ออกกำลังกายด้วยท่าสควอท อย่างไรให้มีประสิทธิภาพ

โรคกระเพาะอาหาร หลายคนเข้าใจว่า เป็นโรคที่เกิดจากน้ำย่อยกัดกระเพาะจนทำให้เกิดเป็นแผลแต่ความจริงแล้ว ผู้ป่วยประมาณ 60-90 เปอร์เซ็นต์ เป็นชนิดที่ไม่มีแผลเกิดขึ้น พบเพียงอาการอักเสบเท่านั้น แต่อย่างไรก็ดีการเกิดโรคนี้ก็มีความคล้ายคลึงกันคือผู้ป่วยจะรู้สึกปวดจุกแน่นบริเวณลิ้นปี่ เหนือสะดือ มีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ เรอเปรี้ยว เป็น ๆ หาย ๆ มักเกิดขึ้นเวลาท้องว่าง หรือเวลาหิว บางคนมีอาการปวดแน่นทันทีหลังทานอาหาร บางรายรู้สึกไม่สบายท้องเพราะมีลมมาก ต้องเรอหรือผายลมก่อนถึงจะดีขึ้น และอาจจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน และแสบร้อนกลางอกร่วมด้วย ซึ่งเราสามารถแก้โรคกระเพาะได้ด้วย 5 สมุนไพรไทยหาซื้อง่ายได้ทั่วไปตามท้องตลาด 5 สมุนไพร หาได้ทั่วไป ช่วยรักษาโรคกระเพาะอาหาร                   1. กล้วยน้ำว้าดิบ โดยนำมาฝานแล้วตากแดดให้แห้งนำมาบดให้ละเอียด ชงกับน้ำเปล่าผสมน้ำผึ้งไว้สำหรับดื่ม หรือจะนำมาปั้นเป็นยาลูกกลอนใช้ทานก็ได้ นอกจากนี้ผงกล้วยนี้ยังสามารถนำมาโรยลงในอาหารบางชนิดเช่น ข้าวต้ม รับประทานวันละ 3-4 ครั้ง จะช่วยป้องกันและรักษาแผลในกระเพาะอาหารได้ เนื่องจากมีสารที่ช่วยกระตุ้นให้กระเพาะหลั่ง มิวซีน ออกมาทำหน้าที่เคลือบกระเพาะอาหารของเรานั่นเอง                   2. ขมิ้นชัน สารเคอคอวมินอยด์ ในขมิ้นชันจะช่วยป้องกันการเกิดแผลในกระเพราะอาหาร ช่วยลดการอักเสบและกระตุ้นการขับน้ำดี ทำให้ระบบการย่อยอาหารของร่างกายดีขึ้น จึงทำให้ไม่เกิดอาการจุดเสียด แน่นท้อง […]

สาเหตุหลักที่ทำให้ไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน่าจะมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี เช่น ชอบกินขนม ชอบดื่มน้ำอัดลมชอบกินของทอดและอาหารมัน ๆ แต่ถ้าวิเคราะห์กันจริง ๆ แล้ว ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน จะด้วยสิ่งใดบ้างวันนี้ที่นี่มีคำตอบ 1 ปัจจัยทางสรีระ ความผิดปกติของการย่อยและการดูดซึมอาหาร ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายผิดปกติ วามผิดปกติของระดับฮอร์โมน เช่น ถ้าระดับฮอร์โมน ไทรอยด์น้อยหรือมากเกินไป จะทำให้ความต้องการอาหารและอัตราการใช้สารอาหารภายในร่างกายผิดปกติ 2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เนื่องจากต่อมใต้สมองส่วนล่าง (Hypothalamus) มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น หากอุณหภูมิปกติในร่างกายเราประมาณ36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงไฮโปทาลามัสก็จะมีปฏิกิริยาทันที                                           Hot & Could *อุณหภูมิสูง กระตุ้นศูนย์อิ่ม *อุณหภูมิต่ำ กระตุ้นศูนย์หัว 3. ปัจจัยทางอารมณ์และจิตใจ เสียใจ อกหัก ขาดความอบอุ่น เครียด วิตกกังวล เป็นธรรมชาติของคนเรา ซึงไม่มีใครที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ทุกข์ ไม่เศร้าและในบางกรณีอารมณ์เหล่านี้อาจทำให้คุณแสดงออกโดยการกินอาหารมากขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความไม่สบายใจหรือบางคนอาจไม่กินอะไรเลยก็มี อีกทั้งนิสัยการกินที่ติดตัวมาแต่เด็กก็ส่งผลต่อการกินอาหารในอนาคตด้วยเช่นกัน เช่น ตอนเด็ก ๆ ถูกสอนให้กินจุ

พฤติกรรมการกินผิด ๆ เป็นสาเหตุให้ระบบเผาผลาญอาหารของคุณต่ำลง อันได้แก่ ไม่กินอาหารเช้า นอนดึก กินอาหารเย็นช้า แถมกินมากกว่ามื้ออื่น กินอาหารเย็นดึกเกินไปเพราะต้องออกกำลังกายช่วงเย็น ไม่กินอาหารเช้า ไม่กินอาหารเช้าโดยให้เหตุผลว่า “ไม่อยากเลยไม่ค่อยหิว” หรือ “สายแล้ว กลัวไม่ทันรถ” ต้องรีบออกจากบ้านแต่เช้า เดี๋ยวรถติด” หรือ “รอกินเที่ยงรวมเป็นมื้อเดียวเลยก็แล้วกัน” เหตุผลเหล่านี้คือปัญหาอันดับแรกที่ทำให้คุณอ้วน อาหารเช้าเป็นเหมือนเชื้อเพลิงสำคัญสำหรับเริ่มต้นกลไกภายในของร่างกายในแต่ละวัน ลองคิดดูว่า ถ้าไม่มีอาหารเช้าก็เท่ากับว่ากลไกภายในร่างกายต้องทำงานโดยใช้พลังงานสำรองเพียงอย่างเดียว ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการทำงานทุก ๆ ด้านมีอยู่เพียง 20 – 30 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ยิ่งถ้าเจาะลึกถึงระบบเผาผลาญพลังงานด้วยแล้ว ยิ่งพบว่าแทบไม่ขยับเลย เพราะร่างกายต้องนำพลังงานไปใช้ในกลไกที่สำคัญกว่า เช่นการหายใจ การฟอกโลหิตของปอด การสร้างเลือด การซ่อมแซมเซลล์ที่สึกหรอ เราสามารถแก้ไขได้ด้วยการปรับความคิดให้เป็นแบบใหม่เป็น *ต้องกินเช้า กินเที่ยว กินเย็น (ไม่กินเช้าจะอ้วนกว่าการไม่กิน) นอนไม่เป็นเวลา นอกจากการกินที่ไม่ตรงเวลาแล้ว การนอนไม่เป็นเวลาก็มีผลเช่นกัน โดยเฉพาะ เราติดซีรีย์ ติดคอนเสิร์ต ชอบดื่ม ติดมือถือ ชอบสังสรรค์ เข้าสังคมบ่อย อะไรที่ว่าชอบ อะไรที่ว่าติดและบ่อยมักเป็นข้อเสียมากมาย หลัก

นาฬิกาชีวิตคือกฎธรรมชาติที่กำหนดให้สิ่งมีชีวิตบนโลกนี้ไม่ว่าจะเป็นคนพืชหรือสัตว์ดำเนินกิจกรรมไปตามช่วงเวลาแห่งการขึ้นและตกของดวงอาทิตย์มนุษย์ได้ยึดถือกฎนี้มานับงานเป็นหมื่นปีเท่าที่มีบันทึกเอาไว้หรืออาจมีมากกว่านั้นแต่ยังไม่มีการจดบันทึกอย่างเป็นระบบ แพทย์แผนจีนได้บอกกล่าวไว้ว่ามนุษย์มีการเคลื่อนไหวของลมผ่านอวัยวะต่างๆ 12 อวัยวะอย่างละ 2 ชั่วโมงรวมเป็น 24 ชั่วโมง ถ้าเราปฏิบัติกิจวัตรประจำวันให้สอดคล้องเข้ากับหลักการนี้ก็จะมีสุขภาพที่แข็งแรงและไม่เจ็บไม่ป่วยได้อย่างง่าย พรุ่งนี้แม้ว่าแพทย์แผนปัจจุบันก็ยอมรับว่าร่างกายหลั่งฮอร์โมนแต่ละอย่างต่างเวลากันออกไป ภาพรวมของนาฬิกาชีวิต การที่โลกหมุนรอบตัวเองทําให้เกิดแทงกลางคืนกลางวันดวงอาทิตย์ส่งพลังแสงและสนามแม่เหล็กธรรมชาติมายังโลกไม่เท่ากัน เมื่อเวลาหมุนเปลี่ยนไปในแต่ละชั่วโมง ย่อมเป็นผลให้อวัยวะต่างๆภายในร่างกายตอบสนองและทำงานในเวลาที่แตกต่างกันออกไป โดยอย่างเช่น 07:00 น. -09:00 น. เป็นเวลาทำงานของกระเพาะอาหารเนื่องจากเมื่อดวงอาทิตย์ขึ้นประมาณ 06:00 น เซลล์ต่างๆในร่างกายก็จะตื่นและต้องการพลังงาน โดยกระตุ้นให้ร่างกายพร้อมที่จะรับและย่อยอาหาร เพราะฉะนั้นเลยต้องเติมพลังงานให้กับร่างกายด้วยการรับประทานอาหารเช้าอย่างเหมาะสมและเพียงพอ ถ้าเรารับประทานอาหารเช้าได้ตามนี้ทุกวันสมองจะนัดรู้และบันทึกว่าได้รับแล้ว หากมีหิวเพิ่มในช่วงกลางวันหรือเที่ยงเท่านั้น สำหรับมื้อเที่ยงและเย็นถึงจะรับประทานบ้างร่างกายก็จะไม่สะสม ยกเว้นคาร์โบไฮเดรตหรือพวกแป้งที่จะสะสมทุกกรณีถ้ารับประทานเกินกว่าที่ร่างกายจะนำไปใช้ได้ทั้งหมด  ดังนั้นแล้วบอกเอาไว้เลยว่าตั้งแต่เที่ยงแค่เรื่องแป้งได้ก็ถือว่าดีมากแล้ว แต่ถ้าเราไม่รับประทานอาหารเช้าให้เพียงพอหรือไม่รับประทานอาหารเลยสมองจดบันทึกว่าขาดสารอาหารและสั่งให้สะสมอาหารไว้ในเวลาที่รับประทานมื้ออื่นๆดังนั้นคนที่ไม่รับประทานอาหารเช้าซึ่งอ้วนอย่างยิ่งไปก่อนนั้นร่างกายจะดึงของเก่าในลำไส้กลับมาใช้มากขึ้น หมายความว่าถ้าเช้าไม่รับประทานอาหาร จะต้องรับประทานอุจจาระแทน จากช่วงเช้าที่รับประทานมาย่อยแล้วจะส่งต่อไปดูดซึมที่ลำไส้เล็กในช่วงบ่ายช่วงนี้เป็นเวลาของการเผาผลาญและดูดซึมถ้าไปดูตารางนาฬิกาจะเห็นได้ว่า ช่วง 13:00 น ถึง 15:00 น จะเป็นเวลาของลำไส้เล็กทางกายจะมีความร้อนเพิ่มขึ้นจากการเผาผลาญจึงควรดื่มน้ำให้เพียงพอแนะนำประมาณ 1 แก้วทุกชั่วโมงตั้งแต่ 13:00 น ถึง 18:00 น ช่วงเวลา 15:00 น ถึง 17:00 จะเป็นเวลาของกระเพาะปัสสาวะร่างกายจะขับน้ำออกมาได้ดีมาก ในช่วงนี้ถ้าดื่มน้ำไม่เพียงพออาจเกิดความสมดุลในกระเพาะปัสสาวะทำให้เกิดนิ่วได้ง่าย

ไม่มีใครรู้ว่าอาการของโรคเบาหวานจะเป็นปัญหาระดับโลกไปได้ และที่สำคัญยังไม่วายที่จะเกิดได้กับเด็ก ๆ  และผู้ที่มีอายุน้อย จากการศึกษาพบว่าโรคเบาหวานนั้นมาจากการเลือกรับประทานและการมีวิถีชีวิตที่เร่งรีบของคนในสังคมจนอาจเกิดขึ้นได้จากรุ่นสู่รุ่น วันนี้เราก็ไม่อาจให้คุณพลาดกับเรื่องราวที่น่าสนใจอย่างเบาหวาน อยากรู้ว่าจะมีที่มียังไงและสมุนไพรอะไรบ้างที่สามารถช่วยลดปัญหาของการเกิดเบาหวาน ไม่มีมนุษย์และสิ่งมีชีวิตประเภทไหนที่อยากจะมามีชีวิตร่วมกับโรคที่อันตราย แต่การรับประทานอาหารสิ่งที่โปรดปรานมันก็ห้ามใจได้ยากเหลือเกิน เบาหวานเป็นการผลิตฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอเลยทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดสูง ซึ่งโดยปกติแล้วน้ำตาลจะเข้าสู่เซลล์ร่างกายเพื่อไปใช้พลังงานในการควบคุมของฮอร์โมนอินซูลิน แต่สำหรับคนที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานนั้นฮอร์โมนอินซูลินจะไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ เลยก่อให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงของน้ำตาลในเลือดร่างกายไม่สามารถที่จะกักเก็บน้ำตาลไว้ได้ก็จึงปล่อยออกพร้อมปัสสาวะได้และเป็นโรคเบาหวานในที่สุด ความหวานกับน้ำตาล น้ำตาลคือ หนึ่งในอนุพันธ์ของคาร์โบไฮเดรส หรือกลุ่มแป้งที่เป็นพลังงานให้กับร่างกายคาร์โบไฮเดรต(แป้ง)มีหลายอย่างเวลาที่ระวังน้ำตาล บางคนระวังแค่ของหวาน ๆ ระวังแค่ขนมหวาน บัวลอย ฝอยทอง ทองหยิบ ทองหยอด  หรืออะไรก็ตามแต่ต้องระวังไปถึงแป้งด้วย แป้งก็ถูกจัดว่าเป็นน้ำตาล และสิ่งที่น่าห่วงเลยคือผลไม้ที่แม้จะเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์แต่ระดับน้ำตาลที่ไม่มีประโยชน์ก็มีเช่นกันนะห้ามรับประทานมากจนเกินไป  น้ำตาล High Fructose Corn Syrup (HFCS) ในอุตสาหกรรมใช้ (HFCS) High Fructose Corn Syrup  ไปกับอะไรบ้างเครื่องดื่มหวาน ๆ นมผงเด็ก น้ำอัดลม ไม่เว้นแม้แต่ธัญพืช ขนม ใกล้ตัวเข้าไปอีกคือซอสที่เราใช้ในครัวเรือนนี่คือความน่ากลัวที่คุณเองอาจไม่ได้พึงสังเกต สาเหตุ ของการได้รับเจ้าเบาหวาน ประเพณี ชนชาติ เชื้อชาติ ความยาก ความชอบ ความสุขจากการได้กินอาหารปะเภท มัน

                  ในสถานการณ์ต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นไม่ว่าจะเป็นเรื่องของฝุ่น PM 2.5 และการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ทำให้เกิดความวิตกกังวลกับประชาชนทั่วไปทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ วิธีที่ดีที่สุดคือการการสวมหน้ากากตลอดเวลาก็จะช่วยลดการรับฝุ่นละอองขนาดเล็ก และการแพร่กระจายเชื้อไวรัสต่าง ๆ ได้                   วิกฤตที่เกิดขึ้นในประเทศไทยขณะนี้มีอยู่ 2 ใหญ่ ๆ คือเรื่อง ฝุ่น PM 2.5 ที่อาจเข้าสู่ร่างกายจนทำลายสุขภาพของเราในระยะยาว และการแพร่ระบาดของไวรัส Covid-19 ซึ่งประชาชนส่วนใหญ่มีความตื่นตัวในการสวมใสหน้ากากกันมากขึ้น เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ในชีวิตประจำวันไปแล้ว เพื่อความปลอดภัยในสุขภาพของตัวเองและคนในครอบครัว เพราะหน้าที่ของหน้ากากจะช่วยป้องกันไม่ให้ผู้สวมใส่ปลอดภัยจากการสัมผัสละอองฝอยของสารคัดหลั่งต่าง ๆ  ซึ่งอาจจะมีเชื้อโรคและใช้ป้องกันไม่ให้ผู้ป่วยแพร่เชื้อออกไปสู่ผู้อื่น แต่มีความสับสนกันว่าหน้ากากที่วางขายทั่วไปตามท้องตลาดจะใช้ชนิดไหน แบบไหนสวมใส่แล้วป้องกันอะไร มาดูกันว่าหน้ากากอนามัยแต่ชนิดกันว่าแบบไหนช่วยป้องกันอะไร ชนิดของหน้ากากที่มีวางจำหน่ายอยู่ทั่วไปตามท้องตลาด                   1. หน้ากากทางการแพทย์ เป็นหน้ากากอนามัยที่พบเห็นได้ทั่วไปตามโรงพยาบาล ผลิตจากผ้าหรือพอลีโพรไพลีน เป็นพลาสติกที่มีความปลอดภัย มีชั้นกรองอย่างน้อย 3 ชั้น ใช้สำหรับป้องกันโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ ป้องกันการแพร่กระจายของเชื้อแบคทีเรียหรือไวรัสต่าง ๆ ไม่ให้เข้าสู่ร่างกายได้ถึง 99 เปอร์เซ็นต์ กรองฝุ่นและเกสรดอกไม้ขนาด 3 ไมครอน ได้ 66.37

คุณอาจมองว่าการเข้าพบทันตแพทย์นั้นเป็นเรื่องน่าเบื่อและสิ้นเปลืองเวลาเป็นอย่างมาก และในมุมมองที่กลับกันการได้พบทันตแพทย์ก็ถือเป็นเรื่องที่ดีเป็นไหน ๆ ก็เพื่อเพื่อที่จะได้หาคำตอบให้กับตัวเองว่าตอนนี้สุขภาพในช่องปากเป็นอย่างไรบ้าง วันนี้ทางเราก็เลยเลือกที่จะนำข้อมูลเล็ก ๆ น้อย ๆเกี่ยวกับแกับสถานการณ์อันไม่น่าไว้วางใจโดยเฉพาะไวรัส และเชื้อโรคที่อาจพาเชื่อมโยงให้เกิดอันตรายต่อสุขภาพชีวิต บทความนี้มีคำตอบ 1. โรคหูตึง     ถึงจะดูไม่เกี่ยวกับสักเท่าไหร่นักแต่ในการศึกษาพบว่าปัญหาในช่องปากอาจนำไปสู่การเกิดแบคทีเรียตัวร้ายที่ไหลไปตามกระแสเลือดแล้วก่อให้ระบบหลอดเลือดอักเสบ นอกจากส่งผลไปกระทบต่อสมองแล้วยังส่งผลให้เกิดหูมีโอกาสได้รับเสียงได้น้อยด้วย ซึ่งนับว่าเป็นส่วนสำคัญต่อการใช้ชีวิตมาก ๆ เลย หรือบางกรณีอาจเข้าขั้นรุนแรงจนไม่สามารถรับเสียงได้ ฉะนั้นสุขภาพช่องปากไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ แล้วนะ 2. โรคลักปิดลักเปิด ไม่ว่าจะหลังแปรงหรือช่วงขณะที่กำลังแปรงฟัน อาจเห็นว่ามีอาการเลือดออกตามซอกเนื้อฟันหรือผิวของฟันรวมไปถึงรู้สึกเหมือนฟันเคลื่อนตัวได้ แน่นอนว่าสาเหตุมาจากการขาดวิตามินซีและทว่ายังคงล่อยให้ขาดอยู่ โอกาสของการเกิดโรคก็มีมากเช่น เลือดจางและ หัวใจวายจนถึงขั้นเสียชีวิตนั่นเอง วิธีแก้ง่าย ๆ แพทย์อาจแนะนำการรับประทานอาหารที่มีวิตามินซีไม่ว่าจะมาในรูปของอาหารเสริมชนิดเม็ดหรือ ผัก ผลไม้ก็ดีที่ให้ปริมาณวิตามินซีสูง เช่น ส้ม มะนาว ฝรั่ง  หรือผักใบเขียว รวมถึงน้ำผมไม้ที่ได้จากตามฤดูกาลตามท้องตลาดที่สามารถหาซื้อได้ง่าย 3.   โรคข้อต่อขากรรไกรและกล้ามเนื้อบดเคี้ยว  เป็นอาการของโรคที่เกิดจากเชื้อของฟันผุทำให้ขากรรไกรและกล้ามเนื้อไม่สามารถทำงานได้ เช่น อ้าปากไม่ขึ้น ปวดใบหน้า ปวดหู (กกหู) มีสาเหตุมาจากเชื้อแบคทีเรียที่ตกค้างที่ไม่ได้ถูกขจัดออกไป ทำให้เกิดการสะสมขึ้นได้ อาจต้องขอคำปรึกษาจากทันตแพทย์ก่อนอาการจะลุกลามไปมากกว่านี้ แม้ว่าอาการทั้ง 3 ที่ได้หยิบยกมากล่าวเตือนมีความเสี่ยงกับการดำเนินชีวิตของคุณหลังพบทันตแพทย์แล้วก็อยากให้ใส่ใจดูแลสุขภาพช่องปากและฟันให้แข็งแรงอยู่เสมอก็นับว่าสุขภาพด้านอื่น