กะทิดีไม่มีอ้วน

กะทิดีไม่มีอ้วน หากเราเลือกรับประทานในปริมาณที่เหมาะสม

กะทิเกิดจากการนำเนื้อของผลมะพร้าวแก่มาบีบคั้นเอากะทิออกมา  กรดไขมันไม่อิ่มตัวในกะทิมีไม่เกิน 10% ได้แก่ กรดโอเลอิค และกรดไลโนเลอิค  แต่มีกรดไขมันชนิดอิ่มตัวมากกว่า 90% คือ กรดลอริค  40-50% กรดไมริสติค 13-19% และกรดปาล์มิติก 4-18%  ซึ่งกรดไขมันอิ่มตัวมีขนาดสั้นและปานกลาง จึงถูกย่อยได้ง่าย แล้วถูกเผาผลาญให้เป็นพลังงานในตับโดยไม่ไปสะสมเป็นไขมันแบบกรดไขมันไม่อิ่มตัวที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่  อีกทั้งยังไปกระตุ้นให้ต่อมไทรอยด์ทำงานได้ดีขึ้น และนี่ที่เป็นเหตุผลว่าคนในสมัยโบราณไม่ค่อยมีคนอ้วน แม้จะรับประทานกะทิที่อยู่ในอาหารทั้งคาวและหวาน

เทคนิคการใช้กะทิในอาหาร

เวลาทำแกงกะทิ อย่าราดหน้าแกงด้วยน้ำมันพืช แค่เคี่ยวกะทิให้แตกมันก็เพียงพอแล้ว   ส่วนกะทิราดหน้าขนมหวานนั้น ใช้หัวกะทิตั้งไฟให้แค่พอเดือด หมั่นคน อย่าให้แตกมัน เติมเกลือป่นนิดหน่อยยกลง ก็อร่อยมันเข้มข้นแล้ว ที่สำคัญอย่าเติมแป้ง     ในการประกอบอาหารที่ต้องใส่กะทิ ให้พยายามใส่กะทิสด เพราะมั่นใจได้ 100% ว่าเป็นกะทิแท้ๆ ไม่ผสมแป้ง และจำไว้ว่าอย่าใส่นมสดแทนกะทิ   เวลาไปรับประทานอาหารนอกบ้าน ถ้าต้องสั่งต้มยำให้สั่งต้มยำน้ำใส เพราะต้มยำน้ำข้นมักใส่นมสดหรือครีมเทียม

ประโยชน์ของกะทิต่อสุขภาพร่างกาย

ในกะทิมีกรดลอริค ซึ่งเป็นกรดที่สามารถช่วยต่อต้านเชื้อไวรัส ป้องกันเชื้อแบคทีเรีย และต่อต้านเชื้อราภายในร่างกาย กะทิช่วยลดการสะสมของไขมัน เพราะเมื่อบริโภคกะทิเข้าไปแล้วนั้น กะทิจะมีส่วนในการช่วยดึงไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกายที่ถูกสะสมไว้ไปแปรเปลี่ยนเป็นพลังงานได้อีกด้วย จึงสามารถช่วยลดการสะสมของไขมันได้เป็นอย่างดี   ในกะทิมีวิตามินอยู่หลายชนิด เช่น วิตามินบี1 บี2  บี3 บี6 และ วิตามินซี  ซึ่งมีบทบาทแก้โรคเหน็บชา ช่วยบำรุงผิวพรรณ ช่วยลดคอเลสตรอรอล ช่วยป้องกันการเกิดโรคหัวใจ ช่วยบรรเทาอาการต่างๆ ของระบบประสาท ลดอาการเครียด ช่วยบำรุงผิวหนังให้มีสุขภาพดีและแข็งแรง   นอกจากนั้นกะทิยังอุดมไปด้วยแร่ธาตุอีกมากมาย เช่น แคลเซียม ช่วยทำให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยกระตุ้นการทำงานของเอนไซม์ในร่างกาย ช่วยทำให้ระบบประสาททำงานได้อย่างเป็นปกติ ธาตุเหล็ก ช่วยเสริมสร้างการเจริญเติบโตของร่างกาย ป้องกันอาการอ่อนเพลีย และช่วยป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง  แมกนีเซียม ช่วยป้องกันความดันโลหิต ป้องกันการเกิดโรคหัวใจ และยังช่วยป้องกันการเกิดภาวะกระดูกพรุน  ฟอสฟอรัส ช่วยให้กระดูกและฟันแข็งแรง ช่วยเผาพลาญไขมัน และช่วยซ่อมแซมส่วนที่สึกหรอของร่างกาย  โพแทสเซียม ช่วยควบคุมให้ปริมาณน้ำในร่างกายมีความสมดุล ช่วยลดความดันโลหิต และบรรเทาอาการของโรคภูมิแพ้  สังกะสี ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันและการเจริญเติบโตให้กับร่างกาย

หลายคนอาจจะกลัวการรับประทานอาหารที่มีกะทิเพราะได้รับข้อมูลมาผิดๆ  ทั้งนี้เนื่องจากในอาหารหวานของไทยมักมีส่วนผสมเป็นกะทิและน้ำตาลปริมาณมาก การรับประทานน้ำตาลมากๆ คือต้นเหตุที่แท้จริงของความอ้วน  ดังนั้นการรับประทานกะทิให้เหมาะสมจึงไม่ทำให้อ้วน  แต่การบริโภคที่มากเกินพอดี ก็อาจจะส่งผลร้ายต่อร่างกายได้เช่นกัน 

เครดิตภาพ : pixabay.com

#กะทิดีไม่มีอ้วน #เคล็ดลับหุ่นดี #เคล็ดลับสุขภาพดี