การวินิจฉัยโรคและแนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโต

สำหรับคนที่แพ้นมวัว แต่ชื่นชอบในการดื่มนมยกตัวอย่างเช่นผมเองครับ ก็เป็นอีกคนหนึ่งที่ชอบการดื่มนม แต่เวลาดื่มนมวัวทีไรมักจะท้องเสียจึงหันมาดื่มนมถั่วเหลืองแทน โดยที่ตอนแรกก็ไม่คิดว่ามันจะทดแทนกันได้ แต่เมื่อไปศึกษาจนเข้าใจแล้ว ก็พบว่าประโยชน์ของมันก็ไม่ได้ต่างกันเลย แถมยังอาจจะมีประโยชน์มากกว่านมวัวซะด้วยซ้ำ ไม่ว่าอะไรที่นมวัวทำได้นมถั่วเหลือง ก็สามารถทำได้เช่นกันไม่ว่าจะใช้รับประทานกับซีเรียลในตอนเช้า การนำมาทำเป็นโยเกิร์ต หรือ ไอศครีมก็ทำได้เช่นเดียวกัน และรสชาติก็ดีไม่ได้แพ้กันเลย และเหมาะมากๆสำหรับคนที่ทานมังสวิรัติ ซึ่งก็น่าจะถูกใจกันเป็นอย่างมากเลยล่ะใช่ไหมครับ และคุณค่าของนมถั่วเหลืองนั้น ก็มีพอๆกับนมวัวเลยไม่ว่าจะเป็นในส่วนของโปรตีน คาร์โบไฮเดรต และไขมัน ซึ่งเท่านี้ก็น่าจะเพียงพอแล้วใช่ไหมครับ สำหรับการที่จะหันมาดื่มนมถั่วเหลืองแทนนมวัว แต่ยังมีอะไรอีกมากมายสำหรับนมถั่วเหลืองที่น่าสนใจ เดี๋ยวเราจะมาดูกันครับว่ามีอะไรบ้าง ประโยชน์ของนมถั่วเหลือง สำหรับประโยชน์ของนมถั่วเหลืองนั้น ที่สำคัญที่สุดนั่นก็คือเหมาะมากๆครับสำหรับคนที่แพ้แลคโตส ซึ่งแลคโตสนี้ก็มีอยู่ในนมวัวนั่นเอง เมื่อทานเข้าไปแล้วสำหรับคนที่แพ้ ก็จะทำให้เกิดอาการแน่นท้อง ปวดท้อง ท้องเสีย คลื่นไส้อาเจียน ซึ่งนั่นก็เป็นข้อเสียที่เรียกได้ว่าอันตรายเลยทีเดียว เพราะฉะนั้นทางเลือกที่น่าสนใจอีกทางหนึ่ง ก็คือการรับประทานนมถั่วเหลือง ซึ่งไม่มีส่วนประกอบของแลคโตส และนมถั่วเหลืองนั้นไม่มีไขมันอิ่มตัว และคอเลสเตอรอล และมีโปรตีนที่สูงเท่ากับนมวัวเลยครับ และยังช่วยในเรื่องของการรักษาโรคกระดูกพรุนได้อีกด้วย ก็แนะนำว่าให้ทานเป็นประจำนะครับ จะได้ผลดีที่สุด  การเลือกซื้อนมถั่วเหลือง ก็เรียกได้ว่าในปัจจุบันมีผลิตภัณฑ์นมถั่วเหลืองมากมายในท้องตลาด ซึ่งคุณภาพก็ล้วนแต่ดีทั้งนั้นครับ แต่การเลือกนั้นก็ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้นควรคำนึงถึงในเรื่องของส่วนประกอบเป็นหลัก เพราะบางทีนมถั่วเหลืองบางยี่ห้อก็อาจจะสะสมน้ำมันรวมอยู่ด้วย และ บางยี่ห้ออาจจะมีส่วนประกอบจากผลิตภัณฑ์อื่นผสมอยู่ด้วยเช่นงาดำ ซึ่งก็นับว่ามีประโยชน์มากๆ หรือบางยี่ห้อก็มีการใส่ฟองเต้าหู้มาด้วย มันก็ยิ่งทำให้นอกจากอร่อยแล้วยังมีประโยชน์มากๆอีกด้วยครับ ซึ่งบางคนอาจจะชอบรสจืดรสหวาน […]

สำหรับคนที่ใจรักในการออกกำลังกายบางทีก็รู้สึกว่า การเดินทางไปออกกำลังกายในยิม หรือ กลางแจ้งตามสวนสาธารณะก็ดูเป็นอะไรที่ยุ่งยาก บางทีก็ไม่มีเวลาที่จะเดินทางไปไหน เพราะปัญหารถติด เวลาเลิกงานกว่าจะกลับมาถึงบ้านก็ดึกดื่น และ ที่สำคัญช่วงนี้ เป็นช่วงที่ประเทศและโลกของเรา เผชิญกับ เชื้อไวรัสโควิด-19 ระบาด การออกไปยิมพบปะผู้คนมาก ๆ ก็อาจจะทำให้เป็นอันตรายมากกว่าเป็นเรื่องดี ซึ่งถ้าเป็นอย่างนั้นเราลองมาทำห้องออกกำลังกาย กันที่บ้านกกันดีกว่า สำหรับคนที่มีห้อง หรือไม่มีห้องว่างในบ้านก็ไมต้องกังวลไป เพราะอุปกรณ์ที่เราจะนำมาเสนอนั้นใช้พื้นที่น้อย และ ราคาก็ไม่แพงอีกด้วย เรียกได้ว่ามีงบแค่หลักพันก็สามารถมีพื้นที่ในการออกกำลังกายได้ยาว ๆ สบายแล้ว อุปกรณ์สำหรับสร้างห้องออกกำลังกายง่ายๆ การสร้างห้องสำหรับเอาไว้ออกกำลังกายนั้นใช้อุปกรณ์อะไรบ้างมาดูกันเลย 1 แผ่นรองสำหรับออกกำลังกาย หรือโยคแมท หาซื้อได้ง่าย ๆ ราคาก็แสนถูก ร้อยกว่าบาทเอง คุณสามารถนำมันมาเอาไว้วางดัมเบล หรือจะเอาไว้นอนเล่นท่าซิทอัพ หรือ วิทพื้น เรียกได้ว่าว่ามันทำอะไรได้มากกว่าที่คิดเยอะเลยหละ และยังทนทานมาก ๆ อีกด้วย 2 ดัมเบลปรับน้ำหนักได้แบบพลาสติก หากการจะซื้อดัมเบลเหล็กนั้นเป็นอะไรที่คิดว่าเราจะใช้ไม่คุ้มค่า ลองมาใช้แบบพลาสติก ที่น้ำหนักเริ่มต้นที่ 15 กิโลกรัม ต่อข้างรวมแล้ว 3 กิโล ดีกว่าราคาก็ถูกมากนะไม่เกินพันบาท ความคงทนก็บอกเลยใช้ยาว

ชาวออฟฟิศหรือหนุ่มสาววัยทำงานที่จะต้องนั่งทำงานกันตลอดทั้งวัน และมักจะต้องทำอะไรหลายๆ อย่างแข่งขันกับเวลา ทำให้คุณละเลยในการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การพักผ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้คุณเกิดเจ็บป่วย และสำหรับโรคที่มักพบกันได้บ่อยๆ จะได้แก่  1. โรคเครียด  พบมากในวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปี ขึ้นไป เพราะเป็นช่วงอายุที่เริ่มมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น และมักจะพบว่าทำงานหนักมากขึ้นด้วย จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเครียด สำหรับใครที่อยู่ในช่วงวัยนี้และไม่อยากให้ตัวเองเกิดเป็นโรคเครียดสะสมซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ อีกหลายชนิด ให้คุณปฏิบัติตัวดังนี้ เมื่อมีอาการเครียดเกิดขึ้นให้หาทางผ่อนคลาย เช่นทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น และในช่วงวันหยุดก็ควรหาเวลาไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดเพื่อเป็นการผ่อนคลายกันบ้าง  2. อาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ วัยทำงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดปัญหาปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็น ปวดเบ้าตา ปวดหลัง ปวดแขน ขา และปวดตามข้อ วิธีป้องกันก็คือในแต่ละชั่วโมงให้เราลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถกันบ้าง และละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10 นาที โดยมองออกไปที่อื่น โดยเฉพาะที่ที่มีสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าจะดีมาก จะเป็นการช่วยถนอมสายตาของคุณได้เป็นอย่างดี  3. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ  มักจะเกิดขึ้นกับสาวทำงานทั้งหลายที่นั่งทำงานจนเพลินและไม่ค่อยอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา รวมทั้งมักจะดื่มน้ำในปริมาณน้อย แต่ถ้าอยากห่างไกลโรคนี้คุณจะต้องไม่อั้นปัสสาวะและควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว  4. โรคอ้วน 

ปัจจุบันมีอาหารเสริมจำหน่ายมากมาย ที่มาในรูปของผลิตภัณฑ์หลากหลายรูปแบบ ในบางครั้งเราอาจไม่มั่นใจในคุณภาพ หรือบางอันอาจมีสารตกค้างเมื่อรับประทานเข้าไปเป็นประจำ เมื่อเป็นแบบนี้เรามาเลือกรับประทานอาหารเสริมจากธรรมชาติกันดีกว่า นอกจากจะช่วยให้คุณมีสุขภาพดีขึ้นแล้ว ยังช่วยในเรื่องของความสวยความงามได้อีกด้วย ที่สำคัญหาทานง่ายมีราคาไม่แพง จะมีอะไรบ้างนั้นใครสนใจตามไปดูกันได้เลย  1. ปลาทูน่า ในเนื้อปลาทูน่าอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะโอเมก้า 3 ที่มีส่วนในการช่วยทำให้ผิวสวยสุขภาพดี ความจำดี และช่วยลดไขมันในเส้นเลือด 2. มะเขือเทศ ได้เชื่อว่าเป็นราชินีผลไม้ในด้านความสวยความงามกันเลยทีเดียว บอกเลยสาวๆ ต้องห้ามพลาด เพราะในมะเขือเทศมีวิตามินซีอยู่เป็นจำนวนมาก ที่มีส่วนในการช่วยทำให้ผิวสวย มีสีอมชมพู เปล่งปลั่งสดใส  3. กล้วยหอม อุดมด้วยโพแทสเซียม และสารอาหารต่างๆ ช่วยลดอาการบวมน้ำ และตาบวม พลังงานในกล้วยหอมยังสามารถนำไปใช้ได้ทันที ใครรู้สึกอ่อนเพลียลองหยิบกล้วยหอมมารับประทานสักลูกจะช่วยให้คุณรู้สึกดีขึ้น  4. โยเกิร์ต อุดมไปด้วยแคลเซียม ช่วยบำรุงผิว บำรุงเส้นผม ทำให้ขนตาแข็งแรงไม่หลุดร่วงง่าย  ช่วยบำรุงกระดูกและฟันให้แข็งแรง 5. เต้าหู้ มีโปรตีนสูง ทำให้ผิวหนังเต่งตึงกระชับไม่เหี่ยวย่น ไม่ทำให้อ้วน และยังมีประโยชน์อย่างมากสำหรับผู้หญิงทุกวัย  6. ไก่ โปรตีนที่อยู่ในเนื้อไก่จะทำให้อิลาสติน (Elastin) ในผิวหนังยืดหยุ่นได้ดี ช่วยให้ผิวกระชับ ไม่หย่อนคล้อย ดูอ่อนกว่าวัย 

การออกกำลังกายมีประโยชน์หลายอย่างสำหรับสุขภาพร่างกาย นอกจากจะช่วยให้ระบบต่างๆ ของร่างกายทำงานได้อย่างเป็นปกติแล้ว ยังช่วยในเรื่องของการลดน้ำหนัก และการลดสัดส่วนต่างๆ ตามที่เราต้องการได้อีกด้วย โดยเฉพาะต้นขา วิธีการลดต้นขาด้วยการออกกำลังกายก็เป็นวิธีการลดต้นขาวิธีหนึ่งที่ได้ผลดี เพราะนอกจากคุณจะมีต้นขาเรียวสวยได้อย่างต้องการแล้ว วิธีการลดต้นขาด้วยการออกกำลังกายยังช่วยทำให้คุณมีกล้ามเนื้อบริเวณต้นขากระชับขึ้นได้อีกด้วย ใครอยากรู้ลองมาดูกันดีกว่าว่าเราควรออกกำลังกายแบบไหนกันบ้าง ว่ายน้ำ การว่ายน้ำด้วยท่าฟรีสไตล์จะช่วยให้คุณสามารถลดต้นขาด้านหน้าได้ และท่าคุณว่ายท่ากบจะช่วยในการลดต้นขาด้านหลัง นอกจากนี้การว่ายน้ำยังเป็นการช่วยทำให้กล้ามเนื้อกระชับขึ้นได้อีกด้วย การวิ่ง หลายคนมักคิดว่าถ้าเราวิ่งบ่อยๆ จะทำให้กล้ามเนื้อใหญ่ขึ้นและมีกล้ามเนื้อเป็นมัดๆ แต่จริงๆ แล้วเป็นการเข้าใจผิด การวิ่งจะช่วยทำให้กล้ามเนื้อกระชับและแข็งแรงขึ้น นอกจากการวิ่งเพื่อการแข่งขันที่ต้องใช้แรงและความเร็วมากแบบนั้นถึงจะมีโอกาสทำให้กล้ามเนื้อขาใหญ่ขึ้นได้ ดังนั้นสำหรับสาวๆ ที่อยากลดต้นขาสามารถใช้วิธีการวิ่งเยาะๆ ทุกวัน วันละ 30 นาที ก็จะสามารถช่วยให้คุณมีต้นขาที่เล็กลงและกระชับขึ้นได้ การปั่นจักรยาน  เป็นการออกกำลงกายอีกวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยม และทำได้ง่าย การปั่นจักรยานเราจะได้บริหารช่วงขาทั้งด้านล่างและด้านบน นอกจากจะช่วยให้ขาเรียวสวยได้แล้ว ยังช่วยให้ขาและแขนแข็งแรงอีกด้วย นอกจากนี้การปั่นจักรยานยังเป็นการออกกำลังกายอีกรูปแบบที่ช่วยให้คุณสามารถควบคุมน้ำหนักอย่างได้ผล แต่ควรปั่นในสถานที่ที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือมีไว้สำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ  โยคะ จริงๆ แล้วการเล่นโยคะมีประโยชน์หลายอย่างต่อร่างกายไม่ใช่เพียงแค่ช่วยลดต้นขาได้เท่านั้น แต่ยังป้องกันการเกิดอาการออฟฟิศซินโดรมได้เป็นอย่างดีอีกด้วย นอกจากนี้หากใครมีอาการปวดแขน ปวดขา ปวดหลัง จากการนั่งเป็นเวลานานๆ แนะนำให้คุณหันมาลองเล่นโยคะกันดู จะช่วยบรรเทาอาการต่างๆ และหายไปได้ในที่สุด การเล่นโยคะยังเหมาะสำหรับทุกเพศทุกวันอีกด้วย  ใครอยากมีต้นขาที่เล็กลงและกำลังมองหาวิธีการลดต้นขา ลองหันมาออกกำลังกายกันดูนะคะ รับรองได้เลยว่านอกจากต้นขาของคุณจะเล็กลงอย่างที่ต้องการกันแล้ว คุณจะยังมีรูปร่างที่สมส่วนขึ้นได้อีกด้วย เครดิตภาพ

ปัจจุบันนี้พบการเกิดโรคเบาหวานในเด็กค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มที่จะมีมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้ปกครองจึงควรดูแลเอาใจใส่ในเรื่องต่างๆ ของเด็ก สำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคเบาหวานในเด็กจะได้แก่ เกิดจากพันธุ์กรรม เกิดจากสภาพแวดล้อม เกิดจากากรได้รับเชื้อไวรัสบางชนิด และการใช้ยาบางประเภท รวมไปถึงความอ้วน เป็นต้น แต่เมื่อเด็กเกิดเป็นโรคเบาหวานขึ้นแล้ว ผู้ปกครองควรเอาใจใส่ดูแลในเรื่องต่างๆ ดังนี้  1. เด็กควรได้รับยาอย่างสม่ำเสมอไม่ว่าจะเป็นยาในแบบรับประทาน หรือการฉีดอินซูลินเข้าสู่ร่างกาย เพื่อเป็นการช่วยรักษาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดให้อยู่ในระดับปกติ 2. ควรใส่ใจในเรื่องของการรับประทานอาหาร เช่น ควรรับประทานอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน ให้น้อยลง และเด็กที่เป็นโรคเบาหวานจากสาเหตุความอ้วนควรระมัดระวังในการรับประทานให้มากขึ้นเพื่อช่วยในการควบคุมน้ำหนักตัว และให้เลือกรับประทานผักและผลไม้ที่มีกากใยและเส้นสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายสามารถเผาพลาญได้ดีขึ้น และควรรับประทานอาหารให้ครบทั้ง 3 มื้อ อาหารในแต่ละมื้อควรครบหลักโภชนาการ 5 หมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างครบถ้วน  3. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอแต่ไม่ควรหักโหมจนเกินไป และควรออกกำลังกายให้เหมาะสมสำหรับวัย เพื่อให้ร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานต่างๆ ได้ดี การออกกำลังกายยังช่วยให้ร่างกายสร้างภูมิคุ้มกันโรคต่างๆ ได้ดีขึ้นอีกด้วย สำหรับการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับเด็กๆ เช่น การวิ่ง การเดิน ว่ายน้ำ ตีเบ็ด ถีบจักรยาน เป็นต้น  4. ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย หรือย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว

เครื่องดื่มทั้งที่ใช้น้ำตาลจริงและที่ใช้น้ำตาลเทียมล้วนสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด  ซึ่งแสดงให้เห็นว่าน้ำตาลเทียมอาจจะไม่ใช่เลือกเพื่อสุขภาพที่ดี ตามที่มีการกล่าวอ้าง   ทั้งนี้ผลการวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยโรคหัวใจแห่งอเมริกา ชี้ให้เห็นว่า ถึงแม้อาหารรวมทั้งเครื่องดื่มที่แต่งเติมรสหวานด้วยน้ำตาลจริงสามารถส่งผลเสียต่อสุขภาพของหัวใจและการเผาผลาญได้ แต่กับเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียมซึ่งได้รับการแนะนำให้เป็นทางเลือกที่ดีต่อสุขภาพนั้น กลับไม่ทราบผลกระทบต่อสุขภาพหัวใจและหลอดเลือดอย่างชัดเจน   น้ำตาลเทียมเป็นสารที่ถูกสังเคราะห์ขึ้นมาทางวิทยาศาสตร์ และมีคุณสมบัติให้รสหวานคล้ายน้ำตาล สามารถนำมาใช้แทนน้ำตาลได้ เนื่องจากผู้บริโภคบางกลุ่มต้องการลดน้ำตาลที่เป็นสารคาร์โบไฮเดรต เพื่อควบคุมน้ำหนักหรือเป็นโรคเบาหวาน  นอกจากนั้นน้ำตาลเทียมยังใช้ลดต้นทุนการผลิต เนื่องจากราคาน้ำตาลในตลาดมีราคาสูง และบาครั้งก็ขาดตลาด ทั้งนี้ ราคาน้ำตาลเทียมจะต่ำกว่าน้ำตาลมากจึงหันมาใช้สารให้ความหวานประเภทน้ำตาลเทียมแทน  รวมทั้งใช้รักษาคุณภาพอาหารเมื่อเก็บไว้นาน นอกจากนั้น ยังใช้ในส่วนผสมของผลิตภัณฑ์บางชนิดที่ไม่ใช่อาหารเพื่อให้มีรสหวาน เช่น ยา ยาสีฟัน เป็นต้น การเปรียบเทียบระหว่างเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียมกับที่ใช้น้ำตาลจริง นักวิจัยได้ศึกษาข้อมูลที่ได้จากผู้เข้าร่วม 104,760 คน แล้วนำมาตรวจสอบความสัมพันธ์ระหว่างความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดกับการบริโภคเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลและเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลเทียม  โดยผู้เข้าร่วมการทดสอบถูกขอให้กรอกข้อมูลการบริโภคอาหารตลอด 24 ชั่วโมง  โดยจะมีการตรวจสอบสามครั้งทุกหกเดือน เครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียมถูกกำหนดให้เป็นเครื่องดื่มที่ใช้สารให้ความหวานที่ไม่มีคุณค่าทางโภชนาการ ส่วนเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลแท้จะเป็นเครื่องดื่มที่มีน้ำตาล 5% ขึ้นไป  การปรากฎโรคหัวใจและหลอดเลือดกับผู้ดื่มเครื่องดื่มที่ใช้น้ำตาลเทียม ระหว่างการติดตามผลตั้งแต่ปี 2552-2562  นักวิจัยพบว่ามีผู้เข้ารับการทดสอบเกิดภาวะโรคหัวใจและหลอดเลือด  ซึ่งถูกวิเคราะห์ให้เป็นโรคหลอดเลือดสมอง  ภาวะสมองขาดเลือดชั่วคราว ภาวะกล้ามเนื้อหัวใจตาย  โรคหลอดเลือดหัวใจเฉียบพลัน  และการผ่าตัดเปลี่ยนหลอดเลือด โดยมีผู้เข้าร่วม 1,379 คน มีกรณีโรคหัวใจและหลอดเลือดเป็นครั้งแรก เมื่อเทียบกับผู้ที่ไม่ได้ดื่ม  

สำหรับคนที่ออกกำลังกายด้วยการวิ่งมาระยะหนึ่งแล้ว ก็ต้องอยากที่จะมีเป้าหมายใหม่ ๆ เพิ่มมากขึ้น นั่นก็คือ การเป็นนักวิ่งมาราธอน ซึ่งบางคนก็กลัวกันว่าจะทำได้ไม่ไหว จึงไม่กล้าที่จะลงมือทำ แต่ก็บอกเลยครับว่าอย่าไปกลัว ถ้าใจต้องการแล้ว การก้าวไปสู่เป้าหมาย อาจจะเป็นช่วงเวลาที่เราทำแล้วมีความสุขมาก ๆ ก็ได้ เพราะฉะนั้นก็ทำมันซะ ไม่มีคำว่าสายหรอกครับ แค่กายพร้อมใจพร้อมเราก็สามารถทำได้แล้ว ของอย่างนี้มันอยู่ที่ใจใช่เงินทอง เพราะการวิ่งมาราธอนทุกคนเท่าเทียมกัน อยากจะมีสุขภาพดีใช้เงินอย่างเดียวมีไม่ได้นะครับ ต้องลงมือทำ  การเตรียมตัวสำหรับการเป็นนักวิ่งมาราธอน  สำหรับการวิ่งมาราธอนนั้นเราก็ต้องเตรียมตัวกันก่อน มาดูกันดีกว่าจะต้องเตรียมตัวกันอย่างไรบ้าง  1 การตรวจสุขภาพ แน่นอนครับว่าเราไม่รู้เลยว่าการวิ่งมาราธอนนั้นจะมีความเสี่ยงต่อตัวเรามากมายแค่ไหน หากเตรียมความพร้อมเอาไว้ก่อน ก็น่าจะดีกว่า เพราะมันอาจะมีความเสี่ยงที่เราได้ตรวจพบเจอก่อนลงแข่งขัน ก็จะทำให้เราถอนตัวได้ทัน อย่าเอาตัวเองไปเสี่ยงเลยครับ หรือ เราอาจจะตรวจพบว่าร่างกายเราพร้อมมาก ๆ  ก็จะทำให้เราสามารถวิ่งมาราธอนได้อย่างเต็มที่แบบสุด ๆ ใครก้อย่ามาขวางทางกันเลย  2 การเช็คประวัติทางด้านสุขภาพของญาติ อ้าวมันจะเกี่ยวอะไรเนี่ย หลาย ๆ คนคงจะเกิดคำถามขึ้นภายในใจ แต่จากการศึกษาของสถาบันที่ประเทศเดนมาร์ก พบว่า หากพบว่าญาติของเราเสียชีวิต ก่อนวัย 60 ด้วยโรคหัวใจ มันมีโอกาสที่จะส่งผลมาสู่รุ่น ๆ ลูกหลานได้ด้วยครับ เพราะฉะนั้นอะไรที่ไม่ควรเสี่ยงก้ปลอดภัยไว้ดีที่สุดดีกว่า  3

ทราบกันไหมค่ะว่า ถ้าร่างกายเรามีอาการผิดปกติเกิดขึ้น หรือแตกต่างไปจากเดิม นั่นแสดงว่าเขาส่งสัญญาณบางอย่างให้เราทราบกันแล้วว่า อาจมีอะไรเกิดขึ้นกับสุขภาพของเรา อย่างเช่นอาการต่อไปนี้ หากคุณกำลังเป็นอยู่ หรือคนใกล้ชิดในครอบครัว ให้รีบไปพบแพทย์ เพื่อตรวจหาสาเหตุจะเป็นวิธีที่ดีที่สุด จะมีอาการอะไรบ้างนั้นลองตามไปดูกันนะคะ   1. มีผมร่วงมาก อาจเกิดจาก ต่อมไทรอยด์ผิดปกติ โดยทั่วไปแล้วเส้นผมของคนเราจะร่วงประมาณวันละ 50-100 เส้น หากมากไปกว่านี้จะถือว่าผิดปกติ ซึ่งเราอาจจะไม่ต้องถึงขนาดนับแต่ให้กะปริมาณเอา  2. ตาเหลือง อาจเกิดจาก โรคตับ รวมถึงถุงน้ำดีผิดปกติ หากเป็นจุดสีออกเหลืองที่หัวตา แสดงว่าร่างกายมีคอเลสเตอรอลสูง ถ้ามีสีแดงปน อาจเกิดจากอาการอักเสบ และการระคายเคือง รวมไปถึงติดเชื้อบางชนิด 3. มีริ้วรอยร่องลึกบนใบหน้า อาจเกิดจาก โรคกระดูกพรุน 4. ริมฝีปากแห้งเป็นขุย แม้ไม่ใช่วันที่มีอากาศหนาว อาจเกิดจาก โรคภูมิแพ้ และโจเกรน (หนึ่งในโรคแพ้ภูมิตัวเอง) 5. มีกลิ่นปาก ปากเหม็น อาจเกิดจาก ฟันผุ เหงือกอักเสบ โรคหัวใจ และกระดูกผิดปกติ 6. ผื่นผีเสื้อขึ้นบนใบหน้า อาจเกิดจาก โรคแพ้ภูมิคุ้มกันตัวเอง (โรคพุ่มพวง)