ปัสสาวะเล็ด หรืออาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นปัญหาที่พบได้บ่อยในผู้หญิง ซึ่งส่วนใหญ่มักคิดว่าเป็นเรื่องไกลตัว เนื่องจากเป็นภาวะที่เกิดขึ้นได้ในผู้สูงอายุเท่านั้น แต่ในความเป็นจริงแล้ว การกลั้นปัสสาวะไม่อยู่นี้ สามารถเกิดขึ้นได้ในผู้หญิงทั่วไป ทั้งแต่งงานแล้ว และผู้ที่ยังไม่เคยมีคลอดลูก มาดูกันว่าโรคนี้เกิดมาจากอะไร จะได้เตรียมตัวรับมือได้อย่างถูกต้อง
สาเหตุที่ทำให้กลั้นปัสสาวะไม่อยู่ เป็นปัญหากวนใจ ของผู้หญิงหลาย ๆ คน
1. เกิดจากแรงดันในช่องท้อง เป็นภาวะที่ปัสสาวะไหลออกมาเมื่อมีการเพิ่มแรงกดในกระเพาะปัสสาวะ จากการเพิ่มขึ้นของแรงดันในช่องท้อง เช่น การไอ จาม เบ่ง หัวเราะ การออกกำลังกาย เป็นต้น หรืออาจเกิดขึ้นได้จากการเปลี่ยนกิริยาท่าทาง เช่น การเดิน วิ่ง ขึ้นบันได ยกของหนัก เป็นต้น ซึ่งเกิดจากการที่หูรูดท่อปัสสาวะทำงานผิดปกติ พบได้มากในผู้ใหญ่มากกว่าผู้ชาย โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุ น้ำหนัก เพิ่มขึ้น รวมถึงคนที่เคยมีประวัติในเรื่องของการคลอดบุตรยาก หรือบุตรหัวโต ส่งผลให้กล้ามเนื้อบริเวณอุ้งเชิงกรานหย่อนยานเกิดขึ้น
2. ปัสสาวะราด ภาวะของการที่มีปัสสาวะราดออกมา หลังจากปวดปัสสาวะแบบเฉียบพลัน คืออาการปวดมากไม่สามารถกลั้นได้นานอย่างเพียงพอ ทำให้ราดออกมาทั้งหมดทันที โดยที่ไม่สามารถพาตัวเองเข้าห้องน้ำได้ทัน ซึ่งภาวะนี้เกิดจากกระเพาะปัสสาวะมีการบีบตัวรวดเร็วจนเกินไป
3. ภาวะเล็ดราด เป็นอาการของปัสสาวะเล็ดราดหลังจากที่มีการปวดอย่างเฉียบพลัน หรือหลังจากที่มีการเพิ่มแรงดันภายในช่องท้อง โดยผู้ป่วยจะมีทั้ง SUI และ UUO เกิดขึ้นร่วมกัน พบได้ทั้งในผู้หญิงและผู้ชายในสัดส่วนเท่า ๆ กัน
4. ปัสสาวะล้น อาการที่ผู้ป่วยไม่สามารถกลั้นปัสสาวะไม่ได้ มีน้ำค้างอยู่ในกระเพาะปัสสาวะในปริมาณมาก และมีแรงดันสูงกว่าแรงดันบริเวณหูรูดท่อปัสสาวะ จึงทำให้ไหลล้นออกมา ซึ่งอาหารนี้พบในผู้ป่วยระบบประสาทกระเพาะปัสสาวะเสียไปจากการประสบอุบัติเหตุ เนื้องอก หรือผู้ป่วยโรคเบาหวาน
เรื่องไม่เล็ก เมื่อเกิดอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่บ่อย ๆ
เมื่อมีอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ จะส่งผลกระทบทั้งในเรื่องของร่างกายและจิตใจ หลายคนต้องลุกขึ้นมาเข้าห้องน้ำในตอนดึก ทำให้พักผ่อนไม่เพียงพอ ส่งผลให้กิจกรรมระหว่างวันจึงทำได้ไม่เต็มที่เท่าที่ควร หรือแม้แต่การเดินทางไปยังสถานที่ต่าง ๆ ต้องคอยเป็นกังวลว่าจะเข้าห้องน้ำที่ไหนอยู่เสมอ ทำให้ผู้หญิงหลาย ๆ คนมีความรู้สึกอายจนไม่อยากจะร่วมทำกิจกรรมต่าง ๆ กับคนจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสร้างปัญหาในเรื่องของการมีเพศสัมพันธ์ เกิดความเครียด ปมด้อย จนอาจกลายเป็นโรคซึมเศร้าตามมา
อาการปัสสาวะเล็ด ส่วนใหญ่พบในผู้หญิงที่มีอายุตั้งแต่ 35 ปีขึ้นไป และผู้สูงอายุ ในส่วนของผู้ชายจะพบได้น้อย ซึ่งจะเป็นคนชราที่มีอยู่ 50 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ชายมีกล้ามเนื้อหูรูดของกระเพาะปัสสาวะที่แข็งแรงกว่า รวมถึงมีต่อมลูกหมากที่ช่วยในการป้องกันไม่ให้เกิดการเล็ดออกมาปัสสาวะได้ โดยในปัจจุบันมีแนวทางการรักษาได้ 2 วิธี คือการรักษาแบบประคับประคอง และโดยการผ่าตัด สำหรับผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงแพทย์ก็อาจพิจารณารักษาด้วยห่วง หรืออุปกรณ์พยุงช่องคลอด แต่ผลการรักษาพบว่าร้อยละ 30-40 ยังมีอาการเล็ดของปัสสาวะ ซึ่งไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ ดังนั้น การป้องกันไม่ให้เกิดโรคกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ทำได้ง่าย ๆ เช่น ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการขับถ่ายปัสสาวะให้เป็นปกติ ออกกำลังกาย ควบคุมน้ำหนัก รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ทั้ง 5 หมู่ ดื่มน้ำสะอาดในปริมาณที่เหมาะสมกับร่างกาย หลีกเลี่ยงการดื่มน้ำอัดลม ชา กาแฟ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการงดสูบบุหรี่ เลี่ยงการทำให้ท้องผูก ไม่กลั้นอุจจาระและปัสสาวะเป็นเวลานาน เป็นต้น
การเป็นโรคปัสสาวะเล็ดราด เป็นเรื่องที่ไม่เล็กสำหรับผู้หญิง หากมีอาหารที่ผิดปกติในระบบกระเพาะปัสสาวะ ควรรีบเข้าไปปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อทำการตรวจวินิจฉัยรักษาได้อย่างรวดเร็ว รวมถึงการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตให้มีความเหมาะสม รวมถึงทำความเข้าใจที่ถูกต้องด้วย เพียงเท่านี้ก็จะช่วยให้เราห่างไกลจากอาการกลั้นปัสสาวะไม่อยู่ ส่งผลให้ใช้ชีวิตในทุกวันอย่างมั่นใจได้เต็มที่
เครดิตภาพ : romrawin.com / happymom.in.th / today.line.me
YouTube :
ปัสสาวะเล็ด ขมิบช่วยได้
วิธีป้องกันปัสสาวะเล็ด
#สาเหตุปัสสาวะเล็ด #ปัญหาปัสสาวะเล็ด #กลั้นปัสสาวะไม่อยู่