัน จนไม่รู้ว่าอันไหนดี และบางวิธีก็ดูอันตรายซะเหลือเกิน…ซิกน่า เลยอยากคลายความสงสัยด้วยการไปฟังคำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด จากคุณหมอตัวจริงเลยดีกว่าจะได้เลิกมโนกันเองการออกกำลังกายนั้นจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเราไม่สามารถเลือกทำอย่างใดอย่างนึงได้อย่างเดียวนะ เราต้องทำทั้งเวทและคาร์ดิโอควบคู่กันเสมอ  ผลจากการเวทและคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก ในช่วงแรก ๆ ของการออกกำลังกายเพื่อ ลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการเวท และคาร์ดิโอนั้น จะทำให้ น้ำหนักขึ้น เพราะกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น น้ำหนักขึ้นเพราะกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ถ้ารับประทานอาหารถึงตามที่ร่างกายต้องการ ผู้หญิงวันรับประทานโปรตีนวันละ 80-120 กรัม กำลังดี ใช้เวลานานมากในการสร้างกล้ามเนื้อ โปรตีน 12 กรัม กลายเป็นกล้ามเนื้อได้ 1กรัม น้ำหนักขึ้นเพราะไขมันเพิ่มขึ้น เพราะกินเข้าไปเยอะเกินหรือใช้พลังงานน้อยเกิน ตัวนี้มีโอกาสที่ทำให้น้ำหนักตัวและไขมันเพิ่ม เพราะถ้าไม่คาร์ดิโอเลย แคลอรี่จะใช้น้อย การเวทกับคาร์ดิโอช่วยให้เปอร์เซ็นต์ไขมันลดลง ง่าย ๆ คือร่างกายรู้สึก Lean ขึ้น Lean คือกล้ามเนื้อเพิ่ม แต่ไขมันน้อย

ออกกำลังกายแบบเวทกับคาร์ดิโอ ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน Read More »

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร

สมดุลของสมองมีความสำคัญพฤติกรรมและการดำรงชีวิตของคนเรา  อารมณ์ที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็น เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ล้วนเกิดจากการที่สมองขาดความสมดุล     บางครั้งประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเพราะได้รับไขมันชนิดไม่ดีเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป อาหารที่มีไขมันชนิดไม่ดีนอกจากจะส่งผลให้สมองทำงานช้าลงแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแล้วไปเพิ่มเสี่ยงของโรคหัวใจให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นลดปริมาณไขมันที่ไม่ดีให้น้อย  และที่ไม่ควรพลาดที่จะรับประทานคือไข่ เพราะในไข่มีโคลีนสูง โคลีนนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้ ทั้งยังเป็นสารสำคัญที่จะช่วยสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน ดังนั้นจึงควรรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง อาหารรอบตัวที่ช่วยปรับสมดุลสมอง อาหารชนิดแรกคือ กาแฟ  คาเฟอีนที่พบในกาแฟเป็นสิ่งที่สามารถลดอาการซึมเศร้าลงได้ เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตัวและสดชื่นมากขึ้น ตั้งแต่ไม่กี่นาทีหลังดื่มเลยทีเดียว ดังนั้นในคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการซึมเศร้าบ่อยๆ แค่ดื่มกาแฟวันละ 1-2 ถ้วย ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว แต่ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มหลังจากเวลา 15.00 น. ขึ้นไป เพราะสารคาเฟอีนที่ค้างอยู่จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับและส่งผลเสียได้นั่นเอง  อาหารปรับสมดุลสมองชนิดต่อมาคือ กรดโฟลิก สามารถลดอารมณ์ซึมเศร้าและทำให้เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น โดยจากการวิจัยให้คำแนะนำว่าควรรับประทานกรดโฟลิกให้ได้วันละ 200 ไมโครกรัม แล้วอาการซึมเศร้าจะหายไป กรดโฟลิก 200 ไมโครกรัม นั้นได้จากการรับประทานผักโขมสุก 1 ถ้วยและน้ำส้ม 1 แก้วเท่านั้น  อาหารลดอาการซึมเศร้าอีกชนิดคือ ปลาทะเล ซึ่งมีกรดโอเมก้า

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร Read More »

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน

อาหารเพื่อสุขภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน แต่อาจจะก่อให้เกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับอาหารประเภทนี้ เช่น  ฉันควรบริโภคผลไม้ออร์แกนิกหรือไม่? ฉันต้องรับประทานเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าหรือไม่? น้ำผลไม้ทั้งหมดควรเป็นสกัดเย็นหรือไม่?   รวมถึงการหาปริมาณธาตุอาหารหลักแต่ละชนิดที่ต้องได้รับในแต่ละวัน แต่โชคดีที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ควรให้ความสนใจกลับมีเพียงแค่ โปรตีน เพราะร่างกายของมนุษย์นั้นเป็นเสมือนสถานที่ก่อสร้างที่ไม่มีวันสิ้นสุด โปรตีนเป็นเสมือนแรงงานที่จำเป็นเพื่อให้โครงการก่อสร้างดำเนินไปอย่างราบรื่น   โปรตีนนั้นถูกใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฮอร์โมน  เอนไซม์  เซลล์ภูมิคุ้มกัน  เส้นผม  ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ   ยิ่งไปกว่านั้นโปรตีนยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวจากความเครียดจากการออกกำลังกาย โดยร่างกายใช้โปรตีนเพื่อซ่อมแซมเส้นใยกล้ามเนื้อที่เสียหายทำให้กลับมาแข็งแรงกว่าเดิม ร่างกายต้องการโปรตีนเท่าไหร่? ตามหลักการทางโภชนาการ ปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการจะอ้างอิงมาตรฐานปริมาณสารอาหารที่ต้องได้รับในแต่ละวัน  ซึ่งอธิบายถึงปริมาณขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง  โดยปริมาณโปรตีนต่อวันควรอยู่ที่ 0.36 กรัมต่อปอนด์ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 46 กรัมของโปรตีนต่อวันสำหรับผู้หญิงทั่วไป   แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า ผู้หญิงที่มีร่างกายแข็งแรงและมีกิจกรรมสูงจะต้องการโปรตีนมากกว่านั้น   อย่างไรก็ตาม ปริมาณโปรตีนที่กำหนดขึ้นดังกล่าวมีเหตุผลเพื่อช่วยป้องกันการขาดโปรตีนเท่านั้น จึงอาจไม่เหมาะสำหรับการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น   ดังนั้นความต้องการโปรตีนมากน้อยเพียงใด จึงขึ้นอยู่กับว่าสภาพร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวันนั้นเป็นอย่างไร  ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการโปรตีนมากขึ้นเท่านั้น   อายุก็มีบทบาทเช่นกัน งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของคุณจะทำงานได้ดีขึ้นด้วยปริมาณโปรตีนที่สูงขึ้น ซึ่งการศึกษานั้นพบว่า เมื่อคนอายุมากกว่า 50 ปี ได้รับโปรตีนประมาณสองเท่าของปริมาณที่แนะนำใน

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน Read More »

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถรักษาโรคข้ออักเสบด้วยอาหารได้ แต่คุณสามารถรับประทานอาหารเพื่อลด อาการปวดข้อได้  เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงทางโภชนาการ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องทราบถึงอาหารสำหรับ โรคข้ออักเสบในอุดมคติ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบจะเป็นอย่างไร อาหารที่แย่ ที่สุดสำหรับโรคข้ออักเสบที่คุณควรหลีกเลี่ยงหากทำได้มีอะไรบ้าง โรคข้ออักเสบไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลกระทบ ต่อผู้สูงอายุเท่านั้น ผู้ใหญ่และเด็กสามารถพบโรคข้ออักเสบได้อย่างน้อย 1 ชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ (รวมถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์) โรคข้ออักเสบติดเชื้อ (เช่นโรคตับอักเสบซี) โรคไขข้อเสื่อม (เช่นโรค ข้อเข่าเสื่อม) หรือโรคข้ออักเสบจากการเผาผลาญ (เช่นโรคเกาต์)  การจัดการความเจ็บปวดจาก โรคข้ออักเสบต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ซึ่งต้องผสมผสานระหว่างการบำบัดทางกายภาพ  การจัดการ ความเครียด  การออกกำลังกาย  และการรับประทานอาหารต้านการอักเสบ อาหารที่แย่ที่สุดสำหรับโรคข้ออักเสบ หลีกเลี่ยงการรับประทานส่วนผสมและอาหารเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อจากโรคข้ออักเสบ  อย่างแรกเลยคือ  คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการคัดแยกจนบริสุทธิ์มาแล้ว โดยเฉพาะแป้งที่ขัดขาวและน้ำตาล  การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการคัดแยกจนบริสุทธิ์ทำให้เกิดการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีการไกลเคชั่นขั้นสูง  ซึ่งพบว่ากระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้  ผลการวิจัยยังพิสูจน์ให้เห็นว่าน้ำตาลและแป้งขัดขาวดังที่พบในธัญพืช อาหารเช้าและขนมขบเคี้ยวหลายชนิดยังมีผลต่อสุขภาพลำไส้  หรือที่เรียกว่าไมโครไบโอม ซึ่งอาจทำให้ การอักเสบของโรคข้ออักเสบแย่ลง   อาหารที่ไม่ดีชนิดต่อมาคือ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหวาน ให้ผลในทำนอง เดียวกันน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการสูง (และทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น) เพราะพบว่าเครื่องดื่มรสหวานมี ความสัมพันธ์กับการอักเสบเรื้อรังในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำอัดลม ทำให้อาการของโรคข้อ อักเสบในผู้หญิงสูงขึ้น เพียงน้ำอัดลม

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ Read More »

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีนจัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มของรงควัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติผ่านกระบวนการสังเคราะห์ของพืช และมีมากกว่า 600 ชนิด กลุ่มรงควัตถุเหล่านี้เองที่ทำให้พืชผักผลไม้มีสีเหลือง ส้ม และ แดง โดยแคโรทีนอยด์ส่วนใหญ่ที่พบในพืชที่มนุษย์นำมารับประทานจะประกอบด้วย ไลโคพีน  เบต้าคริปโทแซนทิน ลูทีน ซีแซนทีน แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน   สำหรับเบต้าแคโรทีน   พบมากในพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น ผักบุ้ง ใบตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง แครอต เป็นต้น ส่วนผลไม้ ได้แก่ ผลไม้ที่มีสีแดง สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น แตงโม มะม่วงสุก มะละกอสุก ส้มสายน้ำผึ้ง เป็นต้น เบต้าแคโรทีนในผักสดมีตั้งแต่ไม่พบไปจนถึง 4,471.5 ไมโครกรัมต่อผัก 100 กรัมส่วนที่กินได้ พบมากที่สุดในแครอต รองลงมา ได้แก่ ผักชีล้อม ใบมันปู ผักตำลึง ยอดอ่อนมะม่วงหิมพานต์ ผักกระเฉด ผักพูม ผักกูด

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน Read More »

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม

การออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ดี หลายคนจึงคิดเหมือนๆกันว่า ถ้ายิ่งเราออกกำลังกายแบบเยอะๆ ออกกำลังกายแบบหนักๆ มันคงจะส่งผลดีต่อตัวเราอย่างแน่นอนเลยทีเดียว หลายคนเลยเลือกที่จะออกกำลังกายลดน้ำหนักเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะให้ร่างกายเราออกมาดีหรือ perfect body นั้นเอง แต่สุดท้ายการออกกำลังกายแบบหักโหมหรือแบบบ้าพลังแล้วนั้นก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของคนเราอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว วันนี้จะมานำเสนอให้ดูว่า ถ้าเราออกกำลังกายแบบหักโหมมากๆแล้วนั้น จะส่งผลเสียอย่างไรต่อตัวเอง Perfect Body เป้าหมายของการลดน้ำหนัก…จริงหรือ อย่างแรกเมื่อคุณคิดว่าการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก จะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้อย่างรวดเร็ว หรือถ้าคุณคิดว่าการออกกำลังกายแบบหักโหมช่วยเบิร์นแคลอรี่ของอาหารที่เราเพิ่งทานเข้าไปความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด และเป็นความคิดลดน้ำหนักที่ผิดเอามากๆ การออกกำลังกายนั้น ในวันๆหนึ่ง คุณควรที่จะออกกำลังกาย แค่ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน หรือจะ ตอนเช้าออกกำลังกายโดยเดินๆวิ่งไป ใส่หูฟังฟังเพลงสบายๆ สักประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วตอนเย็นก็ไปออกกำลังกายต่ออีกสัก 1-2 ชั่วโมงก็ยังได้ และในแต่ละสัปดาห์ การออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักก็สามารถออกแบบวันเว้นวันก็ได้หรือถ้าจะทำแบบคนทั่วไปเลยคือ ภายใน 1 สัปดาห์จะต้องออกกำลังกายสัก 3-4 วัน นั้นเอง แต่ถ้าคุณเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหมแล้วนั้นหรือ ที่หลายคนที่ไปฟิตเนสจะบอกกันว่า ถ้าเล่นแล้วร่างกายเจ็บวันต่อมาต้องเล่นซ้ำให้ร่างกายหายเจ็บ แต่อาจจะไม่ถูกเสมอไปเพราะมันอาจจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เรามีอาการเจ็บอยู่แล้วนั้นถ้าเราไปซ้ำบริเวณนั้นอีกจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีอาการอักเสบได้อย่างแน่นอน และแทนที่จะสามารถมาเล่นต่อในวันถัดไปได้ คุณก็จะต้องรักษาตัวให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหายอักเสบเสียก่อน และการออกกำลังกายทุกวันจะทำร่างกายเกิดอาการที่เรียกว่า ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่มีและส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ  โดยเฉพาะการลดน้ำหนักเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  ลดน้ำหนักแบบหักโหม  จะเสียอะไรบ้าง เพราะการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหมนั้นจะทำให้เราสูญเสียพลังงานในการออกกำลังกายนั้นเป็นอย่างมาก 

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม Read More »

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น

ภาวะโรคอ้วนกำลังเพิ่มขึ้นกับพลเมืองทั่วโลก โดยเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การบริโภคที่มากเกินไปและการออกกำลังกายไม่เพียงพอ โรคอ้วนทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ตามมา เช่นโรคเบาหวานประเภท 2 ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ  โดยความผิดปกติดังกล่าวล้วนทำให้อายุขัยที่สั้นลง   นอกเหนือจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะมีผลเกี่ยวพันกับโรคอ้วนแล้ว  มีรายงานในต่างประเทศที่ระบุว่าภูมิหลังทางสังคมของบุคคลในแง่มุมต่างๆ ก็มีผลต่อโรคอ้วนเช่นกัน  โรคอ้วนกับภูมิหลังของบุคคล การศึกษาเชิงสำรวจเพื่อหาความเกี่ยวข้องระหว่างภูมิหลังของบุคคลกับโรคอ้วนได้ดำเนินการในประเทศญี่ปุ่น  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิหลังทางสังคม โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับประชาชน 5,425 คน ที่ตอบแบบสำรวจ แบบสอบถามได้ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุของโรคอ้วนนั้นเชื่อมโยงกับปัจจัยต่างๆ นอกเหนือจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันของแต่ละบุคคล  ยังรวมถึงประสบการณ์ในวัยเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิด    โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปเป็นเพราะขาดแรงผลักดันทางจิตใจในการปรับปรุงพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตน อย่างไรก็ตามการศึกษาวิจัยนี้ได้เปิดเผยว่า ในผู้หญิงนั้น โรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่ไม่เพียงเชื่อมโยงกับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางสังคม (เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการศึกษา) แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ในวัยเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิด   ซึ่งสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงสวัสดิภาพเด็ก เช่นการเพิ่มมาตรการป้องกันการละเมิดจะช่วยป้องกันโรคอ้วนในผู้ใหญ่ด้วย ผลการเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนกับภูมิหลังของบุคคล ในปี 2018 ทางการเมืองโกเบได้แจกจ่ายแบบสำรวจแก่ประชาชน 20,000 คนที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 64 ปี เพื่อตอบเกี่ยวกับด้านต่างๆ เช่น สภาพความเป็นอยู่และปัญหาสุขภาพเพื่อให้เข้าใจถึงสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น Read More »