การออกกำลังสำหรับคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์

การออกกำลังสำหรับคุณแม่ช่วงตั้งครรภ์

การออกกำลังไม่ได้มีประโยชน์เฉพาะคนทั่วไปเท่านั้น แต่ยังมีประโยชน์สำหรับคุณแม่ในช่วงตั้งครรภ์กันอีกด้วย เพราะการออกกำลังกายเหมือนเป็นการช่วยคุณแม่ยืดเส้นยืดสายคลายความปวดเมื่อย ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด นอนหลับสบาย และยังทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรงเตรียมความพร้อมให้กับร่างกายเมื่อถึงเวลาคลอด และช่วงที่ต้องเลี้ยงลูกน้อยกันต่อไป ถ้าคุณแม่คนไหนสนใจเรามาดูวิธีการออกกำลังกายสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์กันเลยดีกว่าค่ะ 

1. การเดิน เป็นวิธีการออกกำลังกายแบบง่ายๆ โดยให้คุณแม่เริ่มเดินแบบช้าๆ กันก่อนแล้วค่อยเพิ่มความเร็วขึ้น แต่ก็ไม่ควรเดินเร็วจนเกินไปนะคะ เอาแบบพอดีๆ แค่นี้ก็เรียกเหงื่อให้คุณแม่กันได้แล้วค่ะ 

2. การเล่นโยคะ ในบางท่าจะช่วยบริหารกล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ให้กับคุณแม่ได้เป็นอย่างดี สำหรับคุณแม่ที่พึ่งเริ่มหัดเล่นควรมีครูฝึกสอน เพื่อจะได้ทราบว่าเราควรออกกำลังด้วยโยคะท่าไหนกันบ้างถึงจะเหมาะสำหรับคนท้อง 

3. ออกกำลังกายทางน้ำ เป็นการออกกำลังกายที่กำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมากสำหรับคุณแม่ตั้งครรภ์ในช่วงนี้ เพราะคุณแม่สามารถออกกำลังกายกันได้เกือบทุกสัดส่วนกันเลยทีเดียว เนื่องจากเวลาเราอยู่ในสระ น้ำจะช่วยพยุงส่วนต่างๆ ของร่างกายได้เป็นอย่างดี ทำให้ไม่สะเทือนการตั้งครรภ์ คุณแม่อาจจะเลือกการว่ายน้ำ หรือออกกำลังกายแบบกิจกรรมเข้าจังหวะก็ได้นะคะ 

4. เต้นแอโรบิก สำหรับคุณแม่ที่เคยเต้นแอโรบิกมาตั้งแต่ยังไม่ได้ตั้งครรภ์ ก็สามารถที่จะออกกำลังกายด้วยวิธีนี้ต่อไปได้ค่ะ แต่ให้เลือกเต้นในจังหวะช้าๆ และไม่ควรหักโหมมากเกินไปเท่านั้นเอง 

5. การปั่นจักรยาน

แต่จะให้ดีแนะนำเป็นการปั่นจักรยานแบบอยู่กับที่กันนะคะ หากต้องการปั่นแบบเคลื่อนไหวได้ ก็ต้องเป็นสถานที่ที่จัดไว้ให้สำหรับปั่นจักรยานโดยเฉพาะ และต้องมีพื้นที่เรียบเสมอกัน มีอากาศถ่ายเทสะดวก เพื่อเป็นการป้องกันอุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้ ซึ่งหลายท่านอาจจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า การปั่นจักรยานเป็นวิธีการออกกำลังกายที่ง่าย และสามารถช่วยให้เรากายบริหารได้ทุกสัดส่วน และมีผลดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ด้วยเช่นเดียวกัน 

สำหรับประโยชน์ที่คุณแม่จะได้รับจากการออกกำลังกายก็อย่างเช่น ช่วยให้กล้ามเนื้อยืดหยุ่นดี คลายความปวดเมื่อย เลือดลมเดินสะดวก และมีจิตใจเบิกบานแจ่มใส สำหรับคุณแม่ทีคลอดแบบธรรมชาติยังทำให้มีความอดทนมากยิ่งขึ้นเมื่อถึงเวลาคลอด แต่ถ้าคุณแม่คนไหนยังไม่มั่นใจว่าเราควรออกกำลังแบบไหนดี คุณแม่ควรปรึกษาคุณหมอก่อนนะคะ เพื่อให้คุณหมอช่วยแนะนำการออกกำลังกายที่เหมาะสมกันต่อไป

เครดิตภาพ​ : momster.in.th.

#การดูแลตัวเอง #สุขภาพดี #ทริคการออกกำลังกายคนตั้งท้อง

ตามีอาการเหล่านี้อย่าวางใจ

ตามีอาการเหล่านี้อย่าวางใจ

เพราะดวงตาถือว่าเป็นสิ่งสำคัญสำหรับเรา ดังนั้นควรเอาใจใส่และสังเกตความผิดปกติต่างๆ ถ้ามีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นควรจะไปพบแพทย์เพื่อทำการรักษากันแต่เนิ่นๆ 1. ความผิดปกติในการมองเห็น  – ตามัวลง เห็นภาพไม่จัดเชนอย่างเช่นเคย – เห็นรูปบิดเบี้ยว รวมทั้งอาจจะมองเห็นเส้นตรง กลายเป็นแนวโค้ง หรือไม่ก็หงิกๆ งอๆ  – เห็นภาพขาดหายไป มองเห็นข้างภาพไม่ครบองค์ประกอบ – มองเห็นวัตถุข้างหน้าเป็น 2 อัน หรือหลายๆ อัน คล้ายกับคนตาลาย – เห็นจุดดำๆ หรือตัวแมลง หรือเป็นเส้นๆ ลอยไปมา ในอากาศ อันนี้อาจจะเกิดจากสาเหตุวุ้นในตาเสื่อม 2. ตาแดง เป็นอาการทางดวงตาที่สำคัญอย่างหนึ่ง มักพบในโรคเยื่อบุตาอักเสบ ต้อลม ต้อเนื้อ จะรักษาได้ง่ายหรืออาจหายไปเอง แต่ก็ยังพบการเกิดตาแดงจากโรคที่รุนแรง เช่น ต้อหินเฉียบพลัน ม่านตาอักเสบ การอักเสบภายในลูกตา ฯลฯ ซึ่งหากปล่อยไว้เป็นเวลานานหรือไม่ได้ทำการรักษา อาจมีโอกาสทำให้ตาบอดได้ ผู้ที่มีอาการตาแดงควรรีบปรึกษาแพทย์ 3 . ปวดตา เจ็บตา มีความผิดปกติภายในหรือรอบๆ บริเวณเบ้าตา โดยเฉพาะการปวดกระบอกตา ถ้าเป็นบ่อยๆ […]

ตามีอาการเหล่านี้อย่าวางใจ Read More »

กระดูกคอคดงอเกิดจากอะไร?

กระดูกคอคดงอเกิดจากอะไร?

หลายคนคงประสบปัญหากับการที่กระดูกคอของตัวเองเกิดการคดงอซึ่งเพิ่งตรวจเจอตอนเอ็กซเรย์พบว่ากระดูกคอที่คุณยืดตรงกลับมีปลายที่คดงอไปยังด้านข้าง สำหรับบางคนนั้น การที่กระดูกคอคดงออาจไม่มีผลอะไร แต่เชื่อหรือไม่ว่ายิ่งคุณอายุมากขึ้นมันย่อมส่งผลให้ร่างกายของคุณอ่อนแอลงจนเกิดออฟฟิศซินโดรมได้ง่าย ๆ ในปัจจุบันเราเริ่มพบว่าแม้แต่ผู้ที่ยังอายุเพียง 13 ปีก็ยังมีการคดงอของกระดูกคอให้เห็นได้ มันเกิดจากสาเหตุอะไรกันแน่นะ? ตามไปดูกันดีกว่า กระดูกคอคดงอจากการใช้กระเป๋าหนัก อย่างที่บอกว่าสมัยนี้เรามักจะเห็นเด็กวัยเรียนหลายคนที่เริ่มตรวจพบว่ามีกระดูกคอคดงอ นั่นก็เพราะการเรียนในปัจจุบันที่มีความหนักหน่วงมากยิ่งขึ้น ในบางวิชาครูก็ให้นำหนังสือมาหลายเล่มและบางวิชาหนังสือก็หนัก ลองคิดดูว่าเรียน 8 วิชาในโรงเรียนอย่างน้อยต้องใช้หนังสือถึง 8 เล่ม ตรงนี้ยังไม่รวมสมุดจดบันทึกกับการเรียนของเด็กนักเรียนบางกลุ่มที่เมื่อเรียนในโรงเรียนเสร็จก็ต้องเดินไปเรียนพิเศษนอกเวลาอีก พวกเขาจะต้องแบกสะพายเป้ที่หนักแค่ไหนกัน ด้วยเหตุนี้ความหนักของกระเป๋าและแรงสะเทือนของเหล่าสิ่งของในกระเป๋ามากมายเวลาเดินที่กระทบหลังหลากหลายจุดแบบย้ำเข้าจึงส่งผลให้กระดูกคอคดงอได้ กระดูกคอคดงอจากนั่งผิดท่า การนั่งผิดท่ามักเกิดขึ้นกับคนวัยทำงานมากมายที่มักจะเอาแต่นั่งทำงานอย่างเดียวแบบจริงจังกับชีวิตมากไปจนไม่ได้มีการปรับเปลี่ยนท่านั่งเสียบ้าง ยิ่งบางคนที่ทำงานก็มักจะงอตัว ไม่นั่งติดพนักทำให้เกิดกระดูกคอคดงอผิดรูปผิดร่างตามการนั่งและหันคอไปยังทิศทางที่ไม่ได้ตรงอย่างเคยชิน ซึ่งการนั่งที่ถูกวิธีก็คือ การนั่งตัวตรง เพราะนอกจากจะทำให้บุคลิกภาพดีแล้ว ยังช่วยให้คุณไม่ปวดหลัง กระดูกคอก็จะตรงด้วย กระดูกคอคดงอจากเก้าอี้ที่ไม่ได้มาตรฐาน เมื่อเก้าอี้ไม่ได้มาตรฐาน การนั่งของคุณก็ย่อมไม่ได้มาตรฐานเช่นกัน ซึ่งหากเป็นเก้าอี้ที่มีหนักพิงและรองรับด้วยเบาะนุ่ม ๆ หรือหมอนหนุนหลังได้ก็จะช่วยรองกระดูกคอของคุณได้ดี แต่หากเป็นเก้าอี้ที่มีพนักพิงต่ำเพียงแค่กลางหลังหรือไม่มีเลยก็จะทำให้คุณต้องก้มหลังบ่อยและออกจากเกร็งจนทำให้การนั่งผิดแปลกไปจากธรรมชาติ ส่งผลให้กระดูกคอคดงอในที่สุด  รู้อย่างนี้แล้วก็รีบเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของคุณก่อนที่จะสายไปดีกว่า เพราะหากกระดูกคุณยังไม่คดงอมากก็ย่อมไม่ส่งผลเท่าไหร่ เพียงแค่คุณปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตการเรียน การทำงาน ควบคู่ไปกับการบำบัดร่างกายโดยบริหารยืดหยุ่นกล้ามเนื้อโดยเฉพาะหลังก็อาจช่วยให้กระดูกของคุณกลับมาเข้าที่ได้อีกครั้ง รูปภาพประกอบ : Pixabay #กระดูกคอคด #สุขภาพน่ารู้ #ทริคการดูแลตัวเอง

กระดูกคอคดงอเกิดจากอะไร? Read More »

เล่นโยคะก่อนการออกกำลังกาย

เล่นโยคะก่อนการออกกำลังกาย

ก่อนการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายทุกครั้งเราคงเคยได้ยินนักกีฬาหรือบุคคลทั่วไปพูดกันเสมอว่า ควรทำการอบอุ่นร่างกายหรือวอร์มอัพกันซะก่อน เพื่อช่วยให้กล้ามเนื้อตื่นตัวและเป็นการช่วยป้องกันอาการบาดเจ็บที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในระหว่างการเล่นกีฬา และท่าที่ใช้สำหรับยืดกล้ามเนื้อก็มีให้เลือกหลายท่า รวมไปถึงโยคะก็เป็นท่าทางที่เหมาะสำหรับใช้ในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อด้วยเช่นเดียวกัน เหตุผลก็คือ  1. การเล่นโยคะก่อนการเล่นกีฬาจะช่วยให้คุณสามารถยืดเหยียดกล้ามเนื้อได้ทุกสัดส่วนของร่างกาย ท่าในการเล่นโยคะยังเป็นท่าง่ายๆ ที่ไม่ยากจนเกิน และสามารถเล่นกันได้ทุกเพศทุกวัยอีกด้วย  2. อุปกรณ์การเล่นโยคะมีไม่มาก อาจจะใช้เพียงเสื่อหรือผ้าปูสำหรับป้องกันผิวสัมผัสพื้นโดยตรง ลดอาการเสียดสีหรือกดทับที่อาจทำให้รู้สึกเจ็บเวลาเล่น นอกจากนี้ก็ควรใส่เสื้อผ้าที่ช่วยให้คุณเคลื่อนไหวได้สะดวก ชุดกีฬาส่วนมากจะเอื้ออำนวยในเรื่องนี้กันอยู่แล้ว คุณจึงสามารถสวมชุดกีฬาใส่เล่นโยคะกันได้เลย  3. ท่าในการเล่นโยคะเป็นท่าที่ง่าย คุณใช้เพียงแค่ท่าพื้นฐานในการยืดเหยียดกล้ามเนื้อก็พอเพียงสำหรับการเล่นกีฬาหรือออกกำลังกายกันได้แล้ว เพราะท่าพื้นฐานจะเป็นการยืดเหยียดกล้ามเนื้อทุกส่วนของร่างกาย  4. หลังการเล่นกีฬาเพื่อป้องกันอาการปวดกล้ามเนื้อหรือข้อต่อต่างๆ คุณยังสามารถเล่นโยคะกันอีกครั้ง เพื่อเป็นการช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ ที่สำคัญโยคะยังสามารถเล่นกันได้เกือบทุกสถานที่ แต่ควรเป็นที่มีอากาศถ่ายเทสะดวก เป็นที่กว้างพอไม่รบกวนผู้อื่น และเหมาะสำหรับใช้เล่นกีฬาหรือออกกำลังกาย 5. การเล่นโยคะยังเป็นการช่วยฝึกสติและสมาธิได้เป็นอย่างดี เพราะในระหว่างการเล่นเราต้องกำหนดลมหายตลอดเวลา เนื่องจากต้องให้สัมพันธ์กันกับท่าเล่นจึงจะได้ประโยชน์สูงสุด ซึ่งก็เป็นผลดีมากกับการเล่นกีฬาหลายประเภท ที่ผู้เล่นต้องมีสมาธิจึงจะช่วยให้การเล่นเป็นไปด้วยดี อาทิเช่น ยิงปืน ยิงธนู เทนนิส แบดมินตัน และปิงปอง เป็นต้น ยังมีกีฬาอีกหลายประเภทที่ต้องอาศัยสมาธิของนักกีฬา จึงจะช่วยให้สามารถเล่นกีฬาได้ดี  ปัจจุบันในบ้านเรานิยมฝึกโยคะกันมากขึ้น ซึ่งก็เป็นเรื่องที่ดีต่อสุขภาพร่างกายของทุกคน นอกจากนี้ยังมีผลการวิจัยออกมาด้วยว่า การเล่นโยคะยังมีส่วนในการช่วยบำบัดโรคบางชนิดได้ ทราบกันแบบนี้แล้ว ก่อนออกกำลังกายหรือเล่นกีฬา ถ้ายังไม่รู้ว่าจะยืดเหยียดร่างกายด้วยท่าไหนดี ลองมาเล่นโยคะกันดูดีกว่า รับรองได้เลยว่าร่างกายของคุณจะแข็งแรงและสามารถเล่นกีฬาได้อย่างมีประสิทธิภาพในแบบที่คุณต้องการ   เครดิตภาพ

เล่นโยคะก่อนการออกกำลังกาย Read More »

สังเกตอาการผมร่วงผิดปกติ ที่สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้

สังเกตอาการผมร่วงผิดปกติ ที่สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้

ผมร่วง คือ อีกหนึ่งปัญหาที่ผู้หญิงเรา มีความกังวลไม่น้อยเพราะอาการผมร่วงอย่างต่อเนื่องจะทำให้เส้นผมของเราน้อยลงและ อาจทำให้เกิดปัญหาหัวล้านได้นั่นเองและวันนี้เราจึงนำเอาข้อมูลรายละเอียดเกี่ยวกับสาเหตุของอาการผมร่วงที่บ่งบอกว่าคุณอาจจะกำลังป่วยเป็นโรคอะไรบางอย่างอยู่มาแนะนำการลองไปดูกันซิว่าอาการผมร่วงสามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพทางด้านใดได้บ้างไปดูกันเลย อาการผมร่วงสามารถบ่งบอกถึงปัญหาสุขภาพทางด้านใดได้บ้าง การตรวจสอบว่าผมร่วงมากเกินกว่าปกติรึเปล่า โดยปกติแล้วผมเรามักจะร่วงในทุก ๆ วัน แต่บางครั้งก็อาจจะรู้สึกว่าทำไมถึงร่วงมากกว่าปกติแล้วละเลยปัญหานี้ไป ซึ่งในความเป็นจริงเราควรสังเกตและตรวจสอบเสมอ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณเตือน เรื่องปัญหาสุขภาพก็เป็นได้ โดยสามารถตรวจสบก่อนเข้ารับการปรึกษาแพทย์ได้โดยการ เก็บรวบรวมเส้นผม ในช่วงเช้า สาย บ่าย เย็น และก่อนนอน ใส่ถุงพลาสติกไว้ เป็นเวลา 1 สัปดาห์ หากเฉลี่ยดูแล้วผมร่วงเกิน 100 เส้นต่อวัน ควรรีบเข้าไปปรึกษาแพทย์เพื่อหาเหตุของผมร่วง ผมร่วงที่อาจบ่งบอกปัญหาของสุขภาพ ปัญหาเกี่ยวกับสารอาหารที่ได้รับ ปัญหาผมร่วงนั้นสามารถบ่งบอกได้หลายอย่างโดยสาเหตุที่ทำให้ผมร่วงอีกหนึ่งสาเหตุ คือการขาดสารอาหารประเภท โปรตีน สังกะสี ทำให้เส้นผมอ่อนแอและเกิดการขาดร่วงได้ นอกจากนี้ ยังอาจจะเกิดจากการที่ได้รับวิตามินเอมากเกินไป ทำให้ผมร่วงมากเกินกว่าปกติ ปัญหาสุขภาพที่แย่ลง ปัญหาที่จะทำให้ผมร่วงได้นั้นมีมากมาย เช่น การเกิดโรคเครียดก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้ผมร่วงมากกว่าปกติได้ เนื่องจากความเครียดนั้นส่งผลต่อระดับออร์โมนทำให้เกิดความผิดปกติได้ หรืออาจจะมีปัญหาเรื่องหนังศีรษะที่มีรังแค มีความมันมาก ทำให้รากผมอ่อนแอได้ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายโรคที่ทำให้ผมร่วง เช่น ไทรอยด์เป็นพิษ ที่ร่างกายจะขับไขมันออกมาทางผิวหนังทำให้ร่างผมอ่อนแอและร่วงได้ง่าย โรคตับอักเสบ โรคซิฟิลิส โรคไต ภาวะอักเสบจากการติดเชื้อชนิดลุกลาม

สังเกตอาการผมร่วงผิดปกติ ที่สามารถบ่งบอกปัญหาสุขภาพได้ Read More »

มาเช็คกัน เลือกทานวิตามินอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายเรา

มาเช็คกัน เลือกทานวิตามินอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายเรา

ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบันนี้ผู้คนต่างหันมาสนใจดูแลสุขภาพของตัวเองกันมากขึ้น อยากให้ตัวเองมีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่ว่าจะเป็นทั้งการเลือกเครื่องสำอาง เลือกครีมบำรุงผิว แล้วยังเสริมด้วยการเลือกทานวิตามินอีกด้วย โดยวันนี้เราจึงมีคำแนะนำเกี่ยวกับการเลือกทานวิตามินอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายเรา มาฝากเพื่อนๆทุกคนกันค่ะ โดยในปัจจุบันนี้วิตามินตามท้องตลาดก็มีให้เราได้เลือกสรรหาซื้อมารับประทานกันอยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นวิตามินซี วิตามินบี หรือวิตามินดีหรือวิตามินอื่นๆอีกมากมาย งั้นวันนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าจะเลือกทานวิตามินอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายเราดี วิตามิน A ซึ่งการรับประทานวิตามิน A นั้นจะช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ช่วยบำรุงสายตาซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับการมองเห็น และยังส่งผลดีต่อสุขภาพผิวหนังและเนื้อเยื่อโครงกระดูก โดยในเพศชายนั้นควรรับประทานวิตามิน A ในปริมาณ 5,000 IU ต่อวัน ส่วนเพศหญิงนั้นควรรับประทานวิตามิน A ในปริมาณ 4,000 IU ต่อวัน วิตามิน B  สำหรับวิตามิน B นั้นมีอยู่หลากหลายชนิดด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็น ตามินบี 1 วิตามินบี 2 วิตามินบี 3 วิตามินบี 5 วิตามินบี 6 วิตามินบี 7 วิตามินบี 9 วิตามินบี 12

มาเช็คกัน เลือกทานวิตามินอย่างไร ให้เหมาะสมกับร่างกายเรา Read More »

อนุมูลอิสระและสารต้าน

อนุมูลอิสระและสารต้าน

อนุมูลอิสระ เพราะอยู่แบบอิสระก็เลยไม่ค่อยคงตัว  ดังนั้นสิ่งที่อนุมูลอิสระจะทำก็คือไปแย่งพลังงานมาจากส่วนต่างของร่างกายมนุษย์ แต่ส่วนต่างๆ เหล่านั้นเป็นส่วนที่สำคัญของร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นภูมิคุ้มกัน หรือเซลล์ที่อยู่ในร่างกาย  ถ้าเกิดขึ้นน้อยๆ ก็จะทำให้ผิวมีริ้วรอย แก่ก่อนวัย รวมถึงความเสื่อมของอวัยวะต่าง ถ้าเกิดขึ้นมากๆ ก็ อาจทำให้เกิดเนื้อร้ายหรือกลายเป็นเซลล์มะเร็ง   ปกติแล้ว ร่างกายมนุษย์มีอนุมูลอิสระมาตั้งแต่เกิด แต่ร่างกายสามารถกำจัดอนุมูลอิสระได้ดีในช่วงวัยเด็กและวัยรุ่น แต่เมื่อร่างกายอ่อนแอ เครียด หรืออายุมากขึ้น ภูมิคุ้มกันจะไม่สามารถต่อสู้กับอนุมูลอิสระได้ อนุมูลอิสระจะโจมตีจนทำให้เซลล์ทำงานผิดปกติ ที่มาของอนุมูลอิสระ ร่างกายจำเป็นต้องอาศัยออกซิเจนช่วยในกระบวนการเผาผลาญสารอาหาร  และกระบวนการนี้เองที่ทำให้ได้ออกซิเจนที่มีประจุลบ ซึ่งก็คือ อนุมูลอิสระ แล้วไปรวมตัวกับสารบางชนิดในร่างกายเกิดเป็นสารพิษที่ทำลายเนื้อเยื่อ หรืออาจไปเปลี่ยนแปลงข้อมูลทางพันธุกรรมภายในเซลล์ ทำให้เซลล์ปกติแปรสภาพเป็นเซลล์มะเร็งในที่สุด  สาเหตุที่ทำให้เกิดอนุมูลอิสระเพิ่มมากขึ้นในร่างกายได้แก่ ร่างกายขาดวิตามินและเกลือแร่บางชนิด  ได้รับรังสียูวีแล้วทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ทำให้เกิดริ้วรอยก่อนวัยอันควร   สัมผัสมลพิษต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ควันรถ ควันบุหรี่ สารเคมีปนเปื้อน ยาฆ่าแมลง   การกินอาหารที่ผ่านการทอดด้วยอุณหภูมิสูง อาหารปิ้ง ย่าง และสารปรุงแต่งอาหาร   การใช้ผลิตภัณฑ์ที่ผสมสารเคมีต่างๆ  รวมถึงเกิดความเครียด พักผ่อนไม่เพียงพอ และไม่ออกกำลังกาย สารต้านอนุมูลอิสระ ปกติแล้วร่างกายจะมีกลไกการกำจัดอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นในร่างกาย เรียกว่า

อนุมูลอิสระและสารต้าน Read More »

การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน

การออกกำลังกายจัดว่าเป็นสิ่งที่มีประโยชน์สำหรับทุกคนไม่ว่าจะเป็นคนปกติ หรือผู้ป่วย แต่สำหรับผู้ป่วยเบาหวานนั้นการออกกำลังกายก็เป็นวิธีหนึ่งที่สามารถช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดอย่างได้ผล นอกเหนือจากการรับประทานยา และการฉีดอินซูลิน การออกกำลังที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน ผู้ป่วยเบาหวานควรเลือกออกกำลังกายแบบเบาๆ ไม่หนัก และไม่ควรออกกำลังกายแบบหักโหมจนเกินไป นอกจากนี้แล้วในแต่ละครั้งที่ออกกำลังกายไม่ควรใช้เวลานาน สำหรับวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมนั้นผู้ป่วยควรคำนึงถึงเรื่องต่างๆ ดังนี้  – ระดับน้ำตาลในกระแสเลือด หรือความรุนแรงของโรคเบาหวาน ณ เวลาช่วงนั้น  – ความพร้อมของร่างกาย  – อายุของผู้ป่วย เช่น ผู้ป่วยสูงอายุ วัยทำงาน วัยรุ่น วัยเด็ก ก็จะมีวิธีการออกกำลังกายที่เหมาะสมแตกต่างกัน  – สถานที่ในการออกกำลังกาย ควรมีอากาศถ่ายเทสะดวก หรือเป็นที่สำหรับออกกำลังกายโดยเฉพาะ เช่น สวนสาธารณะ สนามกีฬา เป็นต้น  – ความสนใจในกีฬาประเภทนั้นๆ เพราะถ้าเรามีความสนใจในกีฬาประเภทไหนมากเป็นพิเศษ ก็จะมีส่วนทำให้เราตั้งใจในการปฏิบัติ และสามารถออกกำลังกายได้อย่างสม่ำเสมอ  – เสื้อผ้าที่ใช้ในการออกกำลังกายควรเหมาะสมกับประเภทของกีฬาที่เลือก ไม่ว่าจะเป็นเสื้อ กางเกง ถุงเท้า รองเท้า โดยเฉพาะรองเท้าควรเลือกให้เหมาะสม สวมใส่สบายไม่หลวมและไม่คับจนเกินไป เพราะรองเท้ามีส่วนสำคัญที่ช่วยปกป้องเท้าของผู้ป่วยไม่ให้มีบาดแผลเกิดขึ้นได้ เนื่องจากถ้าเกิดบาดแผลขึ้นแล้วในผู้ป่วยเบาหวานแผลจะรักษาให้หายยากและมักลุกลาม  ประโยชน์ที่ได้จากการออกกำลัง สำหรับประโยชน์ที่ป่วยเบาหวานจะได้รับจากการออกกำลังกายจะได้แก่  1. ช่วยทำให้การควบคุมระดับน้ำตาลในกระแสเลือดเป็นไปได้ดีขึ้น เพราะการออกกำลังจะช่วยทำให้ร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานต่างๆ

การออกกำลังกายที่เหมาะสมสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน Read More »

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้

เชื่อว่าหลายคนคงจะต้องรู้จักโรคภูมิแพ้กันอยู่แล้วและวันนี้เราได้นำเอาอีกหนึ่งข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับโรคภูมิแพ้ที่น่าสนใจไม่น้อยมาแนะนำกันนั่นก็คือยาแก้แพ้ ซึ่งหลายคนนั้นต้องรู้จักกับยาแก้แพ้เป็นอย่างดีและยาแก้แพ้ก็มักจะเป็นเม็ดสีเหลืองหรือเม็ดสีขาว แต่ว่าหลายคนก็อาจจะสงสัยว่าหากเรารับประทานยาแก้แพ้เป็นประจำต่อเนื่องเป็นระยะเวลานานนั้นจะเกิดส่งผลเสียต่อสุขภาพหรือไม่อย่างไร วันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจตรงนี้มาแนะนำกัน ลองไปดูรายละเอียดกันเลย มาทำความรู้จักกับยาแก้แพ้ แน่นอนเลยว่าหลายๆ คนนั้นมักจะใช้ยาแก้แพ้ประจำ โดยเฉพาะใครที่ร่างกายชอบเป็นโรคภูมิแพ้ ไม่ว่าคุณนั้นจะเกิดอาการผื่นคัน น้ำมูกไหล หายใจลำบาก หรือแม้กระทั่งเป็นลมพิษ การใช้ยาแก้แพ้จะช่วยให้คุณบรรเทาอาการเหล่านั้นให้หายไปได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนี้หลายๆคนยังใช้ยาแก้แพ้ไว้สำหรับแก้อาการคลื่นไส้อาเจียน ซึ่งแน่นอนเลยว่าหลายๆคนนั้นก็อยากจะรู้เช่นกันว่า ยาแก้แพ้หากเรารับประทานไปบ่อยจะอันตรายหรือไม่ ซึ่งเราสามารถเข้ามาดูข้อมูลกันได้เลย  ยาแก้แพ้ในกลุ่มที่ทำให้ง่วง  ยาแก้แพ้ชนิด คอเฟนิลามีน เป็นยาแก้แพ้ที่ใช้รักษาสำหรับอาการภูมิแพ้อากาศ  จาม มีน้ำมูกไหล มีผื่นคันหรือเมารถ ซึ่งยาแก้แพ้นี้ยังสามารถใช้สำหรับอาการคันจากแมลงกัดต่อยหรือพืชที่มีพิษได้ ยาแก้แพ้ชนิดไม่ง่วง เป็นยาแก้แพ้ที่ถูกคิดค้นมาใหม่ พี่สามารถออกฤทธิ์ให้รักษาอาการต่างๆเหมือนเดิม แต่ตัวยาจะผ่านเข้าไปยังสมองที่น้อยมาก จึงทำให้คุณนั้นไม่รู้สึกง่วง ยาแก้แพ้ชนิดแบบใหม่นี้ จะไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการคัน น้ำมูกไหล และอาการเมารถ ประสิทธิภาพที่ใช้ในการรักษานั้นจะไม่เทียบเท่ากับยาแก้แพ้ชนิดง่วงนั่นเอง ผลข้างเคียงของยาแก้แพ้ สำหรับยาแก้แพ้เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างที่ถือว่าเป็นยาอันตราย ซึ่งผู้ป่วยนั้นควรจะได้รับตามที่แพทย์สั่งเท่านั้น ไม่ควรที่จะหายามารับประทานเอง ซึ่งอย่างน้อยคุณควรที่จะได้รับคำปรึกษาจากเภสัช จะช่วยให้คุณนั้นได้รับตัวยาแก้แพ้ตรงขนาดของการรักษา หาใครพี่กินยาแก้แพ้เกินขนาด ส่งผลเสียกับร่างกายของคุณเป็นอย่างมาก เพราะจะทำให้คนนั้นมีอาการ คลื่นไส้อาเจียน  ปวดท้องเกร็ง  หายใจไม่ออก ไปสั่น และมีผลต่อระบบหัวใจและระบบตัด  เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับยาแก้แพ้ที่เรานำมาแนะนำกันนั้น เชื่อว่าหลายคนนั้นอาจจะมองข้ามไปและใครที่ยังไม่เคยได้ศึกษารายละเอียดเกี่ยวกับยาแก้แพ้อย่างจริงจังก็สามารถที่จะนำเอาข้อมูลที่เรานำมาฝากกันนี้ไป ใช้เป็นข้อมูลความรู้กันได้เลย สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลอะไรที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพมาฝากกันอีกนั้นต้องติดตาม #ความรู้เรื่องโรค

ประโยชน์ของ “ยาแก้แพ้” สรรพคุณที่ควรจะต้องรู้ Read More »

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้

อาการปวดไมเกรน นั้นเป็นอาการปวดที่สร้างความทุกข์ให้กับหลายคน ซึ่งมักเกิดจากความเหนื่อยล้า และการพักผ่อนที่ไม่เพียงพอ ซึ่งในหลาย ๆ ครั้งจึงจำเป็นต้องพึ่งยาแก้ปวด เพื่อช่วยในการบรรเทาให้ลดลงแต่ก็คงไม่ดีนักเมื่อต้องทานยาอยู่อย่างต่อเนื่อง  ดังนั้นในวันนี้จึงหาตัวช่วยดี ๆ มานำเสนอสำหรับบรรเทาอาการปวดหัว ทั้งจากไมเกรน หรือจะเป็นอาการปวดหัวแบบทั่วไป มาฝาก ด้วยวิธีที่ไม่ยากและสามารถทำได้ทุกวัน เพียงแค่ดื่มชา แต่จะเป็นชาอะไรบ้าง ที่จะช่วยบรรเทาอาการปวดหัวได้ พร้อมหรือยังค่ะ มาติดตามกันจากบทความนี้กันเลยค่ะ  ชาบรรเทาอาการปวดหัว ชาขิง ชาขิง ชาที่ไม่ได้ทำมาจากใบชา  แต่มีวิธีการชงที่คล้ายกับการชงชา ชาขิงนั้นจะอยู่ในจำพวกชาสมุนไพร ที่ช่วยในการลดอาการปวดหัว ต้านการอักเสบในส่วนต่าง ๆ ของร่างกาย ช่วยในการผ่อนคลาย และทำให้เลือดลมเดินได้สะดวก ทำให้เลือดสามารถเลี้ยงสมองได้เป็นอย่างดี จึงทำให้ลดอาการปวดหัวได้ ชาเปปเปอร์มิ้น (สะระแหน่) ชาเปปเปอร์มิ้น หรือ ชาสะระแหน่ นั้นช่วยทำให้ลดการหดตัวของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อ ในบริเวณของสำไส้ได้  จึงทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะปวดหัวได้ เพราะการหดหรือเกร็งตัวของเส้นประสาทและกล้ามเนื้อบริเวณลำไส้นั้นสามารถส่งผลกระทบไปสมองได้ เป็นผลให้เกิดการปวดหัวนั่นเอง ชากานพลู ชากานพลู ได้มาจากกานพลู ซึ่งเป็นพืชสมุนไพร ที่เป็นที่รู้จักของคนไทยมาอย่างยาวนาน และรู้ถึงสรรพคุณด้านต่าง ๆ เป็นอย่างดี กานพูลถูกนำมาใช้เป็นส่วนประกอบของยาหลายชนิด เพราะสามารถช่วยบรรเทาอาการปวดได้ ไม่ว่าจะเป็นอาการปวดอย่าง

ชาบรรเทาอาการปวดหัวและปวดไมเกรนได้ Read More »