ออกกำลังกายแบบเวทกับคาร์ดิโอ ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน

ออกกำลังกายแบบเวทกับคาร์ดิโอ ช่วยลดน้ำหนักได้แน่นอน

กำลังลดน้ำหนัก ประโยคสุดฮิตติดปากสาว ๆ และหนุ่ม ๆ ยุคนี้ไปแล้ว คนรอบกายเราไม่ว่าจะอวบ อ้วน หรือแม้แต่ดูผอมเพรียว ก็ล้วนแต่ กำลังลดน้ำหนัก ด้วยวิธีสารพัดสารพัน จนไม่รู้ว่าอันไหนดี และบางวิธีก็ดูอันตรายซะเหลือเกิน…ซิกน่า เลยอยากคลายความสงสัยด้วยการไปฟังคำแนะนำเกี่ยวกับ วิธีออกกำลังกายลดน้ำหนักที่ถูกต้องและรวดเร็วที่สุด จากคุณหมอตัวจริงเลยดีกว่าจะได้เลิกมโนกันเองการออกกำลังกายนั้นจะให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุดเราไม่สามารถเลือกทำอย่างใดอย่างนึงได้อย่างเดียวนะ เราต้องทำทั้งเวทและคาร์ดิโอควบคู่กันเสมอ 

ผลจากการเวทและคาร์ดิโอ ลดน้ำหนัก

ในช่วงแรก ๆ ของการออกกำลังกายเพื่อ ลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการเวท และคาร์ดิโอนั้น จะทำให้ น้ำหนักขึ้น เพราะกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น น้ำหนักขึ้นเพราะกล้ามเนื้อเพิ่มขึ้น ถ้ารับประทานอาหารถึงตามที่ร่างกายต้องการ ผู้หญิงวันรับประทานโปรตีนวันละ 80-120 กรัม กำลังดี ใช้เวลานานมากในการสร้างกล้ามเนื้อ โปรตีน 12 กรัม กลายเป็นกล้ามเนื้อได้ 1กรัม น้ำหนักขึ้นเพราะไขมันเพิ่มขึ้น เพราะกินเข้าไปเยอะเกินหรือใช้พลังงานน้อยเกิน ตัวนี้มีโอกาสที่ทำให้น้ำหนักตัวและไขมันเพิ่ม เพราะถ้าไม่คาร์ดิโอเลย แคลอรี่จะใช้น้อย การเวทกับคาร์ดิโอช่วยให้เปอร์เซ็นต์ไขมันลดลง ง่าย ๆ คือร่างกายรู้สึก Lean ขึ้น Lean คือกล้ามเนื้อเพิ่ม แต่ไขมันน้อย บางคนอาจจะมี %ไขมันเท่ากับ 0 เพราะว่ากล้ามเนื้อเยอะขึ้น เผาผลาญได้ดีขึ้น  อยู่ที่การรับประทานอาหารมากกว่า เพราะกล้ามเนื้อเพิ่มช้ามาก ๆ ไม่ใช่เพิ่มได้ยาก  เวทกับคาร์ดิโอมักจะมาควบคู่เสมอ

เล่นเวท ลดน้ำหนัก ไม่ต้องกลัวว่าตัวจะใหญ่เพราะการลดน้ำหนัก ด้วยวิธีการเล่นเวท เป็นการกระชับสัดส่วนได้ดีมากขึ้น ไม่ต้องกลัวว่า เล่นแล้วตัวใหญ่น่าจะใช้เวลานาน และช่วงเวลานั้นตัวน่าจะใหญ่ ผู้หญิงเล่นแล้วตัวไม่ใหญ่ ถ้าผู้หญิงถ้ามีกล้ามเนื้อจะดูเฟิร์มเหมือน sport girl  อีกปัจจัยหนึ่งก็คือ คนจะมีรูปร่างใหญ่หรือเล็ก อยู่ที่ % ไขมัน ยิ่งรูปร่างใหญ่ ยิ่งมี %ไขมันมาก เวทอย่างเดียว  ไม่ได้ เพราะการออกกำลังกายนั้น เรื่องหัวใจสำคัญมาก ถ้าหัวใจไม่แข็งแรง เราจะไม่มีความทนทานเลย เอาง่ายๆคือร่างกายไม่ทนทานเพราะไม่ได้คาร์ดิโอเลย  ถ้าทนทานขึ้น ก็คือได้ความแข็งแรงของกล้ามเนื้อและหัวใจ Endurance  เช่น เดินขึ้นบันได วิ่งจ๊อกกิ้ง ว่ายน้ำ จักรยาน อะไรพวกนี้จะเหนื่อยง่ายหน่อย เพื่อให้เราได้รับออกซิเจนเข้าสู่ร่างกาย  ถ้าให้ดีทำให้ได้สักสัปดาห์ละ 2-3 ครั้งก็ได้ ตามกิจกรรมที่ชอบเลย แล้วแต่ความถนัด

เครดิตภาพ : thairath.co.th

#คาร์ดิโอเวท #ลดน้ำหนัก#การออกกำลังกาย

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร

สมดุลของสมองมีความสำคัญพฤติกรรมและการดำรงชีวิตของคนเรา  อารมณ์ที่ผิดปกติไม่ว่าจะเป็น เครียด วิตกกังวล ซึมเศร้า นอนไม่หลับ ล้วนเกิดจากการที่สมองขาดความสมดุล     บางครั้งประสิทธิภาพการทำงานของสมองลดลงเพราะได้รับไขมันชนิดไม่ดีเข้าสู่ร่างกายมากเกินไป อาหารที่มีไขมันชนิดไม่ดีนอกจากจะส่งผลให้สมองทำงานช้าลงแล้ว ยังทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นแล้วไปเพิ่มเสี่ยงของโรคหัวใจให้สูงขึ้นตามไปด้วย ดังนั้นลดปริมาณไขมันที่ไม่ดีให้น้อย  และที่ไม่ควรพลาดที่จะรับประทานคือไข่ เพราะในไข่มีโคลีนสูง โคลีนนี้เป็นสารอาหารสำคัญที่จะช่วยบำรุงสมองและป้องกันความจำเสื่อมได้ ทั้งยังเป็นสารสำคัญที่จะช่วยสร้างสารสื่อประสาทในสมองที่เรียกว่า อะเซทิลโคลีน ดังนั้นจึงควรรับประทานไข่วันละ 1 ฟอง อาหารรอบตัวที่ช่วยปรับสมดุลสมอง อาหารชนิดแรกคือ กาแฟ  คาเฟอีนที่พบในกาแฟเป็นสิ่งที่สามารถลดอาการซึมเศร้าลงได้ เพราะจะทำให้เกิดความรู้สึกตื่นตัวและสดชื่นมากขึ้น ตั้งแต่ไม่กี่นาทีหลังดื่มเลยทีเดียว ดังนั้นในคนที่เป็นโรคซึมเศร้าหรือมีอาการซึมเศร้าบ่อยๆ แค่ดื่มกาแฟวันละ 1-2 ถ้วย ก็จะช่วยแก้ปัญหาได้อย่างดีเยี่ยมแล้ว แต่ที่สำคัญคือไม่ควรดื่มหลังจากเวลา 15.00 น. ขึ้นไป เพราะสารคาเฟอีนที่ค้างอยู่จะทำให้เกิดอาการนอนไม่หลับและส่งผลเสียได้นั่นเอง  อาหารปรับสมดุลสมองชนิดต่อมาคือ กรดโฟลิก สามารถลดอารมณ์ซึมเศร้าและทำให้เกิดความรู้สึกกระปรี้กระเปร่ามากขึ้น โดยจากการวิจัยให้คำแนะนำว่าควรรับประทานกรดโฟลิกให้ได้วันละ 200 ไมโครกรัม แล้วอาการซึมเศร้าจะหายไป กรดโฟลิก 200 ไมโครกรัม นั้นได้จากการรับประทานผักโขมสุก 1 ถ้วยและน้ำส้ม 1 แก้วเท่านั้น  อาหารลดอาการซึมเศร้าอีกชนิดคือ ปลาทะเล ซึ่งมีกรดโอเมก้า […]

ปรับสมดุลสมองด้วยอาหาร Read More »

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน

อาหารเพื่อสุขภาพนั้นเป็นสิ่งสำคัญสำหรับทุกคน แต่อาจจะก่อให้เกิดคำถามขึ้นมากมายเกี่ยวกับอาหารประเภทนี้ เช่น  ฉันควรบริโภคผลไม้ออร์แกนิกหรือไม่? ฉันต้องรับประทานเนื้อวัวที่เลี้ยงด้วยหญ้าหรือไม่? น้ำผลไม้ทั้งหมดควรเป็นสกัดเย็นหรือไม่?   รวมถึงการหาปริมาณธาตุอาหารหลักแต่ละชนิดที่ต้องได้รับในแต่ละวัน แต่โชคดีที่ประเด็นที่สำคัญที่สุดที่ควรให้ความสนใจกลับมีเพียงแค่ โปรตีน เพราะร่างกายของมนุษย์นั้นเป็นเสมือนสถานที่ก่อสร้างที่ไม่มีวันสิ้นสุด โปรตีนเป็นเสมือนแรงงานที่จำเป็นเพื่อให้โครงการก่อสร้างดำเนินไปอย่างราบรื่น   โปรตีนนั้นถูกใช้อย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างฮอร์โมน  เอนไซม์  เซลล์ภูมิคุ้มกัน  เส้นผม  ผิวหนัง กล้ามเนื้อ และเนื้อเยื่อต่างๆ   ยิ่งไปกว่านั้นโปรตีนยังจำเป็นต่อการฟื้นตัวจากความเครียดจากการออกกำลังกาย โดยร่างกายใช้โปรตีนเพื่อซ่อมแซมเส้นใยกล้ามเนื้อที่เสียหายทำให้กลับมาแข็งแรงกว่าเดิม ร่างกายต้องการโปรตีนเท่าไหร่? ตามหลักการทางโภชนาการ ปริมาณโปรตีนที่ร่างกายต้องการจะอ้างอิงมาตรฐานปริมาณสารอาหารที่ต้องได้รับในแต่ละวัน  ซึ่งอธิบายถึงปริมาณขั้นต่ำที่จำเป็นเพื่อให้ร่างกายทำงานได้อย่างถูกต้อง  โดยปริมาณโปรตีนต่อวันควรอยู่ที่ 0.36 กรัมต่อปอนด์ของน้ำหนักตัว หรือประมาณ 46 กรัมของโปรตีนต่อวันสำหรับผู้หญิงทั่วไป   แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนแนะนำว่า ผู้หญิงที่มีร่างกายแข็งแรงและมีกิจกรรมสูงจะต้องการโปรตีนมากกว่านั้น   อย่างไรก็ตาม ปริมาณโปรตีนที่กำหนดขึ้นดังกล่าวมีเหตุผลเพื่อช่วยป้องกันการขาดโปรตีนเท่านั้น จึงอาจไม่เหมาะสำหรับการซ่อมแซมและการเจริญเติบโตของกล้ามเนื้อ ลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บหรือทำให้รู้สึกอิ่มนานขึ้น   ดังนั้นความต้องการโปรตีนมากน้อยเพียงใด จึงขึ้นอยู่กับว่าสภาพร่างกายและกิจกรรมในแต่ละวันนั้นเป็นอย่างไร  ยิ่งเคลื่อนไหวมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งต้องการโปรตีนมากขึ้นเท่านั้น   อายุก็มีบทบาทเช่นกัน งานวิจัยบางชิ้นชี้ให้เห็นว่าเมื่ออายุมากขึ้น ร่างกายของคุณจะทำงานได้ดีขึ้นด้วยปริมาณโปรตีนที่สูงขึ้น ซึ่งการศึกษานั้นพบว่า เมื่อคนอายุมากกว่า 50 ปี ได้รับโปรตีนประมาณสองเท่าของปริมาณที่แนะนำใน

ปริมาณโปรตีนที่เหมาะสมในหนึ่งวัน Read More »

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ

แม้ว่าคุณจะไม่สามารถรักษาโรคข้ออักเสบด้วยอาหารได้ แต่คุณสามารถรับประทานอาหารเพื่อลด อาการปวดข้อได้  เมื่อพิจารณาถึงข้อเท็จจริงทางโภชนาการ ผู้ป่วยจึงจำเป็นต้องทราบถึงอาหารสำหรับ โรคข้ออักเสบในอุดมคติ ซึ่งเป็นอาหารที่ดีที่สุดสำหรับผู้ป่วยโรคข้ออักเสบจะเป็นอย่างไร อาหารที่แย่ ที่สุดสำหรับโรคข้ออักเสบที่คุณควรหลีกเลี่ยงหากทำได้มีอะไรบ้าง โรคข้ออักเสบไม่ใช่สิ่งที่ส่งผลกระทบ ต่อผู้สูงอายุเท่านั้น ผู้ใหญ่และเด็กสามารถพบโรคข้ออักเสบได้อย่างน้อย 1 ชนิด เช่น โรคข้ออักเสบ (รวมถึงโรคข้ออักเสบรูมาตอยด์) โรคข้ออักเสบติดเชื้อ (เช่นโรคตับอักเสบซี) โรคไขข้อเสื่อม (เช่นโรค ข้อเข่าเสื่อม) หรือโรคข้ออักเสบจากการเผาผลาญ (เช่นโรคเกาต์)  การจัดการความเจ็บปวดจาก โรคข้ออักเสบต้องได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ซึ่งต้องผสมผสานระหว่างการบำบัดทางกายภาพ  การจัดการ ความเครียด  การออกกำลังกาย  และการรับประทานอาหารต้านการอักเสบ อาหารที่แย่ที่สุดสำหรับโรคข้ออักเสบ หลีกเลี่ยงการรับประทานส่วนผสมและอาหารเหล่านี้เพื่อบรรเทาอาการปวดข้อจากโรคข้ออักเสบ  อย่างแรกเลยคือ  คาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการคัดแยกจนบริสุทธิ์มาแล้ว โดยเฉพาะแป้งที่ขัดขาวและน้ำตาล  การบริโภคคาร์โบไฮเดรตที่ผ่านการคัดแยกจนบริสุทธิ์ทำให้เกิดการผลิตผลิตภัณฑ์ที่มีการไกลเคชั่นขั้นสูง  ซึ่งพบว่ากระตุ้นให้เกิดการอักเสบได้  ผลการวิจัยยังพิสูจน์ให้เห็นว่าน้ำตาลและแป้งขัดขาวดังที่พบในธัญพืช อาหารเช้าและขนมขบเคี้ยวหลายชนิดยังมีผลต่อสุขภาพลำไส้  หรือที่เรียกว่าไมโครไบโอม ซึ่งอาจทำให้ การอักเสบของโรคข้ออักเสบแย่ลง   อาหารที่ไม่ดีชนิดต่อมาคือ เครื่องดื่มที่มีน้ำตาลหวาน ให้ผลในทำนอง เดียวกันน้ำตาลที่ผ่านกระบวนการสูง (และทำให้น้ำตาลในเลือดพุ่งสูงขึ้น) เพราะพบว่าเครื่องดื่มรสหวานมี ความสัมพันธ์กับการอักเสบเรื้อรังในระดับที่สูงขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งน้ำอัดลม ทำให้อาการของโรคข้อ อักเสบในผู้หญิงสูงขึ้น เพียงน้ำอัดลม

อาหารที่เกี่ยวข้องกับโรคข้ออักเสบ Read More »

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน

เบต้าแคโรทีนจัดอยู่ในกลุ่มแคโรทีนอยด์ ซึ่งเป็นกลุ่มของรงควัตถุที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติผ่านกระบวนการสังเคราะห์ของพืช และมีมากกว่า 600 ชนิด กลุ่มรงควัตถุเหล่านี้เองที่ทำให้พืชผักผลไม้มีสีเหลือง ส้ม และ แดง โดยแคโรทีนอยด์ส่วนใหญ่ที่พบในพืชที่มนุษย์นำมารับประทานจะประกอบด้วย ไลโคพีน  เบต้าคริปโทแซนทิน ลูทีน ซีแซนทีน แอลฟาแคโรทีน และเบต้าแคโรทีน   สำหรับเบต้าแคโรทีน   พบมากในพืชผักที่มีสีเขียวเข้ม สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น ผักบุ้ง ใบตำลึง ผักคะน้า ฟักทอง แครอต เป็นต้น ส่วนผลไม้ ได้แก่ ผลไม้ที่มีสีแดง สีเหลือง หรือสีส้ม เช่น แตงโม มะม่วงสุก มะละกอสุก ส้มสายน้ำผึ้ง เป็นต้น เบต้าแคโรทีนในผักสดมีตั้งแต่ไม่พบไปจนถึง 4,471.5 ไมโครกรัมต่อผัก 100 กรัมส่วนที่กินได้ พบมากที่สุดในแครอต รองลงมา ได้แก่ ผักชีล้อม ใบมันปู ผักตำลึง ยอดอ่อนมะม่วงหิมพานต์ ผักกระเฉด ผักพูม ผักกูด

มะระผัดไข่ เมนูอุดมเบต้าแคโรทีน Read More »

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม

การออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักเป็นเรื่องที่ดี หลายคนจึงคิดเหมือนๆกันว่า ถ้ายิ่งเราออกกำลังกายแบบเยอะๆ ออกกำลังกายแบบหนักๆ มันคงจะส่งผลดีต่อตัวเราอย่างแน่นอนเลยทีเดียว หลายคนเลยเลือกที่จะออกกำลังกายลดน้ำหนักเป็นชั่วโมงเพื่อที่จะให้ร่างกายเราออกมาดีหรือ perfect body นั้นเอง แต่สุดท้ายการออกกำลังกายแบบหักโหมหรือแบบบ้าพลังแล้วนั้นก็จะส่งผลเสียต่อร่างกายของคนเราอย่างร้ายแรงเลยทีเดียว วันนี้จะมานำเสนอให้ดูว่า ถ้าเราออกกำลังกายแบบหักโหมมากๆแล้วนั้น จะส่งผลเสียอย่างไรต่อตัวเอง Perfect Body เป้าหมายของการลดน้ำหนัก…จริงหรือ อย่างแรกเมื่อคุณคิดว่าการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก จะช่วยให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้อย่างรวดเร็ว หรือถ้าคุณคิดว่าการออกกำลังกายแบบหักโหมช่วยเบิร์นแคลอรี่ของอาหารที่เราเพิ่งทานเข้าไปความคิดเหล่านี้เป็นความคิดที่ผิด และเป็นความคิดลดน้ำหนักที่ผิดเอามากๆ การออกกำลังกายนั้น ในวันๆหนึ่ง คุณควรที่จะออกกำลังกาย แค่ 2-3 ชั่วโมงต่อวัน หรือจะ ตอนเช้าออกกำลังกายโดยเดินๆวิ่งไป ใส่หูฟังฟังเพลงสบายๆ สักประมาณ 1-2 ชั่วโมง แล้วตอนเย็นก็ไปออกกำลังกายต่ออีกสัก 1-2 ชั่วโมงก็ยังได้ และในแต่ละสัปดาห์ การออกกำลังกายเพื่อการลดน้ำหนักก็สามารถออกแบบวันเว้นวันก็ได้หรือถ้าจะทำแบบคนทั่วไปเลยคือ ภายใน 1 สัปดาห์จะต้องออกกำลังกายสัก 3-4 วัน นั้นเอง แต่ถ้าคุณเลือกที่จะลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหมแล้วนั้นหรือ ที่หลายคนที่ไปฟิตเนสจะบอกกันว่า ถ้าเล่นแล้วร่างกายเจ็บวันต่อมาต้องเล่นซ้ำให้ร่างกายหายเจ็บ แต่อาจจะไม่ถูกเสมอไปเพราะมันอาจจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณที่เรามีอาการเจ็บอยู่แล้วนั้นถ้าเราไปซ้ำบริเวณนั้นอีกจะทำให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นมีอาการอักเสบได้อย่างแน่นอน และแทนที่จะสามารถมาเล่นต่อในวันถัดไปได้ คุณก็จะต้องรักษาตัวให้กล้ามเนื้อบริเวณนั้นหายอักเสบเสียก่อน และการออกกำลังกายทุกวันจะทำร่างกายเกิดอาการที่เรียกว่า ร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอซึ่งมันเป็นอะไรที่ไม่มีและส่งผลเสียต่อสุขภาพของคุณ  โดยเฉพาะการลดน้ำหนักเป็นอย่างมากเลยทีเดียว  ลดน้ำหนักแบบหักโหม  จะเสียอะไรบ้าง เพราะการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหมนั้นจะทำให้เราสูญเสียพลังงานในการออกกำลังกายนั้นเป็นอย่างมาก 

ข้อเสียของการลดน้ำหนักด้วยการออกกำลังกายแบบหักโหม Read More »

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น

ภาวะโรคอ้วนกำลังเพิ่มขึ้นกับพลเมืองทั่วโลก โดยเกิดขึ้นจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต เช่น การบริโภคที่มากเกินไปและการออกกำลังกายไม่เพียงพอ โรคอ้วนทำให้เกิดความผิดปกติต่างๆ ตามมา เช่นโรคเบาหวานประเภท 2 ภาวะไขมันในเลือดสูง ความดันโลหิตสูง โรคหัวใจ ไขมันพอกตับ โรคหลอดเลือดสมอง และภาวะหยุดหายใจขณะหลับ  โดยความผิดปกติดังกล่าวล้วนทำให้อายุขัยที่สั้นลง   นอกเหนือจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตจะมีผลเกี่ยวพันกับโรคอ้วนแล้ว  มีรายงานในต่างประเทศที่ระบุว่าภูมิหลังทางสังคมของบุคคลในแง่มุมต่างๆ ก็มีผลต่อโรคอ้วนเช่นกัน  โรคอ้วนกับภูมิหลังของบุคคล การศึกษาเชิงสำรวจเพื่อหาความเกี่ยวข้องระหว่างภูมิหลังของบุคคลกับโรคอ้วนได้ดำเนินการในประเทศญี่ปุ่น  โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อทำความเข้าใจความสัมพันธ์ระหว่างโรคอ้วนและภูมิหลังทางสังคม โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่ได้รับประชาชน 5,425 คน ที่ตอบแบบสำรวจ แบบสอบถามได้ชี้ให้เห็นว่าสาเหตุของโรคอ้วนนั้นเชื่อมโยงกับปัจจัยต่างๆ นอกเหนือจากสถานการณ์ทางเศรษฐกิจและสังคมในปัจจุบันของแต่ละบุคคล  ยังรวมถึงประสบการณ์ในวัยเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิด    โดยทั่วไปแล้วบุคคลที่มีน้ำหนักตัวมากเกินไปเป็นเพราะขาดแรงผลักดันทางจิตใจในการปรับปรุงพฤติกรรมการดำเนินชีวิตของตน อย่างไรก็ตามการศึกษาวิจัยนี้ได้เปิดเผยว่า ในผู้หญิงนั้น โรคอ้วนในวัยผู้ใหญ่ไม่เพียงเชื่อมโยงกับปัจจัยต่างๆ เช่น สภาพแวดล้อมทางสังคม (เช่น สถานการณ์ทางเศรษฐกิจและการศึกษา) แต่ยังรวมถึงประสบการณ์ในวัยเด็กโดยเฉพาะอย่างยิ่งการล่วงละเมิด   ซึ่งสิ่งนี้ชี้ให้เห็นว่าการปรับปรุงสวัสดิภาพเด็ก เช่นการเพิ่มมาตรการป้องกันการละเมิดจะช่วยป้องกันโรคอ้วนในผู้ใหญ่ด้วย ผลการเชื่อมโยงระหว่างโรคอ้วนกับภูมิหลังของบุคคล ในปี 2018 ทางการเมืองโกเบได้แจกจ่ายแบบสำรวจแก่ประชาชน 20,000 คนที่มีอายุระหว่าง 20 ถึง 64 ปี เพื่อตอบเกี่ยวกับด้านต่างๆ เช่น สภาพความเป็นอยู่และปัญหาสุขภาพเพื่อให้เข้าใจถึงสุขภาพของผู้อยู่อาศัย

โรคอ้วนอาจจะไม่ใช่ผลของปัจจัยเฉพาะบุคคลเท่านั้น Read More »

ครื่องดื่มจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่มที่คนไทยนิยมดื่ม

เครื่องดื่มจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ

 เครื่องดื่มที่คนไทยนิยมดื่ม ได้แก่ น้ำชา กาแฟ น้ำอัดลม น้ำหวาน น้ำผลไม้ ตลอดจนเครื่องดื่มที่เตรียมจากส่วนต่างๆ ของพืช เครื่องดื่มจากธรรมชาติให้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย ทั้งช่วยแก้กระหาย ทำให้ร่างกายสดชื่น กระปรี้กระเปร่า บำรุงร่างกาย เครื่องดื่มจากธรรมชาติที่นิยมดื่ม ได้แก่ น้ำอ้อย มะพร้าว น้ำมะนาว นมถั่วเหลือง น้ำบัวบก น้ำเก็กฮวย  น้ำมะตูม เป็นต้น   ที่มาของเครื่องดื่มจากธรรมชาติ เครื่องดื่มจากธรรมชาติส่วนใหญ่เป็นน้ำผลไม้ซึ่งรวมทั้งน้ำคั้นจากผลไม้สด เช่น น้ำส้ม น้ำมะนาว น้ำมะพร้าว เป็นต้น และน้ำผลไม้ที่มีเนื้อผลไม้ปน น้ำผลไม้ชนิดหลังนี้ ทั้งน้ำและเนื้อผลไม้จะผ่านการบดหรือปั่นให้ละเอียดและแต่งเติมรสหวานด้วยน้ำตาล หรือน้ำเชื่อม และอาจเติมกรดผลไม้เพื่อแต่งรสเปรี้ยวได้ ตัวอย่างเช่น น้ำสัปปะรด น้ำแตงโม น้ำมะเขือเทศ น้ำมะขาม เป็นต้น นอกจากน้ำผลไม้แล้ว เครื่องดื่มที่ได้จากธรรมชาติยังสามารถเตรียมจากส่วนอื่นๆของพืช เช่น ส่วนเหง้า ต้น ใบ ดอก เมล็ด เป็นต้น ตัวอย่างเครื่องดื่มประเภทนี้ ได้แก่ น้ำอ้อย น้ำขิง

เครื่องดื่มจากธรรมชาติเพื่อสุขภาพ Read More »

ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก...ตามฉบับพลทหารลุยเอง

ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก…ตามฉบับพลทหารลุยเอง

ลดน้ำหนักด้วยสูตรการลดแบบ “พลทหาร” ไม่ว่าคุณจะอ้วนหรือหนักมากแค่ไหน  แม้แต่เป้าหมายเพื่อลดน้ำหนัก  เมื่อคุณสมัครหรือโดนจับได้ใบแดงแล้วเมื่อคุณปลดออกมาหรืออยู่ในระหว่างการเป็นทหารนั้น คุณจะได้รูปร่างใหม่กลับคืนมา เพราะการเป็นทหารเกณฑ์ต้องมีการออกกำลังกาย  เหมือนกับได้ลดน้ำหนักทุกวันโดยจะแบ่งออกเป็น 2 ช่วงเวลา คือตอนตื่นนอน และ ช่วงเวลาประมาณ 16.00  โดยท่าที่ใช้ออกกำลังกายจะเป็นเหมือนกันทุกค่าย  โดยจะเป็นการออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนักและการเสริมสร้างกล้ามเนื้อเข้าไปในตัวด้วยเช่นกันเพื่อที่จะทำให้ทหารใหม่ทุกคนมีร่างกายที่สมบูรณ์ หรือ perfect body man นั่นเอง ลดน้ำหนักและให้ไขมันสะเทือนตามสูตรแบบ “พลทหาร” การลดน้ำหนักด้วยท่าฝึกแบบพลทหารนั้นโดยหลักแล้ว ท่าเบสิกคือ การดันพื้นหรือวิดพื้น การซิทอัพหรือเรียกว่าการลุกนั่ง  การกระโดดตบ และการวิ่งเดินในระยะทาง 2 กิโลเมตรหรือ 1 กิโลเมตร  จะช่วยในการลดน้ำหนัก และจะมีท่าพิเศษขึ้นมาซัก 2-3 ท่า คือ 1 การพุ่งหลังแบบ 8 จังหวะ คือการที่เรายืนอยู่บนพื้นดินและกระโดดไปด้านหลังพร้อมทำท่าเหมือนจะติดพื้น และดันพื้นไปจำนวน 2 ครั้งและพรุ่งตัวขึ้นมาอยู่ในท่ายืนปกติ เราจะทำท่านี้อย่างน้อย 20 ครั้ง มันจะช่วยทำให้เราได้กล้ามเนื้อหน้าอกและกล้ามเนื้อหน้าท้องได้อย่างชัดเจน  การกางมือให้ขนานกับพื้นดินแล้วทำการบิดตัวไปด้านข้างจะทำให้เราได้กล้ามเนื้อช่วงเอว แล้วจะมีความพิเศษในช่วงออกการออกกำลังกายตอนเย็น  จะเผาผลาญไขมันทำให้ลดน้ำหนักดีมาก  คืนออกกำลังกายเสร็จก็จะปล่อยให้ทหารทำภารกิจส่วนตัวคือสามารถเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายต่อก็ได้ ซึ่งภายในนั้นก็จะมีสถานที่ให้ออกกำลังกายหรือเล่นกีฬาเพื่อทำให้ทหารที่ต้องการลดน้ำหนักมีรูปร่างที่ดี

ออกกำลังกายเพื่อลดน้ำหนัก…ตามฉบับพลทหารลุยเอง Read More »

ภาวะกระดูกหักในผู้บริโภคมังสวิรัติ มักพบได้บ่อย

ภาวะกระดูกหักในผู้บริโภคมังสวิรัติ

เมื่อเทียบกับคนที่บริโภคเนื้อสัตว์แล้ว ผู้บริโภคมังสวิรัติจะได้รับแคลเซียมและโปรตีนต่ำกว่า  ดังนั้นผู้บริโภคมังสวิรัติจะมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดกระดูกหักที่ใดก็ได้ในร่างกายถึง 43% (ของกระดูกหักทั้งหมด) รวมทั้งความเสี่ยงที่สูงขึ้นของการหักบริเวณกระดูกสะโพก  ขา  และกระดูกสันหลัง  อย่างไรก็ตาม  ความเสี่ยงของกระดูกหักสามารถลดลงได้บางส่วน เมื่อมีการปรับปรุงดัชนีมวลกาย ปริมาณแคลเซียมในอาหารที่บริโภค  และการบริโภคอาหารที่มีโปรตีนแล้ว ความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักในผู้บริโภคมังสวิรัติ นักระบาดวิทยาทางโภชนาการในอังกฤษระบุว่า   ผู้บริโภคมังสวิรัติมีความเสี่ยงต่อการเกิดกระดูกหักโดยรวม  ซึ่งส่งผลให้มีผู้ป่วยเพิ่มขึ้นเกือบ 20 รายต่อ 1,000 คนในช่วง 10 ปี เมื่อเทียบกับผู้ที่รับประทานเนื้อสัตว์   ความแตกต่างที่สำคัญที่สุดคือ กระดูกสะโพกหัก ซึ่งความเสี่ยงในผู้บริโภคมังสวิรัติอยู่ที่ 2.3 เท่า ของคนที่บริโภคเนื้อสัตว์  หรือเทียบเท่ากับ 15 รายต่อ 1,000 คน ในช่วง 10 ปี  ผลที่ได้นี้มาจากการเก็บข้อมูลจากผู้คนเกือบ 55,000 คน โดยเป็นกลุ่มประชากรชายและหญิงที่อาศัยอยู่ในประเทศอังกฤษระหว่างปี 1993 และ 2001 ซึ่งมีบางส่วนไม่บริโภคเนื้อสัตว์หรือมังสวิรัติ   ผู้เข้าร่วมการศึกษาทั้งหมดได้รับการประเมินพฤติกรรมการบริโภคต่อเนื่องเป็นเวลา 18 ปี  และพบว่ามีกระดูกหักทั้งหมด 3,941 ชิ้น

ภาวะกระดูกหักในผู้บริโภคมังสวิรัติ Read More »