วิธีการขจัดความเครียด ด้วยตัวของคุณเอง

วิธีการขจัดความเครียด ด้วยตัวของคุณเอง

เนื่องจากความเครียดนั้น เป็นสภาวะทางอารมณ์ของคนเรา ที่จะต้องพบเจอกับเรื่องราวปัญหาต่างๆ ในชีวิตประจำวัน ทำให้เกิดความไม่สบายใจ และมีความวิตกกังวลเกิดขึ้น ในหลายๆ ครั้งอาจจะเกิดขึ้นแบบที่ไม่รู้ตัว เนื่องจากว่าคนเรานั้นจะมีการแสดงปฏิกิริยา เพื่อเป็นการตอบสนองต่อความเครียดออกมา และเมื่อเกิดปัญหาความเครียด ก็มักจะแสดงออกมา ไม่ว่าจะเป็นในด้านของร่างกาย จิตใจ  อารมณ์ รวมไปถึงพฤติกรรม ซึ่งบางคนนั้นอาจจะแสดงออกมาในอาการป่วยง่าย หรือนอนไม่หลับ แต่ถ้าหากว่าคุณนั้น สามารถที่จะรู้วิธีในการจัดการ และแก้ไขปัญหาความเครียดเหล่านี้ได้ จะทำให้คุณพร้อมรับมือกับความเครียด ที่จะเกิดขึ้นอยู่ตลอดเวลา เรามาดูวิธีการขจัดความเครียดด้วยตัวของคุณเอง ในรูปแบบง่ายๆ ว่ามีอะไรกันบ้าง

ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ สัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง คลายเครียดได้อย่างแน่นอน 

สามารถที่จะแก้ไขปัญหาความเครียด ด้วยตัวของคุณเอง ด้วยการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อย่างน้อยสัปดาห์ละ 3-4 ครั้ง หากว่ามีความรู้สึกเครียดเกิดขึ้น ระหว่างการทำงาน หรือทำกิจกรรมใดก็ตาม ให้คุณนั้นเดินออกจากโต๊ะทำงาน เพื่อเป็นการยืดเส้นยืดสาย หรืออาจจะเดินขึ้นลงบันใด ทำให้ออกจากการโฟกัส ในเรื่องเครียดออกมาสักระยะหนึ่ง ซึ่งอาจจะไม่จำเป็นต้องออกกำลังกายหนักๆ ก็ได้แต่จะเป็นการออกกำลังกาย ที่มีผลต่อสุขภาพจิต เบี่ยงเบนความสนใจ เป็นไปในทิศทางที่บวกมากขึ้น ก็จะทำให้สามารถลดภาวะความเครียด ที่เกิดขึ้นได้แล้ว แต่ถ้าหากว่ามีเวลาหลังเลิกงาน ก็ควรที่จะออกกำลังกายอย่างจริงจัง วันละอย่างน้อย 30 นาที ก็จะเพียงพอ ทำให้มีการหลั่งฮอร์โมนแห่งความสุข ออกมาได้อย่างเต็มที่

ฝึกจิตให้เป็นสมาธิ ช่วยลดความเครียด ได้เป็นอย่างดี 

หากว่าคุณนั้นทำการลองสังเกตตัวเอง แล้วรู้สึกว่าเกิดความเครียด ทำให้เกิดความคิดไปในทางลบหลายๆ อย่างอยู่ตลอดเวลา ซึ่งจะทำให้เป็นบ่อเกิดของความเครียด ที่มีอยู่ในหัวสมอง ทำให้เกิดการย้ำคิดย้ำทำ ในเรื่องเครียดนั้น เราจะมีวิธีการจัดการแก้ไขปัญหา ด้วยการอย่าจมอยู่กับความเครียด เมื่อรู้สึกว่าตนเอง มีความวิตกกังวลมากเกินไป ก็ลองฝึกทำสมาธิ หรือทำการสวดมนต์ไหว้พระ กำหนดลมหายใจเข้าออก ง่ายๆ เพียงเท่านี้ ก็จะทำให้ชีพจรเต้นช้าลง และทำให้เรื่องเครียดได้ในระยะเวลาประมาณหนึ่งเลย

รู้จักการจัดสรรเวลา ในการใช้ชีวิตประจำวัน

การจัดสรรเวลาในการใช้ชีวิตประจำวัน ซึ่งหลายๆ คนอาจจะได้ยินมาบ้างแล้ว แต่ก็ไม่สามารถที่จะจัดการได้สักที เนื่องจากว่าการจัดสรรเวลาในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตส่วนตัว ก็จะช่วยให้ ลดปัญหาความเครียดต่างๆ ลงได้ หลังจากเลิกงาน ก็ให้คุณหยุดคิดเรื่องงาน และไม่นำงานกลับไปทำเมื่อใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว โฟกัสเกี่ยวกับการใช้ชีวิตส่วนตัว และการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ซึ่งบอกได้เลยว่านี่เป็นอีกหนึ่งวิธี ที่ดีมากที่สุดเลยทีเดียว สำหรับการบริหารความเครียด ไม่ให้เกิดขึ้นกับตัวคุณได้

หากิจกรรมผ่อนคลาย ดูหนัง ฟังเพลง ให้มีเสียงหัวเราะ

การหากิจกรรมผ่อนคลาย ไม่ว่าจะเป็นการดูหนัง ฟังเพลง ที่มีเรื่องราวตลก ทำให้มีเสียงหัวเราะ แต่สิ่งเหล่านี้อาจจะไม่สามารถที่จะขจัดความเครียดได้อย่างทันท่วงที แต่ก็เป็นวิธีหนึ่ง ที่จะทำให้คุณสามารถเอาตัวเองออกมาจากภาวะความเครียดได้สักระยะหนึ่ง ก็น่าจะเป็นเรื่องที่ดีแล้ว ทำให้คุณนั้นไม่จมปลักอยู่กับปัญหาความเครียด โดยการหากิจกรรมที่ทำให้ช่วยผ่อนคลายสมองสักระยะหนึ่ง ค่อยกลับมาคิดแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น จะทำให้สามารถที่จะแก้ปัญหาความเครียดเหล่านั้นได้ อย่างดีมากกว่าเดิม

เครดิตภาพ : interpharma.co.th/ 

#การดูแลตัวเอง #รักสุขภาพ #วิธีการกำจัดความเครียด

อาการปวดหลัง แบบไหนที่เป็นอันตราย อยากรู้เช็คเลย

อาการปวดหลัง แบบไหนที่เป็นอันตราย อยากรู้เช็คเลย

การดูแลรักษาสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงอยู่เสมอนั้น เป็นเรื่องสำคัญที่เราทุกคนต้องให้ความใส่ใจ หากเมื่อไหร่ก็ตามที่เกิดอาการผิดปกติไม่ว่าจะมาจากอวัยวะส่วนไหนก็ตาม ต้องให้ความสนใจและหาสาเหตุที่ทำให้เกิดความผิดปกตินั้นให้เร็วที่สุด ซึ่งอาการผิดปกติต่างๆ ก็มักจะมาในรูปแบบของอาการเจ็บปวดเป็นส่วนใหญ่ หนึ่งในอาการปวดที่ทุกคนต้องเจอก็คือ อาการปวดหลัง ค่ะ ในส่วนของการปวดหลังนั้น ก็มีอยู่หลายแบบด้วยกัน วันนี้เรามีข้อมูลดีๆ ในเรื่องนี้มาฝากค่ะ อาการปวดหลัง อย่าคิดว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย ปล่อยไว้จะอันตรายมากๆ ในชีวิตประจำวันของเราทุกคนก็จะมีภาระหน้าที่ที่แตกต่างกันออกไป และถือเป็นเรื่องที่ปกติมากๆ หากเกิดอาการเจ็บป่วยขึ้น ซึ่งหนึ่งในอาการที่เราทุกคนต้องเจอก็คือ การปวดหลัง ที่ไม่ว่าจะปวดมาก หรือ น้อยก็ตาม จะขึ้นอยู่กับกิจกรรมต่างๆ ที่เราได้ทำในแต่ละวัน และถ้าหากไม่กระทบกระเทือนในการใช้ชีวิตก็ถือว่าไม่เป็นอันตรายร้ายแรง ลักษณะของอาการในรูปแบบต่างๆ ที่ควรรู้ หากมีลักษณะการปวดในช่วงหลังส่วนบน มักจะเกิดจากสาเหตุการใช้ท่าทางแบบไม่เหมาะสมในระหว่างการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็นในเรื่องของท่านั่งทำงานหน้าคอมพิวเตอร์ หรือ อาการออฟฟิศซินโดรมต่างๆ และมักจะมีอาการปวดคอร่วมด้วย ลักษณะการปวดในส่วนหลังช่วงล่าง หรือ มี อาการปวดหลัง ในระดับเอว ซึ่งสาเหตุก็จะมาจากความสัมพันธ์ของท่าทางและกล้ามเนื้อในส่วนต่างๆ ลงไปถึงข้อต่อ และหมอนรองกระดูก โดยในผู้ป่วยในบางคนอาจจะมีอาการเจ็บปวดเกิดขึ้นในเวลากลางคืน  ลักษณะการปวดบริเวณข้างซ้าย หรือ ข้างขวา มักจะเกิดจากการเกร็งกล้ามเนื้อเวลายกของหนัก การกระแทก หรือ การเกิดอุบัติเหตุต่างๆ นอกจากนี้ก็อาจจะเกิดจากการมีโรคอื่นแทรกด้วย เช่น โรคนิ่ว , […]

อาการปวดหลัง แบบไหนที่เป็นอันตราย อยากรู้เช็คเลย Read More »

นอนน้อย มีผลต่อการเกิดโรค ควรระวัง

นอนน้อย มีผลต่อการเกิดโรค ควรระวัง

ใครที่กำลังมีพฤติกรรมที่นอนน้อย นอนไม่ครบวันละ 8 ชั่วโมงต่อวัน เราแนะนำให้คุณนั้นรีบปรับพฤติกรรมเหล่านี้โดยด่วน เนื่องจากว่าการนอนเป็นช่วงเวลา ซึ่งจะทำให้ร่างกายมีการได้รับการพัฒนา และมีการซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอ ในช่วงระยะเวลาที่ได้รับการพักผ่อนนั่นเอง หากคุณนั้นมีการนอนหลับไม่เพียงพอ หรือนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน จะมีการส่งผลต่อสุขภาพร่างกายของคุณ ทำให้เกิดโรคร้ายได้ ทั้งหมด 4 โรค ดังต่อไปนี้ ที่ควรระวัง 1. การนอนน้อย ส่งผลต่อการเกิดโรคอ้วน  เนื่องจากว่าการนอนน้อย จะทำให้ระบบของการเจริญเติบโตภายในร่างกายนั้น เกิดการแปรปรวนได้ ส่งผลให้มีการอยากรับประทานอาหารที่มีไขมันเป็นจำนวนมากยิ่งขึ้น หรือเกิดอาการอิ่มช้า ซึ่งถ้าหากคุณมีภาวะร่างกาย ที่มีการสะสมไขมันเป็นจำนวนมากเกินกว่าปกติ และร่างกายไม่สามารถเผาผลาญได้ ก็จะทำให้มีการสะสมพลังงานไว้เป็นไขมัน ซึ่งจะสะสมอยู่ตามอวัยวะต่างๆ ภายในร่างกาย หากถ้าคุณมีพฤติกรรมนอนน้อย ก็จะยิ่งทำให้ระบบเผาผลาญภายในร่างกาย ยิ่งไม่มีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ทำให้ร่างกายมีการเผาผลาญไขมันได้ไม่เต็มที่ ก็จะส่งผลให้มีการสะสมไขมันเป็นจำนวนมาก ทำให้เกิดโรคอ้วน และส่งผลต่อปัญหาสุขภาพอื่นๆ ที่จะเกิดขึ้นตามมาด้วย  2. ส่งผลต่อระบบน้ำตาลในเลือด ทำให้เป็นโรคเบาหวาน  มาหาคุณนั้นมีพฤติกรรมนอนน้อยกว่า 6 ชั่วโมงต่อวัน อาจจะส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดได้อีกด้วย รวมไปถึงระดับอินซูลินภายในเลือดที่สูงมากยิ่งขึ้น หากสะสมเป็นระยะเวลานานๆ ก็มีการเสี่ยงภัยให้ก่อเกิดโรคเบาหวานได้ง่ายมากกว่าคนปกติ เนื่องจากว่ากว่าที่คุณจะรู้ตัวว่าเป็นโรคเบาหวาน คุณก็ต้องทำการตรวจระดับน้ำตาลในเลือด ซึ่งมีความเป็นอันตรายต่อโรคเบาหวานเป็นอย่างมาก

นอนน้อย มีผลต่อการเกิดโรค ควรระวัง Read More »

How to ควบคุมน้ำหนักของคนทำงาน Work from home ทำงานยังไงให้ให้ลงพุงในยุคโควิด

How to ควบคุมน้ำหนักของคนทำงาน Work from home ทำงานยังไงให้ให้ลงพุงในยุคโควิด

 ตั้งแต่มีโรคระบาดโควิด 19 ธุรกิจต่าง ๆ ก็ได้ค้นพบวิธีการทำงานรูปแบบใหม่นั่นก็คือ การทำงานแบบ Work From Home ซึ่งมีลักษณะของการทำงานจากที่บ้าน ส่งงานทางอีเมล ไลน์ หรือช่องทางโซเชียลมีเดียลอื่น ๆ การประชุมก็จะอยู่ในรูปแบบออนไลน์ โดยโปรแกรมที่กำลังมาแรงอย่าง Zoom ที่ช่วยให้การทำงานราบรื่นขึ้น แต่การทำงานแบบ WFH ก็ใช่ว่าจะมีข้อดี เพราะงานที่เคยทำในบริษัท กลับเยอะขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว ทำให้คนทำงานต้องนั่งก้มหน้าทำงานหน้าคอมทั้งวัน ร่างกายไม่ค่อยได้ขยับไปไหน   แล้วโดยธรรมชาติของพนักงานออฟฟิตที่มักจะซื้อน้ำมาชากาแฟ ขนมนมเนยมารับประทานขณะทำงาน จะยิ่งทำให้เกิดอาการอ้วนลงพุงได้อย่างง่ายดาย วันนี้เราเลยจะมาแนะนำ วิธีควบคุมน้ำหนัก สำหรับการทำงานแบบ WFH กันค่ะ ควบคุมน้ำหนัก ในขณะทำงาน ป้องกันปัญหาอ้วนลงพุง พยายามอย่านั่งอยู่หน้าคอมทั้งวัน แม้ว่าการทำงานที่เยอะแค่ไหนก็ตาม ก็ไม่ควรนั่งติดที่หน้าจอคอมทั้งวัน ควรจะหาเวลาสัก 5 – 10 นาทีออกไปยืดเส้นยืดสาย เดินไปทำนู้นทำนี่บ้าง เพื่อให้ร่างกายได้ขยับ ยิ่งถ้าเรานั่งติดอยู่กับที่ทั้งวัน จะทำให้ร่างกายไม่ได้ขยับ พลังงานในร่างกายไม่ได้ถูกนำไปใช้ จะทำให้อ้วนได้ แล้วยิ่งถ้านั่งนาน ๆ จะเกิดอาการปวดสันหลังไปจนถึงบั้นท้ายได้ เปลี่ยนอาหารทานเล่นให้เป็นอย่างอื่น

How to ควบคุมน้ำหนักของคนทำงาน Work from home ทำงานยังไงให้ให้ลงพุงในยุคโควิด Read More »

วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโตในปัจจุบัน

วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโตในปัจจุบัน

อาการต่อมลูกหมากโตเป็นอาการที่คุณผู้ชายมีโอกาสพบเจอเกือบทุกคน ปัจจุบันยังไม่มีวิธีป้องกันและยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่พอจะสรุปได้ว่าเมื่ออายุมากขึ้นต่อมลูกหมากจะโตตามวัยไปด้วย สำหรับวิธีการรักษาจะมีอยู่ด้วยกันหลายวิธี เช่น การใช้ยาลดขนาดต่อมลูกหมาก, การผ่าตัด, การใช้ความร้อน และการรักษาด้วยสมุนไพรซึ่งพอจะสรุปวิธีการต่างๆ ได้ดังนี้ 1. รักษาด้วยยาลดขนาดต่อมลูกหมากโต  ก่อนใช้ยาแพทย์จะแนะนำให้ผู้ป่วยปรับพฤติกรรมก่อน เช่น ลดการดื่มน้ำลง เพื่อไม่ให้ปัสสาวะบ่อย ลดการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ถ้าอาการไม่ดีขึ้นจำเป็นต้องรักษาโดยการใช้ยาช่วยลดขนาดต่อมลูกหมากให้เล็กลง และยาบางชนิดจะเป็นยาคลายกล้ามเนื้อเรียบในต่อมลูกหมากให้อ่อนตัวลง ทำให้ผู้ป่วยปัสสาวะได้สะดวกขึ้น หรือยากลุ่มที่มีฤทธิ์ไปยับยั้งสารบางตัวในร่างกายที่ไปกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากโต สำหรับยาประเภทนี้ต่อมลูกหมากจะเล็กลงประมาณ 30-40% สำหรับข้อเสียของยาก็คืออาจจะไปบดบังอาการของมะเร็งต่อมลุกหมาก ทำให้ผู้ป่วยเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ และทำให้ความดันโลหิตต่ำได้  2. การรักษาโดยการผ่าตัดส่องกล้อง จะเป็นการส่องกลองผ่านเข้าไปทางท่อปัสสาวะ เพื่อทำการตัดชิ้นเนื้อส่วนที่เกินออกมาหรือโตกว่าปกติจากต่อมลูกหมากโดยใช้เข็มในการตัด วิธีนี้จะค่อนข้างได้รับความนิยม ใช้เวลาในการผ่าตัดไม่นานและผู้ป่วยจะมีอาการดีขึ้นภายใน 2-3 สัปดาห์  3. ผ่าตัดต่อมลูกหมากด้วยเลเซอร์ การผ่าตัดจะสอดท่อที่มีกล้องขนาดเล็กผ่านทางท่อปัสสาวะเหมือนการผ่าตัดส่องกล้อง แต่เป็นการใช้แสงเลเซอร์เข้าไปละลายต่อมลูกหมาก วิธีนี้ช่วยให้ไม่ต้องเสียเลือด เหมาะกับผู้สูงอายุ หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคความดัน เป็นต้น วิธีนี้เป็นวิธีที่ผู้ป่วยจะเจ็บน้อยที่สุด พักฟื้นไม่นานแต่ยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง จึงยังไม่เป็นที่นิยมเท่าไรนัก  4. การรักษาด้วยสมุนไพร สำหรับสมุนไพรรักษาโรคต่อมลูกหมากโต ในบ้านเรามีอยู่ด้วยกันหลายชนิด ข้อดีของการใช้สมุนไพรก็คือไม่มีผลข้างเคียง

วิธีการรักษาต่อมลูกหมากโตในปัจจุบัน Read More »

อาการของโรคเบาหวานในเด็ก

อาการของโรคเบาหวานในเด็ก

โรคเบาหวานถ้าเป็นในระยะแรกอาจจะไม่มีอาการแสดงออกมากนัก และจะทราบได้ว่าเด็กเป็นโรคเบาหวานก็ต่อเมื่อทำการตรวจเลือดหาระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเท่านั้น ดังนั้นผู้ปกครองควรใส่ใจอาการต่างๆ ของบุตรหลาน ถ้ารู้สึกเหมือนมีอะไรผิดปกติควรพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ สำหรับสาเหตุและอาการของโรคเบาหวานในเด็กที่คุณพ่อคุณแม่จะสามารถสังเกตได้จะมีดังนี้   สาเหตุของการเกิดโรคเบาหวานในเด็ก โรคเบาหวานเกิดจากสาเหตุที่ร่างกายไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกายหรือไม่สามารถผลิตออกมาได้เลย โดยฮอร์โมนอินซูลินจะมีหน้าที่ในการนำน้ำตาลที่อยู่ในกระแสเลือดไปยังเนื้อเยื่อและเซลล์ต่างๆ ของร่างกาย เพื่อเปลี่ยนเป็นพลังงาน เมื่อร่างกายมีฮอร์โมนอินซูลินไม่เพียงพอ จึงเกิดการสะสมของน้ำตาลในกระแสเลือดมากกว่าปกติ เมื่อบ่อยทิ้งไว้เป็นเวลานานจึงกลายเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน และถ้าไม่ทำการรักษาให้ถูกวิธีก็จะส่งผลให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่างๆ ตามมาอีกด้วย  อาการของโรคเบาหวานในเด็ก  โรคเบาหวานสามารถแบ่งออกได้ 2 ประเภท และอาการของโรคเบาหวานแต่ละประเภทจะพอสรุปได้ดังนี้  1. โรคเบาหวานประเภทที่ 1 เกิดจากการที่ร่างกายผลิตฮอร์โมนอินซูลินได้น้อยหรือไม่สามารถผลิตได้เลย ถ้าเป็นโรคเบาหวานในประเภทที่ 1 นี้ เด็กจะมีอาการปัสสาวะบ่อย กระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา รับประทานอาการเก่ง หิวเก่ง แต่กับมีน้ำหนักตัวลด และผอม และถ้าปล่อยไว้เป็นเวลานาน ไม่ได้ทำการรักษาที่ถูกวิธี เด็กจะมีอาการคลื่นไส้อาเจียน ถ้ามีอาการหนักมากๆ บางรายอาจจะเกิดภาวะกระแสเลือดเป็นกรด และมีอาการหายใจหอบ  2. โรคเบาหวานประเภทที่ 2 เกิดจากที่ร่างกายไม่สามารถผลิตอินซูลินได้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกายแต่ยังสามารถผลิตได้มากกว่าโรคเบาหวานประเภทที่ 1 และโรคเบาหวานประเภทที่ 2 นี้มักจะเกิดจากที่เด็กมีน้ำหนักตัวมากเกินไป หรือเกิดภาวะโรคอ้วน สำหรับอาการโดยทั่วจะได้แก่ เด็กมักเกิดมีปื้นดำหนาที่บริเวณคอ รักแร้ และขาหนีบ ลักษณะเหมือนเป็นขี้ไคล้หนาๆ

อาการของโรคเบาหวานในเด็ก Read More »

อาหารหรือเมนูอะไรบ้างที่ห้ามทานโดยเด็ดขาดถ้าคุณคิดจะเริ่มลดน้ำหนัก

อาหารหรือเมนูอะไรบ้างที่ห้ามทานโดยเด็ดขาดถ้าคุณคิดจะเริ่มลดน้ำหนัก

ถ้าคุณคิดจะเลือกที่จะลดน้ำหนัก  แล้ว คุณก็ต้องทำใจเหมือนกันว่า  คุณจะต้องอดอาหารที่แสนจะอร่อยของคุณ ซึ่งในท้ายที่สุดแล้วมันจะทำให้คุณภูมิใจกับตัวเองที่อดอาหารเหล่านั้นได้ อย่างแรกเลยเมื่อคุณออกกำลังกายจนเหนื่อยมากๆ อย่างแรกที่คุณจะนึกถึงคือสปอนเซอร์ หรือไม่ก็ m sport เหล่านั้นคือเครื่องดื่มเกลือแร่   อะไรบ้างที่เป็นอุปสรรคต่อการลดน้ำหนัก   แต่ถ้าคิดจะลดน้ำหนักแล้ว  ก็ต้องงดพวกเครื่องดื่มเกลือแร่ให้หมด แต่ทำไมต้องงดเครื่องดื่มเกลือแร่ ? ปัจจัยสำคัญนั่นก็คือเครื่องดื่มเกลือแร่เต็มไปด้วยน้ำตาลนั่นเอง จะขอแนะนำว่าถ้าเหนื่อยจากการออกกำลังกายจริงๆให้ลองทานน้ำมะพร้าวหรือน้ำเปล่าที่เย็นสดชื่นจะดีกว่า .  ต่อมาสาย cafe คงต้องใจสลายแน่ๆเลย เพราะถ้าหากว่าคุณคิดที่จะลดน้ำหนัก  แล้ว ชากับกาแฟก็เป็นสิ่งที่คุณควรที่จะหลีกเลี่ยง แต่ถ้าคุณเป็นคนที่ต้องการคาเฟอีนในช่วงเช้าแต่ระหว่างการทำงาน ผมขอแนะนำว่าให้ลองเปลี่ยนจาก กาแฟผสมช็อคโกแลตหรือที่เรียกว่ามอคค่า หรือกาแฟที่ผสมนมคือ espresso ไปเป็นกาแฟดำเพราะทั้งกาแฟมอคค่าและกาแฟ espresso ต่างมีส่วนผสมของน้ำตาลด้วยกันทั้งสิ้น แต่กาแฟดำหรือที่เราเรียกกันว่าอเมริกาโน่เป็นกาแฟที่เป็นกาแฟอย่างแท้จริงที่ไม่ผสมอะไรเลย  ถ้าคิดจะลดน้ำหนัก  แล้วลองหันมาเปลี่ยนเป็นกาแฟดําทุกวันนะครับ . อันดับต่อไปมันเป็นเมนูอาหารที่ผมทำใจไม่ได้เลยที่จะต้องอดกินมันเพื่อที่จะลดน้ำหนัก  นั่นคือของทอดของมันนั่นเอง อย่างที่รู้ๆ ก่อนว่าของทอดของมันต่างๆ ล้วนแต่เป็นอาหารที่มีแคลอรี่และคอเลสเตอรอลสูงเสียดฟ้าเลยทีเดียว ซึ้ง 2 ตัวนี้เป็นปัญหาใหญ่หลวงนักสำหรับคนที่จะลดน้ำหนัก  ถ้าเปรียบเทียบให้เห็นชัดๆคือ ของทอดของมันคือธานอส แล้วคนที่จะต้องเริ่มลดน้ำหนัก  คือฮีโร่อเวนเจอร์นั่นเองเราต้องผ่านไปได้ .แน่นอนว่าของทอดของมันถ้ามีแคลอรี่สูงหรือคอเลสเตอรอลที่สูง มันมักจะต้องตามมาด้วยเหล่าไขมันที่ไม่ดี ก็คือ ถ้ามีคอเลสเตอรอลสูงก็ต้องมีไขมันที่มีอยู่เยอะ ก็เปรียบเสมือนธานอสที่จะต้องมีลูกน้องอยู่ข้างตัวตลอดเวลานั่นเอง ต้องมีลูกกะจ๊อกที่เรียกว่ามะเร็งตามมาติดๆ

อาหารหรือเมนูอะไรบ้างที่ห้ามทานโดยเด็ดขาดถ้าคุณคิดจะเริ่มลดน้ำหนัก Read More »

อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน

อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน

โรคเบาหวานเป็นโรคที่เกิดจากร่างกายของผู้ป่วยมีระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมากจนเกินไป สาเหตุมาจากความผิดปกติของอวัยวะภายในร่างกาย ที่ไม่สามารถผลิตฮอร์โมนอินซูลิน ที่มีหน้าที่ในการนำน้ำตาลในกระแสเลือดไปใช้ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย ได้อย่างพอเพียง ทำให้มีน้ำตาลตกค้างอยู่ในกระแสเลือดในปริมาณมากกว่าปกติ การรักษาในระยะแรกจะเป็นการกินยาเม็ด และการใช้สมุนไพรร่วมด้วยแต่จะให้ได้ผลดีผู้ป่วยจำเป็นจะต้องหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล เพราะอาหารประเภทนี้เมื่อรับประทานเข้าไปแล้วจะยิ่งทำให้ระดับน้ำตาลในกระแสเลือดมีมากขึ้นไปกว่าเดิม สำหรับอาหารที่ผู้ป่วยโรคเบาหวานไม่ควรรับประทานหรือควรบริโภคให้น้อยที่สุด เช่น  1. ผักบางชนิดที่มีส่วนประกอบของแป้ง เพราะเมื่อเรารับประทานเข้าไปแล้ว ร่างกายจะทำการเปลี่ยนแป้งให้เป็นน้ำตาล จึงอาจมีผลทำให้น้ำตาลในกระแสเลือดของผู้ป่วยสูงขึ้นได้ สำหรับผักที่มีส่วนประกอบของแป้งอยู่เป็นจำนวนมากนั้น ยกตัวอย่างเช่น  กลอย เผือก กระจับ แห้วจีน มันเทศ  ใบขี้เหล็ก เป็นต้น  2. ผลไม้ที่มีรสชาติหวาน บ้านเรามีผลไม้อยู่หลายชนิด และผลไม้ก็มีประโยชน์หลายอย่างต่อสุขภาพร่างกาย แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานถ้าต้องการรับประทานผลไม้ควรเลือกรับประทานผลไม้ที่ไม่มีรสชาติหวานมาก เพราะผลไม้ที่มีรสชาติหวานจะมีส่วนประกอบของน้ำตาลเป็นจำนวนมาก เช่น ทุเรียน มะม่วงสุก เงาะ ลำไย ขนุน องุ่น น้อยหน่า ลิ้นจี่ อ้อย เป็นต้น  3. ลดการรับประทานอาหารที่มีรสชาติเค็มจัด โดยเฉพาะผู้ป่วยเบาหวานที่มีโรคความดันโลหิตสูง นอกจากนี้แล้วเครื่องปรุงรสต่างๆ ก็ควรบริโภคในปริมาณที่น้อยลงด้วย เช่น ซอส ซีอิ้ว น้ำปลา เกลือ ของหมักดอง ซอสมะเขือเทศ

อาหารที่ผู้ป่วยเบาหวานไม่ควรรับประทาน Read More »

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางรักษา

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางรักษา

สำหรับอาการต่อมลูกหมากโตสามารถพบได้ในเพศชายที่อยู่ในวัยกลางคนขึ้นไป และที่สำคัญผลการวิจัยยังระบุด้วยว่าพบได้ในเพศชายประมาณเกือบ 80% โดยเมื่ออายุเริ่มมากขึ้นหรือประมาณ 45 ปี ขึ้นไป ต่อมลูกหมากจะค่อยๆ ขยายตัวขึ้นจนไปเบียดท่อปัสสาวะ และทำให้ปัสสาวะติดขัดจนถึงไม่ออก ซึ่งในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาอยู่ 3 แนวทาง ได้แก่ ใช้ยาแผนปัจจุบัน การผ่าตัด และการใช้สมุนไพร โดยจะมีลักษณะแนวทางรักษาดังต่อไปนี้ 1. ระยะเฝ้าดูอาการ จะเป็นในช่วงที่อาการยังเป็นไม่มาก รวมทั้งยังไม่เกินอาการแทรกซ้อน การเฝ้าดูเพื่อประเมินผลว่าต่อมลูกหมากจะโตจนกลายเป็นปัญหาสุขภาพในอนาคตหรือไม่ จากนั้นจึงหาแนวทางการรักษาต่อไป  2. รักษาด้วยยาแผนปัจจุบัน จะใช้รักษาสำหรับผู้ที่ยังมีอาการน้อยไปจนถึงระดับปานกลาง และการรักษาในขั้นตอนนี้จะต้องแน่ใจด้วยว่าผู้ป่วยไม่ได้เป็นมะเร็งต่อมลูกหมาก ลักษณะการรักษาแพทย์จะให้รับประทานยาช่วยลดขนาดต่อมลูกหมาก ซึ่งตัวยาจะเป็นเอนไซม์ชนิดหนึ่งที่จะเข้าไปต่อต้านสารที่ทำให้ต่อมลูกหมากโต จึงช่วยให้ขนาดของต่อมลูกหมากเล็กลงได้ แต่ยาแผนปัจจุบันอาจมีผลข้างเคียงเช่น เสื่อมสมรรถภาพทางเพศ ความดันโลหิตต่ำ และยาบางกลุ่มยังบดบังผลของมะเร็งต่อมลูกหมากอีกด้วย  3. รักษาด้วยวิธีผ่าตัด จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีอาการมากและมีภาวะแทรกซ้อนเกิดขึ้น การผ่าตัดในปัจจุบันสามารถทำได้หลายวิธีแต่ที่นิยม คือการส่องกล้องไปทางท่อปัสสาวะ เพื่อทำการตัดต่อมลูกหมากออกทางปัสสาวะ หรือการเปิดหน้าท้องในการผ่าตัด     4. การใช้ความร้อนในการรักษา จะเป็นความร้อนจากแหล่งต่างๆ เช่น ไมโครเวฟ คลื่นอัลตร้าซาวด์หรือเลเซอร์ และ คลื่นวิทยุ เป็นต้น ความร้อนจะมีผลทำให้ต่อมลูกหมากเหี่ยวและเล็กลงได้ ซึ่งการรักษาด้วยความร้อนปัจจุบันยังมีค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูงจึงยังไม่ค่อยเป็นที่นิยมมากนัก               5. ใช้ยาสมุนไพร

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางรักษา Read More »

รู้หรือไม่อาหารแก้ท้องผูกได้โดยเฉพาะท้องผูกในเด็ก

รู้หรือไม่อาหารแก้ท้องผูกได้โดยเฉพาะท้องผูกในเด็ก 

เชื่อว่าผู้ปกครองหลายบ้านน่าจะต้องเคยประสบกับปัญหาบุตรหลานในบ้านมีอาการท้องผูกกันอย่างแน่นอน นั่นก็เป็นเพราะว่าเด็กส่วนใหญ่นั้นไม่ค่อยชอบรับประทานผักหรือผลไม้ที่มีกากใยสูง ส่วนใหญ่แล้วมักจะชื่นชอบการรับประทานคาร์โบไฮเดรตและเนื้อสัตว์เป็นหลักทำให้พวกเขามักจะมีอาการปวดท้องท้องผูกเสมอ พฤติกรรมที่เราสามารถสังเกตเห็นได้ชัดคือจะมีการขับถ่ายน้อยกว่า 3 ครั้งในแต่ละสัปดาห์ มักปวดท้องเวลาขับถ่าย อึแข็งเป็นก้อน มีอาการขับถ่ายยาก บางคนถึงขั้นที่มีเลือดปนออกมาด้วยเลยทีเดียว วันนี้เราจึงจะพาทุกคนมาดูว่ามีอาหารแก้ท้องผูกอะไรบ้างที่เด็กสามารถรับประทานได้และช่วยรักษาอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี  รวมอาหารแก้ท้องผูกสำหรับเด็กให้รับประทานเพื่อการขับถ่ายที่คล่องมากขึ้น  เส้นพาสต้าแบบโฮลวีท เด็กนั้นชื่นชอบรับประทานแป้งหรือคาร์โบไฮเดรตกันอยู่แล้ว ดังนั้นเราลองทำอาหารที่มีส่วนผสมเป็นเส้นพาสต้าโฮลวีทแทนการรับประทานเส้นสีขาวแบบธรรมดาดู เพราะในเส้นโฮลวีทนั้นจะมีไฟเบอร์มากยิ่งขึ้นเป็นปริมาณถึง 70 กรัม ทำให้สามารถช่วยแก้อาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี ป๊อปคอร์น อาหารแก้ท้องผูกที่เด็กต้องชื่นชอบอย่างแน่นอนเนื่องจากมันอร่อยและรับประทานง่าย มีงานวิจัยชี้ให้เห็นได้ชัดว่าการรับประทานป๊อปคอร์นเป็นประจำจะทำให้มีไฟเบอร์สูงกว่าคนที่ไม่รับประทาน 22 เปอร์เซ็นต์เลยทีเดียว แต่ควรระมัดระวังไม่ให้รับประทานที่มีรสหวานหรือเค็มจนเกินไป  ราสเบอรี่ ผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ที่มีไฟเบอร์สูงเป็นอย่างมากหากเทียบกับผลไม้ธรรมดาทั่วไป โดยราสเบอรี่ 1 ถ้วยนั้นสามารถให้ไฟเบอร์ได้สูงถึง 8 กรัม หากบุตรหลานใครมีอาการท้องผูกแล้วมีความชื่นชอบรับประทานผลไม้เราขอแนะนำให้รับประทานผลไม้ชนิดนี้เลย โดยจะเอาไปผสมกับโยเกิร์ตหรือของหวานอย่างอื่นก็ได้เช่นเดียวกัน มันฝรั่ง ผักที่ 1 ช้อนสามารถให้ไฟเบอร์ในร่างกายเป็นจำนวนกว่า 1 ส่วน 4 ของปริมาณที่ควรได้รับในแต่ละวันสำหรับเด็ก 1 ช้อนให้ไฟเบอร์มากถึง 6 กรัมกันเลยทีเดียว ดังนั้นเด็กที่มีอาการท้องผูกจึงเหมาะสำหรับการรับประทานมันฝรั่งเป็นอย่างมาก แต่อย่างไรก็ตามควรทำให้สุกก่อนด้วยการต้มหรือการทอด แต่แนะนำให้ใช้วิธีการต้มเนื่องจากดีต่อสุขภาพมากกว่า ข้าวโอ๊ต ข้าวโอ๊ตที่ปรุงสุกแล้ว 1 ถ้วยสามารถให้ไฟเบอร์กับร่างกายของเราได้ 4 กรัม

รู้หรือไม่อาหารแก้ท้องผูกได้โดยเฉพาะท้องผูกในเด็ก  Read More »