มะกอกเพื่อสุขภาพ

มะกอกเพื่อสุขภาพ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

         หลังจากนักวิจัยทางการแพทย์ค้นพบว่า โรคหัวใจมีความเกี่ยวข้องกับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ที่สูงขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1957  โดยระบุว่าผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงก็มีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็เริ่มกลัวคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะชาวตะวันตกที่นิยมรับประทานไขมันสัตว์เป็นหลัก  และต่อมาเมื่อมีการวิจัยพบว่าการรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวสูงจะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้  เมื่อปี ค.ศ. 1965 ก็ทำให้นักโภชนาการทั่วโลกรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคไขมันสัตว์และกรดไขมันอิ่มตัว   แล้วหันมาบริโภคน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง  ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง ทำเอาน้ำมันพืชขายดี  แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจน้ำมันมะกอกเพราะเชื่อว่าไม่ได้ช่วยอะไร จนถึงปี ค.ศ. 1988 ที่นักวิจัยพบว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกเป็นประจำ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในส่วนของแอลดีแอลได้ โดยไม่ทำให้เอชดีแอลเกิดปัญหา

น้ำมันมะกอกกับคอเลสเตอรอล

         ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า นักวิจัยเข้าใจว่าคอเลสเตอรอลในเลือดมีอยู่แบบเดียว แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น จึงรู้ว่าคอเลสเตอรอลในเลือดมีอยู่ 2 ชนิด เป็นชนิดแอลดีแอลและอีกชนิดคือเอชดีแอล  คอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลจัดเป็นตัวร้ายสร้างปัญหาโรคหัวใจ ขณะที่เอชดีแอลเป็นพระเอก ซึ่งถ้ามีมากจะช่วยลดโรคหัวใจได้           ดังนั้นก่อนหน้านี้เมื่อตรวจสอบผลการบริโภคน้ำมันมะกอกที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของคอเลสเตอรอลในเลือด จึงระบุไปว่าน้ำมันมะกอกไม่ทำให้คอเลสเตอรอลเปลี่ยนแปลง  แต่เมื่อแยกแอลดีแอลออกจากเอชดีแอลแล้ว จึงได้พบว่าน้ำมันมะกอกช่วยลดแอลดีแอล ขณะที่ช่วยเพิ่มเอชดีแอล จึงทำให้ผลการศึกษาครั้งแรกระบุออกมาว่าคอเลสเตอรอลในภาพรวมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อค้นพบแบบนี้แล้วจึงสามารถสรุปได้ว่า น้ำมันมะกอกให้ผลดีต่อการป้องกันโรคหัวใจ

น้ำมันมะกอกลดคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล

         น้ำมันพืชประเภทที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงในปริมาณมากๆ นั้น หากรับประทานในปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดี แต่บางครั้งก็พบว่าไม่ได้ลดเฉพาะแอลดีแอลเท่านั้น หากยังลดเอชดีแอลด้วย ดังนั้นแทนที่จะให้ผลดีก็อาจจะเป็นผลเสียได้  ดังนั้นการค้นพบนี้เองที่ทำให้ความนิยมน้ำมันมะกอกเริ่มมีมากขึ้น   ยิ่งไปกว่านั้นผลศึกษาด้านระบาดวิทยา โดยพิจารณาจากอุบัติการณ์เกิดโรคในประชากรจำนวนมาก ก็พบว่า ประชากรแถบเมดิเตอเรเนียนมีโรคหัวใจและหลอดเลือดค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับคนในยุโรปทางตอนเหนือและในอเมริกาเหนือ   นี่จึงสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้     นอกจากนี้ทางสมาคมเบาหวานแห่งอเมริกา ยังแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หรือเบาหวานที่เกิดในผู้ใหญ่ รับประทานกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งซึ่งเป็นกรดไขมันหลักของน้ำมันมะกอกให้มากขึ้น โดยผู้ป่วยอาจใช้กินแทนแป้งบางส่วนได้ด้วย

         น้ำมันมะกอกและกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งจึงให้ประโยชน์ทั้งต่อผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงให้ประโยชน์ต่อการป้องกันมะเร็ง เพราะน้ำมันมะกอกโดยเฉพาะ อย่างยิ่งน้ำมันมะกอกชนิดที่เรียกว่า เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิน มีสารต้านออกซิเดชั่นซึ่งมีทั้งวิตามินอี เบตาแคโรทีน และสารพวกองค์ประกอบฟีนอลทั้งหลาย อยู่ในน้ำมันค่อนข้างมาก

วิดีโอเพิ่มเติม :

เครดิตภาพจาก pixabay.com

#น้ำมันมะกอก #ประโยชน์มะกอก #น้ำมันมะกอกลดคอเลสเตอรอล

รู้ก่อนป้องกันได้ 6 โรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

รู้ก่อนป้องกันได้ 6 โรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน

เมื่อเข้าสู่ฤดูฝนโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ย่อมเข้ามาพร้อมกับสภาพอากาศและความชื้นที่เปลี่ยนไป อาจมีเชื้อไวรัสและแบคทีเรียบางชนิดที่เป็นสาเหตุของโรค ซึ่งเราควรรู้เอาไว้ เพื่อใช้ระมัดระวังและดูแลสุขภาพของตัวเองให้ห่างจากโรคที่มาพร้อมกับหน้าฝนเหล่านี้ มีโรคอะไรบ้างมาดูไปพร้อม ๆ กัน โรคในหน้าฝน รู้ก่อนป้องกันได้                   โรคที่เกิดจากไวรัส ทำให้เป็นหวัดและคัดจมูก หรืออาจจะมีอาการไข้เกิดขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มของเด็กทารก ต้องระมัดระวังเป็นพิเศษ เพราะจะทำให้มีอาการเจ็บป่วยไม่สบาย บางรายอาจมีอาการหลอดลมฝอยอักเสบรวมถึงโรคไข้หวัดใหญ่ด้วย                   โรคคอติดเชื้อ สังเกตจากเริ่มมีอาการเจ็บคอ จากนั้นจะมีไข้ ปวดเมื่อยตามเนื้อตามตัว บางรายอาจมีน้ำหมูร่วมด้วย ซึ่งเกิดจากการเผลอกลืนเอาน้ำฝนที่มีการปนเปื้อนเข้าไปในคอจนทำให้คอเกิดการอักเสบ                   ท้องเสีย หรือโรคอาหารเป็นพิษ เชื้ออีโคไลจากน้ำฝนที่ปนเปื้อนเข้ามาในอาหาร จากการซื้อในตลาดสดทั่วไป ซึ่งเชื้อนี้จะส่งผลทำให้ลำไส้เกิดการอักเสบและติดเชื้อจนทำให้เกิดความผิดปกติต่าง ๆ ในระบบย่อยอาหารของเรา                    โรคผิวหนังอักเสบ การที่ฝนตกบ่อย ๆ จนเกิดน้ำขังในพื้นที่ต่าง ๆ เป็นเวลานาน จนกลายเป็นน้ำเน่า เป็นแหล่งสะสมของเชื้อโรคได้เป็นอย่างดี หากเราไปเหยียบหรือมีการกระเด็นโดนผิวหนังก็มีโอกาสเสี่ยงให้เกิดโรคผิวหนังอักเสบได้ อีกทั้งน้ำสกปรกอาจส่งผลให้เกิดแผลติดเชื้อ เรื้อรา มีอาการคัน ตุ่มหนองและฝีขึ้นได้ ดังนั้น ควรล้างมือล้างเท้าบ่อย ๆ เมื่อกลับเข้ามาถึงบ้าน                   โรคฉี่หนู เป็นโรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน […]

รู้ก่อนป้องกันได้ 6 โรคที่มาพร้อมกับหน้าฝน Read More »

เช็คอาการตกขาว เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

เช็คอาการตกขาว เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้

อาการตกขาว (Leukorrhea หรือ Vaginal Discharge) เกิดขึ้นในผู้หญิงจากการที่มีเมือกเหลวไหลออกมาจากบริเวณช่องคลอดโดยไม่ใช่การเกิดประจำเดือน โดยเมือกนี้จะถูกขับออกมาจากปาดมดลูกผ่านมายังช่องคลอด เพื่อให้เกิดความชุ่มชื่นในบริเวณนั้น ในการป้องกันการติดเชื้อนั่นเอง ตามปกติแล้วตกขาวจะมีสีขาวหรือใส และไม่มีกลิ่น หากเป็นการตกขาวที่มีสีออกเทา เขียว เหลือง หรือชมพูจากการมีเลือดปน และมีกลิ่นเหม็น เป็นสัญญาณบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ภายใน สาเหตุของการตกขาว                   เมือกชนิดหนึ่งจะถูกขับออกมาจากปากมดลูกไหลลงมายังบริเวณช่องคลอด เพื่อสร้างการหล่อลื่น ชุ่มชื้น และป้องกันคการติดเชื้อโรคต่าง ๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นในบริเวณนั้น แต่การที่เกิดอาการตกขาวผิดปกตินั้น อาจจะเกิดมากจากการติดเชื้อหรือมีอาการป่วยต่าง ๆ เช่น โรคหนองในแท้หรือโรคหนองในเทียม เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียบางชนิดที่ทำให้เกิดภาวะช่องคลอดอักเสบ โรคเชื้อราในช่องคลอด โรคติดเชื้อไวรัส หรือแม้แต่การติดเชื้อทริโคโมนาส ซึ่งเป็นปรสิตที่เกิดจากการมีเพศสัมพันธ์ เป็นต้น                   หากเป็นการตกขาวแบบผิดปกติที่ไม่ได้เกิดจากการติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้จากการที่มีสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ เข้าไปในบริเวณช่องคลอดหรือปากมดลูก การแพ้สารเคมีบางชนิด เช่น ในผ้าอนามัย ถุงยางอนามัย การล้างช่องคลอด การเกิดติ่งเนื้อบริเวณปากมดลูก เป็นต้น จะมีลักษณะและอาการอื่น ๆ นั้นทำให้เราทราบถึงสาเหตุเบื้องต้นได้ เช่น มีสีขาวหรือขุ่น เทา และมีกลิ่นเหมือนคาวปลา

เช็คอาการตกขาว เรื่องที่ผู้หญิงควรรู้ Read More »

5 เอนไซม์จากธรรมชาติ แก้ท้องอืด ลดอาการท้องผูก วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

5 เอนไซม์จากธรรมชาติ แก้ท้องอืด ลดอาการท้องผูก

ผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แน่นท้องระหว่างที่กำลังทานอาหารคงจะกินอะไรต่อไม่ค่อยอร่อย และยังปวดจุกแน่นราวกับว่าตัวเองหายใจไม่ออก และพยายามหาวิธีที่จะแก้ไขให้อาการบรรเทาลง หากใครที่มักมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรหาทาน 5 เอนไซม์จากธรรมชาติเหล่านี้ เพื่อแก้อาการที่เกิดขึ้นให้ดีกว่าเดิม โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบัน มีอะไรบ้างไปดูกัน 5 เอมไซม์ แก้ท้องอืด ลดอาการท้องผูก                   1. ใบกะเพรา มีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องของการรักษาโรคท้องอืด โดยใช้ใบกะเพราะสดประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำสะอาดจนเดือด จากนั้นกรอกเอาน้ำมาดื่ม หรือนำไปตากแห้ง แล้วชงแบบชาก็ได้เช่นกัน วิธีง่าย ๆ แบบนี้สามารถทำได้เองที่บ้าน ช่วยบรรเทาท้องอืดได้เป็นอย่างดี ผลที่ได้จะเป็นอย่างไรไปลองทำกันดู                   2. น้ำมะนาว เพราะกรดในน้ำมะนาวเป็นเอนไซม์จากธรรมชาติ ที่ช่วยกระต้นให้การทำงานของระบบย่อยอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การย่อยเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย วิธีทาน บีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่นหรือกาแฟดำ จิบบ่อย ๆ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ก็จะบรรเทาลง                   3. มะละกอสุก นอกจากจะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง ท้องเฟ้อได้ด้วย เพราะมีน้ำย่อยธรรมชาติ

5 เอนไซม์จากธรรมชาติ แก้ท้องอืด ลดอาการท้องผูก Read More »

8 ข้อเท็จจริงของโรคมะเร็งผิวหนัง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

8 ข้อเท็จจริงของโรคมะเร็งผิวหนัง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้

ในปัจจุบันพบว่ามีผู้ที่เป็นโรคมะเร็งผิวหนังเพิ่มมาขึ้นเรื่อย ๆ เกิดขึ้นได้กับผู้คนในวัยหนุ่มสาวอีกด้วย ซึ่งหลาย ๆ คนอาจยังไม่รู้คือ โรคนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นกับเราได้ โดยศึกษาว่าควรปฏิบัติตัวอย่างไรในการป้องกันตัวเองเมื่อต้องไปสัมผัสแสง UV มาไขข้อเท็จจริงเกี่ยวกับโรคนี้ เพื่อจะได้เป็นแรงพลักดันให้ทาครีมกันแดดกันมากขึ้น 8 ข้อเท็จจริงที่ไม่มีใครรู้เกี่ยวกับมะเร็งผิวหนัง                   1. มะเร็งบริเวณผิวหนังไม่มาจากเซลล์สร้างเม็ดสี แต่ประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ มาจากการสัมผัสกับแสง UV หากไม่ได้รับการป้องกัน ก็จะมีความเสี่ยงเป็นอย่างมาก                   2. ในทุก 1 ชั่วโมงทั่วโลกจะมีผู้เสียชีวิตจำนวน 1 คน จากการเป็นมะเร็งของเซลล์เม็ดเลือดสี หรือที่เรียกว่ามะเร็งไฝ ยังมีความเข้าที่คลาดเคลื่อนว่ามะเร็งชนิดนี้ไม่เป็นอันตราย แต่พบว่าผู้เสียชีวิตประมาณ 8,000 คน และได้ประมาณการเอาไว้ว่าจะมีคนที่เสียชีวิตจากมะเร็งที่ไม่ได้มาจากเซลล์สร้างเม็ดเลือดสีอยู่ประมาณ 2,800 คน ต่อวัน ทั้งที่โรคนี้สามารถป้องกันไม่ให้เกิดขึ้นได้                   3. โรคมะเร็งผิวหนัง มีสัดส่วนเกือบ 50 เปอร์เซ็นต์ของมะเร็งทุกชนิดบนโลก เนื่องจากผิวหนังของเรานั้นเกิดมะเร็งขึ้นได้ง่ายในทุกเพศทุกวัยในกลุ่มคนที่ต้องเจอกับรังสียูวีอยู่เป็นประจำ                   4. มีผู้เข้ารับการตรวจและกำลังอยู่ในขั้นตอนการวินิจฉัยกว่า 1 ล้านราย และคาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

8 ข้อเท็จจริงของโรคมะเร็งผิวหนัง ที่ไม่ค่อยมีใครรู้ Read More »

ไข่ขาวแหล่งโปรตีนชั้นยอด ที่ใครอยากมีกล้ามเนื้อต้องทาน วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ไข่ขาวแหล่งโปรตีนชั้นยอด ที่ใครอยากมีกล้ามเนื้อต้องทาน

หลายคนคงสงสัยว่าผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายต้องทานไข่ขาวเป็นจำนวนมาก เหตุผลก็คือในไข่ขาวแหล่งโปรตีนที่หาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไปนั่นเอง ว่าการทานเพียงไข่ขาวเพียงอย่างเดียว และทานครั้งละหลาย ๆ ฟองจะมีผลเสียหรือไม่ สารอาหารที่ได้รับจะครบถ้วนหรือเปล่า มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ไข่ขาวพระเอกในครัว ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ                   ไม่มีใครไม่รู้จัก ไข่ อาหารที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้เสมอ เนื่องจากมีราคาถูก สามารถทำอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู อีกทั้งในไข่ขาวแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์ (Complete Protein) โดยปกติไข่แต่ละฟองนั้นจะมีไข่แดงอยู่ประมาณ 13-20 กรัม และเป็นไข่ขาวอยู่มากถึง 30-35 กรับ ซึ่งทั้งสองอุดมด้วยสารอาหารที่ดีมีประโยชน์มากมายหลายชนิด มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่น ซัลเฟอร์ มีเป็นจำนวนมาก ช่วยให้เกิดสร้างเซลล์ผิวหนัง ผม และเล็บ อีกทั้งยังอุดมด้วยธาตุเหล็ก กรดโฟลิก ที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง เสริมสร้างความจำได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมีส่วนช่วยด้านพัฒนาการในเด็กในวัยกำลังเติบโต ไม่เพียงเท่านี้ยังมีสารอาหารประเภทวิตามินเอ บี อี และเค อีกด้วย โดยมีสารอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในไข่แดงมากกว่าไข่ขาว แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่ผู้คนนิยมทานไข่ขาวมากกว่า เนื่องจากต้องการเลี่ยงการทานคอเลสเตอรอลนั่นเอง นับได้ว่าไข่เพียงหนึ่งฟอง เป็นสุดยอดอาหารที่มีโปรตีนอยู่เป็นจำนวนมาก                   โดยเฉพาะไข่ขาว จะ

ไข่ขาวแหล่งโปรตีนชั้นยอด ที่ใครอยากมีกล้ามเนื้อต้องทาน Read More »

ติดมือถือจนกลายเป็นอ่านหนังสือทิพย์ แก้ยังไงดี วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ติดมือถือจนกลายเป็นอ่านหนังสือทิพย์ แก้ยังไงดี

ในยุคปัจจุบันคงปฏิเสธไม่ได้ว่า สมาร์ทโฟนหรือมือถือนั้นได้เข้ามามีบทบาทเป็นอย่างมากในคนทั่วไป เพราะช่วยให้การใช้ชีวิตมีความสะดวกสบายขึ้น หาข้อมูล หรือติดต่อสื่อสารได้ง่ายดายขึ้น แต่การใช้จนเกินพอดีอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ทั้งการเรียนการทำงาน และความสัมพันธ์กับคนรอบข้างได้เช่นกัน ยิ่งหยิบมือถือมาเล่นตลอดเวลาหมกมุ่นกับการอ่านหนังสือทิพย์ แม้ว่าไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จนรู้สึกว่าหากไม่ได้เล่นมือถือจะรู้สึกเครียด กระวนกระวายใจ คลื่นใส้ หรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ นั่นหมายความว่าคุณเข้าข่ายติดมือถือ เข้าแล้ว มาหาวิธีแก้ไปพร้อม ๆ กัน แก้อาการโมโนโฟเบีย ง่าย ๆ ไม่ให้กลายเป็นคนอ่านหนังสือทิพย์                   1. จำกัดระยะเวลาในการใช้มือถือ ขั้นแรกควรจดรายละเอียดและระยะเวลาที่ใช้โทรศัพท์มือถือในแต่ละกิจกรรม โดยอาจแบ่งออกเป็นเวลาคุย ตอบข้อความ การใช้สื่อสังคมออนไลน์ หรือฟังก์ชั่นอื่น ๆ แล้วคำนวณว่าในหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมา เราใช้เวลาไปกับกิจกรรมเหล่านี้เป็นเวลาเท่าไหร่ จากนั้นลองค่อย ๆ ลดการใช้มือถือในแต่ละกิจกรรมลงเรื่อย ๆ ค่อยเป็นค่อยไป                   2. หันมาพูดคุยกับคนรอบกายให้มากยิ่งขึ้น แม้ว่ามือถือจะเป็นเครื่องมือสื่อสารที่ช่วยให้เราติดต่อกันได้ง่ายดาย แต่บางคนอาจติดมือถือ จนใช้เครื่องมือสื่อสารเป็นตัวกลางในการติดต่อแม้จะอยู่ไม่ห่างกันมากนัก แม้ว่าการอยู่กับสังคมออนไลน์จะช่วยให้คลายเหงาได้บ้างเมื่อต้องอยู่ลำพังเพียงคนเดียว แต่การที่ยกมือถือขึ้นมาอยู่ตลอดเวลาในขณะที่ผู้คนรอบกายกำลังพูดคุยกันอยู่จึงถือว่าเป็นพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมเป็นอย่างยิ่ง ดังนั้นเราควรงดใช้งานในหว่างนั่งคุยกับคนอื่น นอกจากจะลดการใช้งานลงแล้ว ยังช่วยสร้างความสัมพันธ์อันดีได้อีกด้วย                   3. คิดใหม่ปรับทัศนคติ เมื่อมีข้อความเข้าจากบุคคลอื่น

ติดมือถือจนกลายเป็นอ่านหนังสือทิพย์ แก้ยังไงดี Read More »

7 วิธีฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

7 วิธีฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร

Digestive System หรือระบบย่อยอาหาร มีหน้าที่ในการเปลี่ยนแปลงสภาพของอาหารให้กลายเป็นพลังงานให้กับร่างกาย รวมถึงการกำจัดของเสียออกไปด้วย แต่บางครั้งพฤติกรรมการใช้ชีวิตของเรา ทำให้ระบบนี้ทำงานไม่เป็นปกติ เช่น ทำงานช้าลง รู้สึกแน่นท้อง เป็นต้น มาดูวิธีฟื้นฟูการย่อยอาหารให้ทำงานอย่างเต็มประสิทธิภาพกันดีกว่าว่ามีอะไรบ้าง ลองไปทำตามกัน 7 วิธีที่จะช่วยให้การย่อยอาหารทำงานได้ดีขึ้น                   1. เคี้ยวอาหารให้ละเอียด มีผลการวิจัยพบว่าวิธีนี้ยังช่วยคลายเครียดได้อีกด้วย ยิ่งเคี้ยวนาน ภายในปากก็จะผลิตน้ำลายออกมาเป็นจำนวนมาก เมื่อเรากลืนอาหาร น้ำลายจะมีส่วนช่วยให้เอนไซม์ที่มาย่อยอาหารทำงานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ รู้สึกอิ่มนาน ร่างกายดูดซึมสารอาหารได้อย่างรวดเร็ว                   2. เคลื่อนไหวร่างกายหลังมื้ออาหาร แรงโน้มถ่วงของร่างกายจะช่วยในการย่อยอาหารให้ทำงานได้ดีขึ้น และการขับถ่ายก็จะเป็นไปตามธรรมชาติด้วย                   3. ดื่มชาขิง สมุนไพรไทยยอดนิยมที่รู้จักและคุ้นเคยกันเป็นอย่างดี มีส่วนช่วยให้การย่อยดีขึ้น ลดความดันเลือด และลดเสี่ยงโรคหัวใจได้เป็นอย่างดี แต่ไม่ควรทานมากกว่า 2 ถ้วยเพราะอาจจะทำให้เกิดผลข้างเคียงขึ้นได้ เช่น อุจจาระเหลว และมีฤทธิ์ทำให้ตื่นตัวไม่ควรดื่มก่อนนอน เป็นต้น                   4. ลดหวาน มัน เค็ม โดยเฉพาะอาหารแปรรูป เนื่องจากมีน้ำตาล ไขมันอิ่มตัว สารให้ความหวาน ซึ่งให้แคลอรีสูง เข้าไปฆ่าแบคทีเรียดีที่ช่วยในระบบย่อยอาหาร

7 วิธีฟื้นฟูระบบย่อยอาหาร Read More »

เช็คอาการเสี่ยงป่วยเป็นโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

เช็คอาการเสี่ยงป่วยเป็นโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง

จากสถิติของกระทรวงสาธารณสุขพบว่า ในช่วงระยะ 10 ปีที่ผ่านมา คนไทยเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือด เฉลี่ยแล้วมากกว่า 30,000 คนต่อปี หรือประมาณประมาณ 4 คนต่อชั่วโมง และไม่มีท่าทีว่าอัตราการชีวิตด้วยโรคนี้จะลดลง เนื่องจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตของคนในยุคปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไป หันมาทานอาหารจานด่วนมากขึ้น ซึ่งอาหารเหล่านี้มีไขมันและคาร์โบไฮเดตสูง แต่ในขณะเดียวกันไม่ออกกำลังกาย และมีความเครียดมากขึ้น มาเช็คตัวเองกันดีกว่าว่ามีอาการเสี่ยงป่วยเป็นโรคหัวใจหรือไม่ จะได้แก้ไขได้ทัน อาการเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ                   1. มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง โรคอ้วน สูบบุหรี่ และพันธุกรรม เป็นต้น สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นปัจจัยเสี่ยงโรคหัวใจได้ง่าย                   2. มีอาการแน่นหน้าอก ซึ่งจะมีความรู้สึกเหมือนกับว่ามีคนนั่งทับ เหยียบ บริเวณหน้าอก ปวดร้าวขึ้นกรามด้านซ้าย อาจร้าวไปถึงท้องแขนซ้าย หรือลงมาบริเวณท้อง โดยมีอาการร่วมกับเหงื่อแตกใจสั่นด้วย                   3. หน้ามืด เป็นลมหมดสติ หรืออาจจะวูบกะทันหันโดยไม่รู้สึกตัว                   4. ใจสั่น หัวใจเต้นเร็วและรัว อย่างกะทันหัน                   5. เหนื่อยหอบ

เช็คอาการเสี่ยงป่วยเป็นโรคหัวใจ มีอะไรบ้าง Read More »

วิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน ด้วยวิธีธรรมชาติ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

วิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน ด้วยวิธีธรรมชาติ

Growth Hormone เป็นฮอร์โมนที่มีความสำคัญผลิตขึ้นจากต่อมใต้สมองที่มีชื่อว่าพิทูอิตารี มีส่วนช่วยให้ร่างกายเจริญเติบโต ซ่อมแซมเซลล์ และกระบวนการของเมตาบอลิซึม กระดูกและเนื้อเยื่อต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเข้าไปกระตุ้นให้เกิดการเผาผลาญไขมันนำมาใช้เป็นพลังงานอีกด้วย หากร่างกายมีฮอร์โมนชนิดนี้น้อยจะส่งผลเสียต่อสุขภาพ มีความเสี่ยงให้เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่าง ๆ ได้มาดูวิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน ด้วยวิธีแบบธรรมชาติกัน เพิ่ม Growth Hormone ด้วยวิธีธรรมชาติ                   1. นอนหลับให้เพียงพอต่อความต้องการในแต่ละวัน โดยประมาณ 4 ทุ่ม ร่างกายของเราจะหลั่งสารเมลาโทนิน จากต่อมไพเนียลของสมอง ส่งผลให้เรารู้สึกง่วงนอน ซึ่งสารตัวนี้จะไปกระตุ้นให้มีการหลั่ง Growth Hormone ขึ้นและจะมีจำนวนมากในช่วง 90 นาทีแรกหลังจากที่เราหลับไปแล้ว ทำให้ร่างกายซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอได้เป็นอย่างดี แต่หากเรานอนหลับไม่สนิท นอนดึก ไม่มีการนอนหลับพักผ่อนที่ดี ร่างกายก็สารฮอร์โมนได้น้อย หรือไม่สร้างเลย                   2. รับประทานอาหารที่ดี โดยเฉพาะอาหารที่มีกรดอะมิโน เช่น แอลกลูตามี แอลไกซีน แอลอาร์จินีน แอไลซีน แอลออร์นิทีน เป็นต้น                   3. ออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ อย่างน้อยวันละประมาณ 10-30

วิธีเพิ่มโกรทฮอร์โมน ด้วยวิธีธรรมชาติ Read More »