อาการต่าง ๆ ของโรคภูมิแพ้ ไข้หวัดรวมถึงไข้หวัดใหญ่ และโควิด-19 มีสิ่งที่คล้ายกันนั่นก็คือ ลักษณะของอาการที่แสดงออกมาเนื่องจากเป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจเหมือนกัน ตั้งแต่อาการเพียงเล็กน้อยไปจนถึงระดับรุนแรง ดังนั้นมารู้จักอาการของโรคเหล่านี้จะช่วยให้เราแยกความแตกต่างออกจากกันได้ เพื่อลดความวิตกกังวลของผู้ป่วยและเฝ้าระวังไม่ตื่นตระหนกมากจนเกินไป
อาการของโรคภูมิแพ้ ไข้หวัด และ COVID-19 แยกให้ออก
โรคภูมิแพ้ เป็นโรคที่เกิดมาจากการสนองตอบของร่างกายที่มีความไวต่อสารก่อให้เกิดภูมิแพ้มากกว่าปกติ ทำให้มีอาการต่าง ๆ กับอวัยวะที่ไปสัมผัสกับสารเหล่านั้น ซึ่งในผู้ป่วยแต่ละรายจะมีอาการมากน้อยไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับชนิดและปริมาณของสาร รวมถึงการตอบสนองของร่างกาย ซึ่งอาการที่พบได้บ่อย ๆ ได้แก่ การอักเสบเกิดเป็นผื่นคัน คันภายในจมูก คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอ หอบ แน่นหน้าอก หายใจไม่สะดวก เป็นต้น ดังนั้นการดูแลรักษาตัวเองทำได้ง่าย ๆ โดยการเลี่ยงสิ่งกระตุ้นที่อาจจะทำให้เกิดการแพ้ ใช้ยาตามคำสั่งของแพทย์ หากมีอาการรุนแรงควรรีบไปพบแพทย์เพื่อทำการตรวจรักษาอย่างถูกต้อง
ไข้หวัด เป็นโรคติดเชื้อที่พบได้บ่อย ๆ โดยเฉพาะสภาพอากาศในประเทศไทยบ้านเรา เกิดจากการติดเชื้อไวรัสที่มีมากมายหลากหลายสายพันธุ์ มักจะพบในช่วงที่มีอากาศเปลี่ยนแปลง ความรุนแรงเกิดขึ้นไม่มาก และสามารถหายได้เองในไม่กี่วัน ซึ่งโรคนี้ติดต่อได้ทางน้ำมูก น้ำลาย เสมหะ
โดยการที่รับเอาเชื้อที่มีการกระจายตัวจากการไอ จาม ผ่านเข้าทางลมหายใจ นอกจากนี้มือที่เปื้อนเชื้อโรคเมื่อนำไปสัมผัสจมูกและตาก็อาจจะติดเชื้อได้เช่นกัน อาการที่พบได้แก่ คัดจมูก น้ำมูกไหล ไอมีเสมหะ จาม เสียงแหบ เจ็บคอ บางรายอาจมีไข้ต่ำ ๆ และปวดศีรษะ เป็นต้น ในผู้ใหญ่อาจจะมีอาการไม่มาก ยกเว้นผู้ที่มีโรคทางเดินหายใจ มักจะเป็นไม่นานประมาณ 2-5 วัน น้ำมูกไหลนาน 10-14 วันก็จะหายได้เองโดยไม่ต้องทานยา แต่สำหรับในเด็กอาจจะมีอาการรุนแรงกว่าเล็กน้อยเนื่องจากยังไม่มีภูมิคุ้มกันมากนัก ดังนั้นการดูแลรักษาตัวเองคือการสวมหน้ากากอนามัย เลี่ยงการสัมผัสใบหน้า หรือใช้สิ่งของร่วมกับผู้ป่วย
โควิด-19 เป็นโรคระบาดติดเชื้อที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่ อาการที่เกิดขึ้นมักจะมีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายพันธุ์ บางรายอาจไม่รุนแรงคล้ายกับเป็นไข้หวัดโดยทั่วไป โดยจะมีอาการเริ่มจาก มีไข้ตัวร้อนมากกว่า 37.5 องศาขึ้นไป ปวดเมื่อยตามตัว ไอแห้ง ๆ หายใจไม่สะดวก เจ็บคอ จมูกไม่ได้กลิ่น ลิ้นรับรสไม่ได้ ในบางคนอาจรุนแรงส่งผลให้ปอดอักเสบและเสียชีวิตได้ในเวลาไม่นาน ซึ่งโรคนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ทั้งจากการสัมผัสใกล้ชิด ทางลมหายใจ การสัมผัสสิ่งของต่าง ๆ ด้วย
โรคระบาดติดเชื้อไวรัสสายพันธุ์ใหม่ ป้องกันตัวเองเอาไว้ อย่าตระหนกจนเกินไป
เนื่องจากโรคภูมิแพ้ ไข้หวัดหรือไข้หวัดใหญ่ เป็นโรคที่เกิดขึ้นมาแล้ว จึงมีวัคซีนผลิตขึ้นมาป้องกันตั้งแต่เด็กจนถึงผู้สูงวัย อีกทั้งร่างกายก็มีการสร้างภูมิคุ้มกันได้เองแล้วในระดับหนึ่ง แต่ในส่วนของโควิด-19 เป็นเชื้อโรคที่พึ่งเกิดขึ้นมาใหม่จึงยังหาทาวิธีการผลิตวัคซีนได้ไม่ทันและเพียงพอ ส่งผลให้มีผู้ติดเชื้อทั่วโลกเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก อีกทั้งเชื้อโรคชนิดนี้แพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ส่งผลโดยตรงต่อระบบทางเดินหายใจสามารถลุกลามไปยังปอด ทำให้เกิดการบวม อักเสบ ที่มีความรุนแรงกว่าไข้หวัด นอกจากนี้ยังส่งผลต่อการรับรสและการได้กลิ่นอีกด้วย ผู้ที่มีความเสี่ยงสูง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ คนที่สุขภาพไม่แข็งแรงมีโรคประจำตัวต่าง ๆ ควรดูและป้องกันตัวเองให้มากยิ่งขึ้น แต่ทั้งนี้ไม่ควรตระหนก วิตกกังวล มากจนเกินไป อาจจะทำให้เป็นโรคเครียดหรือโรคซึมเศร้า จนเกิดเป็นโรคอื่น ๆ ตามมาได้
การป้องกันตัวเองที่ได้ดีที่สุดจากการติดเชื้อโรคต่าง ๆ รวมถึงโควิด-19 คือ การล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่ เจลล้างมือ ผ่านน้ำสะอาดอย่างน้อย 20 วินาที ใช้เจลแอลกอฮอล์ทุกครั้งเมื่อมีการสัมผัสสิ่งของ ไม่ควรใช้มือสัมผัสใบหน้า สวมหน้ากากอนามัยหรือหน้ากากผ้า 2 ชั้นตลอดเวลา เลี่ยงพื้นที่ที่มีผู้คนหนาแน่นหรือจุดที่มีการระบาด เว้นระยะห่าง งดการเดินทางข้ามจังหวัดหากไม่มีความจำเป็นเร่งด่วน เมื่อกลับเข้าบ้านควรอาบน้ำทำความสะอาดร่างกาย แยกซักเสื้อผ้า ไม่ใช้สิ่งของต่าง ๆ รวมกัน และดำเนินการตามมาตรการป้องกันของทางราชการอย่างเคร่งครัด เพื่อให้เรานั้นปลอดภัยห่างไกลโรค
เครดิตภาพ : sanook.com / pharmacy.mahidol.ac.th / social.tvpoolonline.com
YouTube :
Doctor Tips ตอน จมูกอักเสบภูมิแพ้กับ COVID-19 แตกต่างกันอย่างไร?
ข้อสังเกตอาการ โควิด-19 vs ไข้หวัด
#แยกอาการโรคทางเดินหายใจ #รู้ทันโควิด-19 #เรื่องโรคใกล้ตัว