นมถั่วเหลือง

สำหรับคนไทยที่เป็นชาวเอเชียนั้นเรามีตาเพียงแค่ไม่กี่สี ส่วนใหญ่แล้วก็มันก็เป็นสีดำหรือสีน้ำตาลเข้ม ต่างจากชาวต่างชาติโดยเฉพาะในฝั่งยุโรปและอเมริกาที่มักจะมีดวงตาสีอ่อน มันทำให้ชาวเอเชียอย่างเรานั้นบางครั้งก็รู้สึกที่อยากจะมีดวงตาสีอ่อนบ้างบางคนก็เลือกที่จะใส่คอนแทคเลนส์เพราะมันดูสวยงามดี แต่ไม่น่าเชื่อเลยว่าสีของดวงตานั้นจะมีความเกี่ยวข้องกับยารักษาโรคจากเชื้อไวรัสที่กำลังแพร่ระบาดไปทั่วทั้งโลกในขณะนี้อย่างเชื้อไวรัส COVID-19 นั่นก็เป็นเพราะว่ายาสำหรับรักษาอาการจากโรคดังกล่าวอย่างฟาวิพิราเวียร์ มาพร้อมกับผลข้างเคียงที่ทำให้ดวงตาของเราเปลี่ยนสีไปอย่างสิ้นเชิง จากดวงตาที่เคยเป็นสีเข้มจะกลายเป็นสีม่วงอย่างน่าเหลือเชื่อ ปรากฏการณ์ดังกล่าวนั้นเกิดขึ้นจากอะไรวันนี้เราจะพาทุกคนไปดูกัน  เปิดผลข้างเคียงจากยาฟาวิพิราเวียร์ที่ทำให้ดวงตาเปลี่ยนสี

สำหรับปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งจะมีอยู่ด้วยกันหลายปัจจัย แต่สามารถแบ่งออกเป็นสาเหตุทั่วไปได้ 2 ปัจจัย คือ ปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากสภาพแวดล้อม และปัจจัยเสี่ยงที่เกิดจากความผิดปกติภายในร่างกาย แต่ปัจจัยเสี่ยงที่พบมากที่สุดมักจะมีสาเหตุมาจากสภาพแวดล้อมหรือปัจจัยภายนอกมากกว่าปัจจัยภายใน โดยเราสามารถแจกแจงรายละเอียดทั้ง 2 ปัจจัยได้ดังนี้  1. ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งที่เกิดจากสภาพแวดล้อม เช่น  – รังสียูวีจากแสงแดด โดยเฉพาะแสงแดดในช่วงระหว่าง 10.00 น. ถึง 15.00 น. จะเป็นช่วงที่ในแสงแดดจะมีแสงยูวีมากที่สุด ถ้าเราออกไปตากแดดช่วงนี้เป็นประจำก็มีความเสี่ยงในการเกิดโรคมะเร็งได้  – การดื่มสุรา และการสูบบุหรี่ เป็นประจำก็มีส่วนทำให้มีความผิดปกติเกิดขึ้นภายในร่างกายได้ โดยเฉพาะบุหรี่ถึงแม้เราไม่ได้สูบแต่อยู่ใกล้ผู้ที่สูบบุหรี่ก็มีส่วนทำให้เราอาจจะป่วยเป็นโรคมะเร็งได้  – การอยู่ในที่ที่มีมลภาวะเป็นพิษ เช่น ต้องเจอกับฝุ่นควัน ท่อไอเสียรถยนต์ หรืออยู่ใกล้โรงงานอุตสาหกรรม เป็นต้น  – การอยู่ในสถานที่ที่มีแสงสว่างจ้ามากเกินไป หรือการทำงานที่ต้องมองแสงแจ้งๆ เป็นประจำ ก็เป็นสาเหตุที่ทำให้คุณเกิดเป็นโรคมะเร็วที่เกิดจากดวงตาได้เช่นกัน  2. ปัจจัยเสี่ยงของโรคมะเร็งที่เกิดจากความผิดปกติของร่างกาย เช่น  – การติดเชื้อไวรัสบางชนิด เช่น เชื้อไวรัสตับอักเสบบี เชื้อไวรัสฮิวแมนแพบพิลโลมา รวมไปถึงการติดเชื้อพยาธิบางชนิดก็เป็นเหตุปัจจัยที่ทำให้คุณเกิดโรคมะเร็งขึ้นได้  – การเกิดการผิดปกติในการแบ่งเนื้อเยื่อหรือเซลล์ต่างๆ ภายในร่างกาย ที่มีมากเกินความจำเป็นจนกลายเป็นเซลล์มะเร็งไปในที่สุด  –

ชา เครื่องดื่มยอดฮิต รองจากกาแฟ  ชา นั้นมีหลายรูปแบบที่น่าหลงใหล ด้วยเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นกลิ่น สรรพคุณที่มีประโยชน์ต่อร่างกาย หลาย ๆ คนจึงชอบที่จะดื่มชากัน  และในชา บางชนิดยังสามารถทำให้อาการหืดหอบบรรเทาได้ ทำให้ผู้ที่ดื่มนั้นหายใจได้ดีขึ้น และชาที่มีสรรพคุณดังกล่าวนี้มีชาอะไรบ้าง พอจะเดาออกไหมค่ะ ถ้านึกไม่ออกลอกอ่านได้จากบทความในวันนี้กันเถอะคะ   โรคหอบหืด คืออะไร โรคหอบหืด เป็นโรคที่เกิดจากความผิดปกติของระบบการหายใจ เป็นโรคเรื้อรังชนิดหนึ่ง อาการของหอบหืด ที่มักพบกันอยู่บ่อย ๆ คือ หายใจถี่ ๆ แน่นหน้าอก เมื่อเวลาหายใจจะมีเสียงดัง สามารถพบได้ในเด็ก และผู้ใหญ่  การรักษาโรคหอบหืดก็มีอยู่หลากหลายวิธี และมีหลายวิธีที่สามารถบรรเทาได้ และวิธีหนึ่งก็คือการดื่มชา ซึ่งเป็นวิธีทางเลือกด้วยการใช้สมุนไพรเป็นอีกทางในการบรรเทาอาการหอบหืด  ชาบรรเทาอาการหอบหืด ที่น่ารู้จัก ชาขิง ชาขิง  ชาที่ได้จากเครื่องเทศที่มีสรรพคุณในการบรรเทาอาการอักเสบ ลดอาการคลื่นไส้ ปรับระดับน้ำตาลในเลือด และยังช่วยในการบรรเทาหอาการหอบหืดได้ เพียงแค่ดื่มอุ่น ๆ เป็นประจำ อาการหอบหืดก็ดีขึ้นได้ค่ะ เพราะชาขิงนี้จะช่วยลดอาการอักเสบของทางเดินหายใจได้นั่นเอง  ชาขิง นั้นสามารถทำดื่มได้เองที่บ้าน เพียงแค่หันขิงที่ปอกเปลือกแล้วเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วใส่ลงน้ำเดือด ต้มทิ้งไว้สักไม่เกิน

การปั่นจักรยานเป็นกีฬาอีกประเภทที่ให้ประโยชน์แก่ผู้เล่นหลายอย่าง และเป็นกีฬาที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในปัจจุบัน เพราะสามารถเล่นได้ง่ายแต่อุปกรณ์ที่ใช้อย่างเช่นตัวจักรยานอาจจะมีราคาค่อนข้างสูงอยู่ถ้าคุณเลือกเป็นจักรยานที่มีคุณภาพดีๆ ดังนั้นในการเลือกซื้อควรคำนึงถึงประโยชน์ที่จะได้รับและวัตถุประสงค์ในการใช้งานรวมไปถึงทุนทรัพย์ที่จะนำมาซื้อจักรยานและอุปกรณ์ต่างๆ กันด้วย แต่ก่อนอื่นเราลองไปดูประโยชน์ที่จะได้รับถ้าคุณปั่นเป็นประจำ  1. ช่วยให้กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งแรง เช่น ขา แขน หัวไหล่ หน้าอก หน้าท้อง สะโพก เป็นต้น  2. ช่วยให้ระบบการหายใจหรือปอดทำงานเป็นระบบและแข็งแรง   3. ช่วยในเรื่องของรูปร่างทำให้คุณมีรูปร่างที่ดีได้สัดส่วน เพราะร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานได้เต็มที่  4. เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังเป็นกีฬาที่เหมาะสำหรับทุกคนกันอีกด้วย  5. ช่วยลดความเครียด ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เพลิดเพลิน และช่วยให้คุณหลับสบายและง่ายขึ้น จึงเป็นวิธีช่วยพักผ่อนสมองได้เป็นอย่างดี เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับหรือมักเกิดความเครียดได้ง่ายๆ  แต่ถ้าต้องการปั่นจักรยานให้ได้ผลดีกันจริงๆ หรือได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ คุณจำเป็นจะต้องปั่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอ เมื่อปั่นไปสักระยะคุณจะได้รับประโยชน์ดังที่กล่าวมาอย่างแน่นอน และสำหรับใครที่กำลังสนใจอยู่ลองมาวิธีการเลือกจักรยานกันต่อดีกว่าค่ะ วิธีการเลือกจักรยาน แต่ละคนอาจจะมีเหตุผลในการเลือกปั่นจักรยานแตกต่างกัน เช่น บางท่านอาจจะปั่นเพื่อเป็นการออกกำลังกาย บางท่านก็ปั่นเพื่อเป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ หรือบางท่านอาจฝึกซ้อมไว้สำหรับการแข่งขัน แต่ไม่ว่าคุณจะมีเหตุผลใดก็ตามลองมาดูวิธีเลือกใช้จักรยานกันดีกว่า เริ่มจาก 1. เลือกจากขนาดและรูปทรงของจักรยานให้เหมาะกับรูปร่าง สรีระ เพศและวัยของผู้ปั่น ดังนั้นก่อนการเลือกซื้อทุกครั้งควรทดลองกันด้วย ไม่ว่าจะเป็น ทดลองนั่งและยืนโดยให้ความสูงจากขาตั้งถึงอานจักรยานมีความสูงประมาณช่วงขาของผู้ขี่  2. เลือกจากความชำนาญในการปั่น โดยดูจากรุ่นของจักรยาน

เรื่องของน้ำหนักเป็นเรื่องที่ผู้หญิงเราให้ความสนใจไม่น้อย แต่ในคุณผู้ชายก็ให้ความสนใจเช่นกัน หากมีน้ำหนักมากเกินกว่ามาตรฐานเล็กน้อยก็อาจจะส่งผลเสียไม่มาก แต่ถ้าหากเข้าสู่สภาวะน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วนแน่นอนว่า จะทำให้การใช้ชีวิตของคุณนั้นมีความยากลำบากมากขึ้นและที่สำคัญโรคอ้วนนำมาซึ่งโรคภัยไข้เจ็บต่างๆมากมาย และวันนี้เราได้นำเอาข้อมูลเกี่ยวกับโรคอ้วน มาแนะนำการลองไปดูกันซิว่าเราจะนำเอาข้อมูลรายละเอียดอะไรมาฝากกันบ้าง สาเหตุของ โรคอ้วน ที่ไม่ได้มาจากการ กิน ปัญหาการเกิดโรคอ้วนนั้น ไม่ได้เกิดจากการทานที่มากเกินไปเพียงอย่างเดียวเท่านั้น ทั้งนี้อาจจะเกิดจากฮอร์โมนของร่างกาย เช่น ผู้ที่มีปัญหาภาวะถุงน้ำรังไข่ หรือ ไทรอยด์ต่ำ จึงควรได้รับการดูแลและรักษาด้วยเช่นกัน  เรากำลังเสี่ยงเป็นโรคอ้วนอยู่รึเปล่า เราสามารถตรวจเช็คว่าอยู่ภาวะโรคอ้วนได้จากการดูค่าดัชนีมมวลกายหรือค่า BMI โดยหากได้ผลลัพธ์ออกมาว่ามีค่าเกิน 23 แปลผลได้ว่าตกอยู่ในการมีภาวะน้ำหนักเกินเกณฑ์ และหากเกิน 25 แปลได้ว่าตกอยู่ในภาวะโรคอ้วนโดยเกณฑ์นี้เป็นเกณฑ์ที่ใช้วัดชาวเอเชีย แต่ค่า BMI ก้ได้ยืนยันว่าเป็นโรคอ้วนซะทีเดียว เนื่องจากผู้ที่ออกกำลังกายมีกล้ามเนื้อมากกว่าก็อาจมีค่าเกินได้ ทั้งนี้จะใช้ควบคู่กับบการวัดรอบเอวโดยที่ผู้หญิงไม่ควรเกิน 80 เซนติเมตร และชาย ไม่ควรเกิน 90 เซนติเมตร หรืออาจจะใช้เครื่องวัดมวลร่างกสยในการตรวจวัดได้ การดูแลรักษาหากตกอยู่ในภาวะโรคอ้วน ปรับรูปแบบการใช้ชีวิตโดยเริ่มจากการลดการทานอาหารแปรรูปให้ได้มากที่สุด เน้นทานผักและโปรตีนที่ได้จากพืช เช่นข้าวกล้อง ตั้งเป้าหมายหมายและเริ่มออกกำลังกายเป็นประจำสม่ำเสมอ เพิ่มกิจจกรรมประจำวันให้ร่างกายใช้พลังงานมากขึ้น เช่นการเดินบ่อยขึ้นกว่าเดิม ทำงานบ้านที่ใช้แรงเยอะ ๆ พยายามหากิจกรรมคลายเครียด และปรับการนอนให้ นอนอย่างเพียงพอ จะช่วยได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังมีการรักษารูปแบบอื่นเช่น การใช้ยาที่ได้รับคำแนะนำจากแพทย์เท่านั้น

การออกกำลังกายเกือบทุกชนิดจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายและยังส่งผลต่อสภาพจิตใจของผู้เล่นกันอีกด้วย รวมไปถึงการว่ายน้ำก็เช่นเดียวกัน ซึ่งจะมีประโยชน์อย่างไรบ้างนั้น ใครกำลังคิดจะว่ายน้ำกันอยู่ลองไปดูกันได้เลย  1. ช่วยให้กล้ามเนื้อตามส่วนต่างๆ ของร่างกายแข็งแรง เช่น กล้ามเนื้อขา หัวไหล่ แขน หน้าอก สะโพก เป็นต้น  2. ช่วยให้ระบบการหายใจหรือปอดทำงานเป็นปกติและแข็งแรง เพราะการว่ายน้ำจะให้ดีเราต้องรู้หลักและจังหวะในการหายใจ  3. ช่วยให้คุณมีรูปร่างดี เพราะร่างกายสามารถเผาพลาญพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่ว่ายน้ำเป็นประจำส่วนมากจะมีหุ่นดีและเฟิร์ม  4. เป็นการใช้เวลาว่างให้เป็นประโยชน์ และยังเป็นการออกกำลังกายที่เหมาะสำหรับคนทุกเพศทุกวัย 5. ช่วยให้ร่างกายเกิดความยืดหยุ่นได้ดี โดยเฉพาะผู้ที่มีอายุมากขึ้นข้อต่อต่างๆ และเส้นเอ็นมักจะเกิดอาการยึดตรึง  6. ช่วยลดความตรึงเครียด เพราะการสัมผัสน้ำจะช่วยทำให้คุณรู้สึกสดชื่น นอกจากนี้การออกกำลังกาย เป็นประจำยังช่วยให้คุณหลับสบายจึงเป็นวิธีพักผ่อนสมองได้เป็นอย่างดี  แต่ถ้าอยากเล่นให้ได้ผลดีกันจริงๆ แล้วล่ะก็คุณจำเป็นจะต้องเล่นเป็นประจำอย่างสม่ำเสมอหรืออย่างน้อยในหนึ่งสัปดาห์ควรว่ายน้ำอย่างน้อย 3 วัน และในแต่ละครั้งไม่ควรน้อยไปกว่า 30 นาที ข้อควรระวังในการว่ายน้ำ การออกกำลังกายอาจจะมีประโยชน์ แต่ก็มีโทษด้วยเช่นกัน ดังนั้นไม่ว่าคุณจะเลือกออกกำลังกายอะไรก็ตาม จึงควรระมัดระวังเป็นพิเศษ โดยเฉพาะถ้าคุณยังไม่มีความชำนาญมากพอ อย่างการว่ายน้ำที่ต้องใช้ทักษะเฉพาะตัวและการฝึกฝน อันดับแรกจึงควรมีครูผู้ฝึกสอน สำหรับข้อควรระวังในการว่ายน้ำก็คือ 1. ถ้ามีโรคประจำตัวอย่างเช่น โรคเกี่ยวกับผิวหนัง โรคแก้วหูทะลุ โรคติดเชื้อในช่องหู โรคเกี่ยวกับตา

กรดไขมันเป็นส่วนประกอบของกรดคาร์บอกซิลิก ที่มีการเรียงตัวของหางเป็นโซ่แบบอะลิฟาติก แบบยาวที่มีทั้งกรดไขมันอิ่มตัวและกรดไขมันไม่อิ่มตัว  กรดไขมันจะมีคาร์บอนเป็นส่วนประกอบอย่างน้อย 8 อะตอม และส่วนใหญ่จะเป็นจำนวนเลขคู่ เพราะกระบวนการชีวสังเคราะห์ของกรดไขมันนั้นจะเป็นการเพิ่มโมเลกุลของอะซิเตตซึ่งมีคาร์บอนอยู่เพียง 2 อะตอม ชนิดของกรดไขมัน กรดไขมันมีอยู่ 3 ชนิดคือ (1) กรดไขมันอิ่มตัว เป็นกรดไขมันประเภทหนึ่งที่มีธาตุคาร์บอน ไฮโดรเจน และออกซิเจนจับกันเป็นลูกโซ่โดยสมบูรณ์ และไม่มีช่องว่างเหลือที่จะทำปฏิกิริยากับสารใดๆตัวอย่างของกรดไขมันประเภทนี้คือ กรดสเตียริก กรดไขมันอิ่มตัวมักพบในน้ำมันหลากหลายชนิด เช่น น้ำมันปาล์มโอเลอีนมี 50% น้ำมันปาล์มเคอเนลมี 86% น้ำมันเนื้อมี 52% น้ำมันหมูมี 40%  และมีมากในน้ำมันมะพร้าวซึ่งสูงถึง 92%  (2) กรดไขมันไม่อิ่มตัว 1 ตำแหน่ง เป็นกรดไขมันที่มีอะตอมของธาตุไฮโดรเจนเกาะไว้แต่ไม่เต็มตำแหน่งเหมือนกรดไขมันอิ่มตัว แต่มีพันธะคู่ 1 ตำแหน่ง ตัวอย่างของกรดไขมันประเภทนี้ คือกรดโอเลอิก นอกจากนี้กรดไขมันประเภทนี้ มักจะมีอยู่ในน้ำมันที่ดีต่อสุขภาพ คือ ในน้ำมันเมล็ดชามี 88% น้ำมันมะกอกมี 77% น้ำมันคาโนลามี 58% น้ำมันไก่มี 48% น้ำมันรำข้าวมี

ช่วงไหนที่มีฝนตกบ่อยๆ ก็มักมีปัญหาเกี่ยวกับน้ำขังตามที่ต่างๆ ซึ่งจะกลายเป็นแหล่งเพาะพันธุ์อย่างดีของยุง โดยเฉพาะยุงลาย ช่วงนั้นเราจึงมักเห็นยุงเยอะเป็นพิเศษ และนี่เองที่เป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคไข้เลือดออก โดยเฉพาะเด็กเล็กๆ ผู้ปกครองจะต้องระวังกันเป็นพิเศษ เพราะโรคไข้เลือดออกถ้าเรารักษาไม่ทันทวงทีก็อาจจะทำให้เกิดอันตรายร้ายแรงต่อสุขภาพและร่างกายของเราได้ ดังนั้นเรามาป้องกันไข้เลือดออกหรือหาวิธีกำจัดยุง ซึ่งเป็นตัวการสำคัญของการเกิดโรคกันดีกว่า โดยเริ่มจาก 1. ถ้าที่บ้านมีตุ่มน้ำหรือมีภาชนะสำหรับใส่น้ำเก็บไว้ใช้ ควรหาฝามาปิดให้สนิทเพื่อป้องกันยุงลงไปวางไข่ และพยายามสังเกตด้วยว่ามีลูกน้ำเกิดขึ้นบ้างหรือเปล่า  2. ถ้ามีบ่อน้ำปลูกบัว หรืออ่างน้ำแบบตั้งโชว์ไว้ในสวนหรือบริเวณบ้าน ควรหาปลามาเลี้ยง เพื่อให้ปลากินลูกน้อยที่เกิดจากยุงลงไปวางไข่ ก็จะเป็นวิธีที่สามารถช่วยกำจัดลูกน้ำและป้องกันไม่ให้ลูกน้ำเจริญเติบโตไปเป็นยุงต่อไปได้  3. หมั่นเปลี่ยนน้ำในภาชนะใส่น้ำที่เราไม่สามารถปิดฝาได้ เช่น ในกระถางดอกไม้  ถ้วยรองขาตู้ หรือขาโต๊ะ เป็นต้น  4. พยายามสำรวจรอบบริเวณบ้านว่ามีส่วนไหนมีน้ำขังบ้างหรือเปล่า ถ้ามีให้เทน้ำทิ้งหรือหาวิธีจัดการไม่ให้มีน้ำขังเกิดขึ้นได้  5. พ่นสารเคมีหรือฉีดยาฆ่ายุงรอบบริเวณบ้านบ้าง อย่างน้อยเดือนละครั้ง เพื่อกำจัดยุงและลูกน้ำ 6. ในเวลากลางคืนถ้าต้องออกนอกบ้านควรสวมเสื้อผ้าหนาๆ และควรเป็นเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว โดยเฉพาะในเด็กๆ เล็ก เพราะยุงมักจะชอบกัดเด็กมากกว่าผู้ใหญ่  7. เวลานอนควรนอนในห้องที่ติดมุ้งลวด หรือนอนในมุ้ง และถ้าเป็นไปได้ให้จุดยากันยุงไว้ในห้อง แต่ควรเลือกยากันยุงแบบที่ทำมาจากวัสดุจากธรรมชาติ เช่น ยาจุดกันยุงตระไคร้ เป็นต้น เพราะจะเป็นการช่วยในเรื่องของความปลอดภัยจากสารเคมี โดยเฉพาะในเด็กเล็กที่เวลานอนต้องสูดเอาควันเข้าไป  8. ให้สังเกตบุคคลในครอบครัวหรือสมาชิกในบ้านว่ามีอาการไข้เกิดขึ้นหรือ

ตอนเป็นเด็กเวลาเป็นหวัด คุณพ่อคุณแม่มักหาหัวหอมแดงมาช่วยรักษาอาการหวัด เพราะหัวหอมแดงมีสรรพคุณในทางยานั่นเอง และยังจัดเป็นอีกหนึ่งพืชสมุนไพรที่ส่วนใหญ่ครัวไทยมักจะมีกันอยู่เกือบทุกครัวเรือน ถึงแม้ในปัจจุบันรูปแบบการทำอาหารจะเปลี่ยนไป หรือก็คือเรามักจะใช้วิธีการรับประทานอาหารนอกบ้านกันมากกว่า ด้วยเวลาที่เร่งรีบทำให้การกลับบ้านมาทำอาหารเองเป็นเรื่องที่เสียเวลา แต่ถึงกระนั้นบางบ้านก็ยังมีติดไว้ เพื่อวันไหนคิดอยากทำอะไรทานเอง หรือนำมาเป็นเครื่องเคียงทานกับอาหารที่ซื้อมาก็ช่วยชูรสชาติได้เป็นอย่างดี สำหรับวิธีการช่วยบรรเทาอาการหวัดนั้น จะมีด้วยกันหลายวิธี อาทิเช่น – รับประทานสดๆ โดยใช้หัวหอมแดงประมาณ  1-3 หัว ซอยเป็นแว่นๆ บางๆ  โรยบนข้าวกล้องหรือขาวสวยร้อนๆ แล้วทานพร้อมกันกับข้าวได้เลย บางท่านอาจจะรู้สึกเผ็ด ให้หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็พอนะคะ โดยเฉพาะเด็กๆ อาจจะไม่ค่อยชอบรสชาติของหอมแดงสักเท่าไร  – ใช้สูดดม โดยเอาหัวหอมแดงมาทุบแล้วสูดดมบ่อยๆ จะช่วยให้โล่งจมูก ที่สำคัญดีกว่าเราดมยาดมเป็นไหนๆ เพราะมั่นใจได้เลยว่าไม่มีสารเคมีตกค้างอย่างแน่นอน  –  รมไอน้ำ โดยการต้มน้ำให้เดือด แล้วเอาหัวหอมแดงหนึ่งกำมือมาทุบพอแหลกใส่ลงไป ปิดฝาหม้อต้มให้เดือดต่ออีกประมาณ 5 นาที ยกหม้อลง หลังจากนั้นเอาผ้าคลุมหัวและหม้อไว้ ค่อยๆ เปิดฝาหม้อแล้วสูดไอน้ำจนกระทั่งหมดไอ ขณะที่สูดไอน้ำให้หลับตา เพราะไอน้ำจากหอมแดงจะเข้าตาทำให้เกิดอาการแสบตาได้ ความร้อนของไอน้ำจะช่วยในการขับเหงื่อสามารถช่วยลดไข้ได้ ส่วนไอของหัวหอมจะช่วยลดอาการคัดจมูก ทำให้หายใจโล่งสบายขึ้น – ทุบแล้ววางไว้ใกล้ๆ ตัว โดยเฉพาะกับเด็กเล็กที่ไม่สามารถทานหัวของมันได้ โดยให้ใช้ประมาณ 2-3