น้ำตาลซ่อนรูป

น้ำตาลซ่อนรูป คนไทยบริโภคน้ำตาลค่อนข้างมาก

ข้อมูลด้านโภชนาการของคนไทย ระบุว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลมากถึงวันละ 22 ช้อนชา หรือเฉลี่ยคนละ 30 กิโลกรัมต่อปีเลยทีเดียว เหตุผลก็มาจากอาหารและเครื่องดื่มต่างๆ มักมีน้ำตาลเป็นส่วนประกอบอยู่มาก  เพราะฉะนั้นเวลาเลือกรับประทานอาหารสำเร็จรูปหรือเครื่องดื่ม  ผู้บริโภคควรอ่านฉลากที่ติดอยู่บรรจุภัณฑ์ เพื่อให้ทราบปริมาณของน้ำตาลในอาหารหรือเครื่องดื่มนั้นๆ ว่ามีมากน้อยเพียงใด และจะได้เลือกทานได้อย่างเหมาะสม 

นอกจากน้ำตาลจากธรรมชาติที่พบได้ในผลไม้และนมแล้ว น้ำตาลที่พบในอาหารต่างๆ ก็อาจจะเป็นน้ำตาลรูปแบบอื่นๆ เช่น น้ำผึ้ง น้ำเชื่อมฟรุกโทส และกากน้ำตาลซึ่งจะแตกต่างจากน้ำตาลที่ได้จากธรรมชาติ คือ เป็นพลังงานที่ว่างเปล่า ไม่มีวิตามิน แร่ธาตุ หรือกากใยอาหาร สิ่งเหล่านี้เป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดการบริโภคน้ำตาลเกินเกณฑ์ที่กำหนด แต่น้ำตาลไม่ว่าจะเป็นชนิดใดก็ตามล้วนแต่ให้พลังงานที่สูงอยู่ดี โดยส่วนมากหากอาหารและเครื่องดื่มชนิดไหน ที่บนฉลากมีค่าของน้ำตาลอยู่ในระดับต้นๆ ก็มักจะเป็นอาหารที่มีน้ำตาลสูงนั่นเอง

ไขมันของแถมจากน้ำตาล

อาหารที่มีรสชาติหวานอย่าง ไอศกรีม คุกกี้ เค้ก หรือ ขนมต่างๆ นอกจากจะมีปริมาณของน้ำตาล ครีม และเนย มากแล้ว ก็มักมีส่วนประกอบของไขมันรวมอยู่ด้วย โดยไขมันเป็นสิ่งที่ทำให้อาหารอร่อยขึ้น หากได้ความหวานจากน้ำตาลรวมไปด้วย อาหารชนิดนั้นก็จะมีความอร่อยมากยิ่งขึ้น ทำให้สามารถกินได้มากกว่าปกติ แต่การทานอาหารชนิดที่มีไขมันและน้ำตาลสูงนี้ก็จะทำให้ร่างกายได้รับพลังงานที่สูงมากขึ้นด้วย เนื่องจากไขมันให้พลังงาน 9 กิโลแคลอรีต่อกรัม และน้ำตาลให้พลังงาน 4 กิโลแคลอรีต่อกรัม ดังนั้นการทานอาหารประเภทนี้บ่อยๆ ย่อมทำให้น้ำหนักตัวขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

น้ำตาลในอาหารหวานลวงร่างกาย

น้ำตาลเป็นปัจจัยอย่างหนึ่งที่มีผลต่อการทำงานในร่างกายและการทานอาหารของมนุษย์เนื่องจาก น้ำตาลจะมีค่าดัชนีน้ำตาล หากในมื้ออาหารนั้นรับประทานอาหารที่มี ค่าดัชนีน้ำตาลสูง นั้นหมายถึงว่า หลังจากรับประทานไปแล้ว ร่างกายจะดูดซึมอาหารนั้นได้เร็ว ส่งผลให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ตับอ่อนจึงต้องหลั่งฮอร์โมนอินซูลินให้มากขึ้นเพื่อเซลล์จะได้นำน้ำตาลน้ำตาลในเลือดเปลี่ยนไปใช้เป็นพลังงานได้ และหลังจากนั้นระดับน้ำตาลน้ำตาลจะลดลงอย่างรวดเร็ว

ฉะนั้นเมื่อระดับน้ำตาลน้ำตาลลดต่ำลง สมองจะสั่งการว่าถึงเวลากินอาหารแล้ว เพื่อให้ไปปรับความสมดุลของระดับน้ำตาลในร่างกาย จึงทำให้อยากกินอาหารรสหวานมากขึ้นถึงแม้ว่าในความจริงอาจจะไม่หิวก็ตาม  อาหาiที่มีค่าดัชนีน้ำตาลสูงเช่น ลูกอม น้ำอัดลม คุกกี้ เค้ก ขนมหวานต่างๆ เป็นต้น   ดังนั้นจึงควรเลือกรับประทานอาหารที่มีค่าดัชนีน้ำตาลต่ำเป็นอาหาร เพราะทำให้อิ่มนาน ระหว่างมื้ออาหารจะไม่รับประทานจุกกินจิก โดยส่วนมากมักพบในอาหารที่มีกากใยสูง หวานน้อย และในพืชผักหลายชนิด

นอกเหนือจากน้ำตาลที่สามารถพิจารณาจากฉลากโภชนาการโดยตรงแล้ว  สิ่งที่ควรระมัดระวังอีกประการคือ อาหารขนาดหรือปริมาณพิเศษ โดยเฉพาะร้านอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดมักมีการเอาใจผู้บริโภค ด้วยการมีโปรโมชั่นเพิ่มเงินเพียงไม่กี่บาทก็สามารถเพิ่มขนาดของอาหารและเครื่องดื่มได้ หรือเรียกว่าเป็นการอัพไซด์นั้นเอง  ซึ่งผู้บริโภคส่วนมากก็ดูจะพอใจกับข้อเสนอนี้ แต่มีข้อเสียคือ ทำให้ร่างกายได้รับปริมาณของน้ำตาลเพิ่มขึ้นมากไปด้วยนั้นเอง เมื่อได้รับพลังงานที่สูงขึ้นและหากเผาผลาญออกได้ไม่หมด เมื่อบ่อยๆเข้าก็อาจจะนำไปสู่การเป็นโรคอ้วนได้ โดยเฉพาะในเด็กที่ชอบทานอาหารประเภทฟาสต์ฟู้ดแบบนี้

เครดิต pixabay.com

#น้ำตาลซ่อนรูป #การบริโภคน้ำตาล #เคล็ดลับสุขภาพดี

ลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ไม่ต้องออกกำลังกาย ด้วยการทำ IF เหมาะสำหรับคนที่ไม่มีเวลาออกกำลังกาย

ลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ไม่ต้องออกกำลังกาย ด้วยการทำ IF

เมื่อน้ำหนักร่างกายมากเกินไป ก็กลายเป็นบ่อเกิดให้โรคอะไรต่างๆ มากมาย เพื่อป้องกันสภาวะเช่นนั้น หลายๆ คนจึงต้องหันมาลดน้ำหนัก ทั้งออกกำลังกาย ทั้งควบคุมอาหาร แต่เพราะชีวิตประจำวัน และหน้าที่การงานไม่เป็นใจ ทำให้ไม่สามารถออกกำลังกายหรือว่าควบคุมอาหารได้อย่างต่อเนื่อง แต่มีวิธีหนึ่งที่สามารถลดน้ำหนักได้ โดยไม่ต้องออกกำลังกาย หรือควบคุมแบบรับประทานอาหารอย่างเข้มงวด นั่นก็คือ การทำ IF การลดน้ำหนักด้วยการทำ IF คืออะไร? การลดน้ำหนัก ด้วยการทำ IF (Intermittent fasting) หรือการอดอาหารเป็นพักๆ ที่ให้ร่างกายรับและหยุดรับอาหารเป็นช่วงเวลา โดยมีเงื่อนไขอยู่ 3 ข้อ คือ1. ในแต่ละวันต้องงดอาหาร 1 มื้อ2. งดการกินอาหารมื้อดึก3. รับประทานอาหารตามปกติในช่วงเวลาที่กำหนด  น้ำหนัก ด้วยการทำ IF การลดน้ำหนักด้วยการทำ IF มีให้เลือกทำตามลักษณะนิสัย หรือการใช้ชีวิตประจำวันของแต่ละคนถึง 6วิธีด้วยกัน1. แบบ Lean gains วิธีนี้จะรับประทานอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และงดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง จึงเรียกแบบให้เข้าใจกันได้ง่ายๆ ว่าสูตร […]

ลดน้ำหนักแบบง่ายๆ ไม่ต้องออกกำลังกาย ด้วยการทำ IF Read More »

ข้าวโพดหวานกรุบๆ คลีนๆ เอาใจคนรักสุขภาพ สายhealthy ที่ชอบกินของว่าง

ข้าวโพดหวานกรุบๆ คลีนๆ

สาย healthy ที่ชอบกินของว่าง หอมๆ หวานๆ อร่อยๆ ไม่ต้องอดใจทรมานตัวเองอีกต่อไป เพราะของกินเล่นก็มีแบบอร่อยๆ แล้วคลีนๆ ทำกินเล่นในวันหยุดว่างๆ อย่างช่วงนี้ได้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะช่วงนี้มีข้าวโพดหวานออกมาขายมากมาย ไม่ว่าจะเป็นที่ตลาด หรือห้างสรรพสินค้า เพราะตอนนี้ไทยเราสามารถปลูกข้าวโพดหวานขายกันได้เองหลังจากที่ก่อนหน้านั้นเราต้องนำเข้าจากที่อื่นมาขาย ข้าวโพดหวานที่มีคุณสมบัติอร่อยในตัวเองอยู่แล้วเมื่อนำมาทำเป็นของกินเล่นจะอร่อยแค่ไหนตามมาดูกัน วัตถุดิบ และเครื่องปรุง 1.ฝักข้าวโพดหวาน 2 ฝัก 2.ข้าวโอ๊ตแบบสุกแล้ว 3.ไข่ขาว 2 ฟอง 4.ผักชี 5.โยเกิร์ตกรีก  6.มะนาว พริกไทยป่น เกลือ น้ำผึ้งแท้ 7.น้ำมันมะกอก วิธีทำ 1.ตั้งน้ำเต็มหม้อใส่ข้าวโพดหวานลงตั้งแต่ตอนที่ยังไม่เปิดไฟ เปิดไฟแรงต้มไป 20 นาที เปิดฝาหม้อเผยอ เสร็จแล้วปิดไฟ นำข้าวโพดไปแช่ในน้ำเย็น ดึงซังข้าวโพดออกให้หมด แล้วฝานข้าวโพด 2.ตอกไข่ 2 ฟองแยกไข่ขาวออกจากไข่แดง ใช้แต่ไข่ขาว ผสมกับข้าวโอ๊ต 4 ช้อนโต๊ะ พร้อมข้าวโพด 2 ฝัก โรยเกลือ และพริกไทยเล็กน้อย พร้อมสับผักชีลงไปตามชอบ 3.คนทั้งหมดให้เข้ากัน

ข้าวโพดหวานกรุบๆ คลีนๆ Read More »

ต้มข่าปลาในนมอัลมอนด์ ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ

ต้มข่าปลาในนมอัลมอนด์ ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ

เราคงจะเคยกินกันบ่อยสำหรับอาหารไทยที่รวมแกงกะทิกับต้มยำเข้าด้วยกัน แต่มาวันนี้เพิ่มความคลีนสำหรับคนสายสุขภาพที่กินแกงข่าเนื้ออกไก่มาจนเริ่มจะเบื่อกันแล้ว เป็นจานแกงข่าเนื้อปลาทะเลอร่อยได้เหมือนกัน อีกทั้ง่ยังได้น้ำมันปลา และโปรตีนโดยไม่มีไขมันที่ไม่ดีเข้าร่างกายด้วย และมีบางส่วนที่กินแกงข่าซดน้ำกะทิแล้วเกิดอาหารไม่ย่อยอืดมากขึ้น เราจะเปลี่ยนจากหัวกะทิเป็นนมอัลมอนด์กันแทน ลองทำกินกันดู รับรองย่อยง่าย น้ำหนักไม่ขึ้น ดีต่อสุขภาพ แบบนี้ต้องมาลองชิมกันดู วัตถุดิบ และเครื่องปรุง 1.เนื้อปลาทะเล 7-8 ขีด (เนื้อปลาเก๋า เนื้อปลากะพง เนื้อปลาอินทรีย์) 2.เครื่องต้มยำ ตะไคร้ ใบมะกรูด พริกขี้หนู มะนาว  3.เกลือ (หากไม่ใส่น้ำปลา) 4.ผักชี ไว้โรยตอนทำเสร็จแล้ว วิธีทำ 1.นำเอาเนื้อปลาที่แล่ออกจากก้างแล้วล้างน้ำเกลือ ตามด้วยน้ำสะอาดอีกรอบ ซับน้ำให้แห้ง แล่เป็นชิ้นตามต้องการ 2.ล้างผักชี เครื่องต้มยำทุกอย่าง ตะไคร้ทุบหั่นเป็นท่อน ใบมะกรูดฉีกเพื่อให้น้ำมันหอมออก พริกขี้หนูล้างเตรียมตำตอนที่จะใส่ 3.ตั้งหม้อใส่นมอัลมอนด์เปิดไฟกลางใส่เครื่องต้มยำทุกอย่างยกเว้นพริกขี้หนู จนนมอัลมอนด์เดือดใส่เนื้อปลาหรี่ไฟกลางแล้วไม่ต้องคนรอจนเนื้อปลาสุกก่อน เมื่อเนื้อปลาสุกหรี่ไฟเบาเติมเกลือ (หากไม่ใส่น้ำปลา ถ้าใส่น้ำปลาใส่ประมาณ 2 ช้อนชา) มะนาว 3 ซีก ใส่พริกขี้หนูที่ตำไว้ตามชอบ แล้วปิดไฟ ตักใส่ชามแล้วโรยผักชี เพิ่มเติม 1.เนื้อปลาจะรู้ได้อย่างไรว่าสุกแล้ว ส่วนใหญ่ถ้าเนื้อปลาที่แล่หั่นเป็นชิ้นๆ

ต้มข่าปลาในนมอัลมอนด์ ดีต่อใจ ดีต่อสุขภาพ Read More »