อาหารทอดภัยร้ายต่อสุขภาพ

อาหารทอดภัยร้ายต่อสุขภาพ

ข้อมูลการศึกษาทางการแพทย์ทำให้เป็นที่เข้าใจอย่างชัดเจนแล้วว่า อาหารแบบตะวันตกไม่ได้ส่งเสริมสุขภาพที่ดีต่อหัวใจและหลอดเลือด  แต่ยังไม่ปรากฎข้อมูลที่ชัดเจนว่า อาหารทอดนั้นมีบทบาทเชิงลบต่อหัวใจและหลอดเลือดเช่นเดียวกันหรือไม่   จนกระทั่งมีผลการวิจัยที่มีการตีพิมพ์แบบออนไลน์ในวารสารหัวใจเมื่อเดือนเมษายน 2020 ได้ระบุความเชื่อมโยงของการบริโภคอาหารทอดกับความเสี่ยงของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง  และที่สำคัญคือพบว่า ความเสี่ยงต่อโรคทั้งสองเพิ่มขึ้นเมื่อมีการรับประทานอาหารทอดเพิ่มขึ้นอีก 114 กรัมต่อสัปดาห์

อาหารทอดกับความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

นักวิจัยได้เก็บข้อมูลจากผู้เข้าร่วม 562,445 คนและเหตุการณ์สำคัญที่เกี่ยวกับหัวใจและหลอดเลือดอีก 36,727 เหตุการณ์ เช่น ภาวะหัวใจวายหรือโรคหลอดเลือดสมอง เพื่อประเมินความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือด โดยมีระยะเวลาการเฝ้าติดตามเฉลี่ย 9.5 ปี  แล้วประเมินความเชื่อมโยงที่อาจเกิดขึ้นระหว่างการบริโภคอาหารทอดกับการเสียชีวิตจากโรคหัวใจและหลอดเลือดและจากสาเหตุใดๆ ก็ตาม  ซึ่งการวิเคราะห์ของนักวิจัยชี้ให้เห็นว่า เมื่อเทียบกับการบริโภคอาหารทอดที่ต่ำที่สุดในรอบ 1 สัปดาห์ การบริโภคอาหารทอดในปริมาณสูงๆ นั้น จะสัมพันธ์กับความเสี่ยงของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 28% ความเสี่ยงของโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มขึ้น 22% และความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะหัวใจล้มเหลวเพิ่มขึ้น 37%   แต่เมื่อรับประทานอาหารทอดเพิ่มขึ้นอีก 114 กรัมต่อสัปดาห์  ความเสี่ยงดังกล่าวก็เพิ่มขึ้นตามไปด้วยอีก  3%, 2% และ 12% ตามลำดับ

อันตรายที่แฝงในอาหารทอด

อาหารทอดนั้นให้พลังงานเมื่อเปรียบเทียบกับอาหารที่ผ่านการปรุงด้วยกรรมวิธีอื่นๆ เพราะการทอดอาหารในน้ำมันจะทำให้อาหารดูดซับไขมันเข้าไป   นอกจากนี้อาหารทอดมักมีไขมันทรานส์สูง ไขมันทรานส์เกิดจากการแปลงสภาพของไขมันไม่อิ่มตัวด้วยการเติมไฮโดรเจนลงในน้ำมัน ซึ่งกระบวนการดังกล่าวจะทำให้โครงสร้างของน้ำมันเกิดการเปลี่ยนแปลง จนร่างกายสลายไขมันไม่ได้จนมีผลต่อสุขภาพและเสี่ยงต่อการเกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคหัวใจ และโรคเบาหวาน เป็นต้น  นอกจากนี้ การรับประทานอาหารทอดอาจทำให้เกิดภาวะอ้วนได้ง่าย โดยไขมันทรานส์ในอาหารทอดอาจส่งผลกระทบต่อฮอร์โมนที่ควบคุมความอยากอาหารและการสะสมไขมัน ซึ่งเป็นเหตุให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นได้   รวมทั้งสารอะคริลาไมด์ ที่เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นในอาหารที่ผ่านกระบวนการปรุงสุกด้วยความร้อนสูง เช่น อาหารทอด และอาหารประเภทอบกรอบ เป็นต้น โดยอาหารที่สุกด้วยความร้อนสูงมาก ๆ จะเกิดปฏิกิริยาระหว่างกรดอะมิโนแอสพาราจีนกับน้ำตาลในอาหารจนเกิดเป็นสารอะคริลาไมด์ขึ้นมา ซึ่งสามารถพบสารเคมีดังกล่าวได้ในอาหารทอดทั่ว ไป โดยเฉพาะมันฝรั่งที่มีปริมาณน้ำตาลฟรักโทสและกลูโคสสูง นอกจากนี้ การทดลองในสัตว์หลายชิ้นยังชี้ว่าสารอะคริลาไมด์อาจก่อให้เกิดมะเร็งได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีการทดลองกับมนุษย์ จึงไม่อาจยืนยันได้ว่าการรับประทานอาหารทอดบ่อยๆ จะก่อมะเร็งได้จริงหรือไม่

อาหารทอดเป็นเมนูโปรดของคนทั่วไป เพราะมีรสชาติที่อร่อยและลักษณะชวนรับประทาน แต่สิ่งที่แลกมากับความอร่อยคือ พลังงานสูงและไขมันทรานส์ในปริมาณมาก  ดังนั้น การรับประทานอาหารทอดเป็นประจำจึงผลเสียต่อสุขภาพและก่อให้เกิดโรคได้  โดยผลการวิจัยระบุว่าการบริโภคอาหารทอดเชื่อมโยงกับความเสี่ยงที่เพิ่มสูงขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือดสมอง

เครดิตภาพจาก pixabay.com

#สุขภาพน่ารู้ #ความรู้เรื่องโรค #อาหารทอด

เมื่อคุณมีอาการเจ็บคอควรดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น ???

เมื่อคุณมีอาการเจ็บคอควรดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น ???

ก้าวสู่เดือนธันวาคมแล้ว อากาศก็เริ่มมีอุณหภูมิที่ต่ำลงด้วย หลายคนอาจรู้สึกถึงการเปลี่ยนแปลง บางคนสามารถปรับตัวได้ทัน ก็ไม่ค่อยมีปัญหาเท่าไรนัก แต่สำหรับบางคนนั้นอาจกำลังมีอาการเจ็บคอ อยู่ใช่ไหมค่ะ อาการเจ็บคอ สามารถเกิดได้กับทุกคน หรือเมื่อเป็นหวัด และน่าจะสร้างความน่ารำคาญใจให้กับหลายคนด้วยเช่นกัน อยากที่จะหายจากการเจ็บคอให้เร็วที่สุด วิธีการแรก  ๆ ที่คิดถึงกันก็คงหนีไม่พ้นการอมลูกอมให้ชุ่มคอ หรือการทานยาฆ่าเชื้อ หรือไม่ก็ทานยาแก้อักเสบใช่ไหมค่ะ รวมถึงการดื่มน้ำค่ะ แต่คงยังมีอีกหลายคนที่สงสัยว่าน้ำที่ควรดื่มนั้นคงเป็นน้ำแบบไหน จะน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีล่ะ  เจ็บคอ ดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่นดีล่ะ ? ยังไม่มีผลการวิจัยที่เป็นการชี้ชัดทางการแพทย์ว่าเมื่อเจ็บคอควรที่จะดื่มน้ำเย็นหรือว่าน้ำอุ่น ที่จะช่วยบรรเทาอาการเจ็บคอได้ดีกว่ากัน เพราะอาการเจ็บคอนั้นมีหลายสาเหตุด้วยกัน จึงมีความเหมาะสมที่แตกต่างกันค่ะ เช่น เจ็บคอที่เกิดการเป็นหวัด ถ้าเป็นเพียงหวัดธรรมดา ปวดหัว น้ำมูกไหล ไอและจาม มีไข้เล็กน้อย ก็ควรเลือกที่จะดื่มเป็นน้ำอุ่น ๆ เพราะจะช่วยให้ลดการมีเสมหะดได้ บรรเทาอาการระคายเคืองในลำคอได้ ไม่จำเป็นที่จะต้องทานยาฆ่าเชื้อ หรือยาแก้อักเสบค่ะ เพราะอาการเจ็บคอจะค่อย ๆ หาย เมื่ออาการหวัดหายนั่นเอง แต่ก็ควรที่จะดื่มน้ำอุ่นบ่อย ๆ ค่ะ  เจ็บคอ เพราะทอนซิลอักเสบ  – ทอนซิลอักเสบ นี้จะทำให้เกิดการอักเสบในลำคอ  ลำคอภายในจะเกิดอาการบวม แดง และอาจมีหนองร่วมด้วย […]

เมื่อคุณมีอาการเจ็บคอควรดื่มน้ำเย็นหรือน้ำอุ่น ??? Read More »

ผู้ที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง

ผู้ที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง 

ในปัจจุบันมีผู้ป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงค่อนข้างมาก และมีแนวโน้มว่าจะสูงขึ้นเรื่อยๆ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุ ที่สำคัญพอเป็นโรคนี้แล้ว ผู้ป่วยมักจะเกิดอาการแทรกซ้อนของโรคอื่นขึ้นได้ อาทิเช่น โรคหัวใจขาดเลือด, โรคหลอดเลือดสมอง, เส้นเลือดในสมองโป่งพอง เป็นต้น สำหรับผู้ที่มีแนวโน้มว่าจะมีโอกาสป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้นั้น จะได้แก่  1. ผู้ที่มีประวัติบุคคลในครอบครัวป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง หรือจะพูดได้ว่าโรคความดันโลหิตสูงเป็นโรคหนึ่งที่เกิดจากพันธุกรรม   2. ผู้สูงอายุ เพราะเมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆ ของคนเราจะเริ่มเสื่อสภาพ รวมไปถึงหัวใจจะสูบฉีดเลือดไปเลี้ยงส่วนต่างๆ ได้ไม่ดีพอ ก็มีส่วนทำให้เราเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้เช่นเดียวกัน ในปัจจุบันจะพบผู้ที่เริ่มป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงจะมีอายุระหว่าง 40-50 ปี  3. อาการเครียด ถ้าคุณเป็นคนที่ค่อนข้างเครียดอยู่เสมอๆ จะส่งผลทำให้ร่างกายทำงานได้อย่างไม่เป็นปกติ และเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง  4. เพศหญิงมีโอกาสเป็นโรคความดันโลหิตสูงมากกว่าเพศชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งในวัยหมดประจำเดือน  5. ความอ้วน เนื่องจากความอ้วนทำให้เกิดการการจับตัวของไขมันตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย รวมไปถึงหลอดเลือดทำให้ระบบไหลเวียนของกระแสเลือดไม่ดี  6. การบริโภคอาหารที่มีรสชาติเค็มจัดอยู่เสมอ ก็มีโอกาสทำให้เมื่ออายุมากขึ้นเกิดป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูงได้  แนวทางการรักษา  หากพบว่าป่วยเป็นโรคนี้ แพทย์จะให้กินยาเพื่อช่วยควบคุมระดับความดันของเลือดให้เป็นปกติ ผู้ป่วยควรรับประทานยาตามแพทย์สั่งอย่างเคร่งครัด และตรงต่อเวลา นอกจากนี้ควรมาพบแพทย์ตรงตามนัดหมาย และหลีกเลี่ยงสาเหตุที่อาจจะทำให้ความดันสูงขึ้น โดยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน ไม่ว่าจะเป็น ทานอาหารให้ตรงต่อเวลา และครบตามหลักโภชนาการ 5 หมู่ นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย

ผู้ที่มีโอกาสป่วยเป็นโรคความดันโลหิตสูง  Read More »

สาเหตุทั่วไปของโรคปอดบวม

สาเหตุทั่วไปของโรคปอดบวม

โรคปอดบวมจะเกิดในกรณีที่ปอดเกิดการติดเชื้อไวรัสหรือเชื้อแบรทีเรีย ซึ่งสาเหตุสำคัญจะมาจากเชื้อราและพยาธิ ในช่วงที่เราเกิดอาการของโรคปอดบวมจะทำให้เกิดมีหนองหรือมีสารน้ำบางอย่างเกิดขึ้นในถุงลม ซึ่งทำให้ปอดไม่สามารถได้รับออกซิเจนอย่างเต็มที่ จึงเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้ร่างกายขาดออกซิเจน ซึ่งอาจมีผลทำให้ผู้ป่วยถึงแก่เสียชีวิตได้ สำหรับสาเหตุที่ทำให้ร่างกายเกิดการติดเชื้อและกลายเป็นโรคปอดบวมนั้น ส่วนมากจะมีสาเหตุมาจาก สาเหตุของโรค 1. ร่างกายมีภูมิต้านทานโรคต่างๆ น้อยลง เช่น ในผู้สูงอายุ เมื่อเราอายุเริ่มมากขึ้นสมรรถภาพของร่างกายจะเริ่มเสื่อมลง รวมไปถึงระบบภูมิคุ้มกันก็ด้วยเช่นกัน นอกจากนี้การขาดสารอาหารก็มีส่วนสำคัญดังนั้นเราจึงควรทานอาหารให้ครบหลักห้าหมู่ เพื่อให้ร่างกายได้รับสารอาหารอย่างพอเพียงต่อความต้องการ และในผู้ป่วยโรคเบาหวานก็มีความเสี่ยงในการเกิดโรคได้เช่นกัน  2. เกิดการอักเสบและติดเชื้อไวรัสในระบบการหายใจของร่างกาย และส่งผลให้เกิดอาการของโรคปอดบวมตามมา  3. เกิดจาการสำลักไม่ว่าจะเป็นน้ำ น้ำลาย หรืออาหาร ที่เรารับประทานข้าวไป อาจทำให้สิ่งที่ติดเชื้อต่างๆ กระจายเข้าสู่ปอดได้ 4. เกิดการจากการเกิดอักเสบเรื้อรังของหลอดลมเป็นเวลานาน และไม่ได้ทำการรักษาหรือทำการรักษาแบบไม่ถูกวิธี ทำให้อาการลุกลามไปยังปอด อาการทั่วไปของโรคปอดบวม  1. เริ่มต้นผู้ป่วยมักจะมีอาการไอ จาม  มีน้ำมูกไหล และมีอาการคัดจมูก ไม่สบายเนื้อสบายตัวคล้ายกับอาการของหวัด  2. ในบางรายอาจมีไข้สูง และมีอาการหนาวสั่น แต่บางรายอาจไม่แสดงอาการ ซึ่งส่วนใหญ่จะเป็นในช่วงแรกๆ ทำให้อาจคิดไม่ถึงว่าเรากำลังป่วยเป็นโรคปอดบวม  3. หายใจไม่สะดวก ออกแนวขัดๆ ไม่โล่ง และมีอาการเหนื่อยหอบร่วมด้วย   4. มีอาการเจ็บที่บริเวณหน้าอก และตำแหน่งที่รู้สึกเจ็บนั้นจะเป็นตำแหน่งเดียวกับที่เกิดการอักเสบ  5.

สาเหตุทั่วไปของโรคปอดบวม Read More »

เรื่องหน้ารู้เกี่ยวกับหนังตากระตุก

เรื่องหน้ารู้เกี่ยวกับหนังตากระตุก

หลายท่านคงเคยรู้สึกเวลาที่ หนังตากระตุก หรือก็คือช่วงบริเวณเปลือกตามีอาการขยับตัวเกิดขึ้น บางท่านอาจเรียกว่าการเขม่น โดยบริเวณนั้นจะมีการเขยื้อนตัวไปมาของกล้ามเนื้อ ซึ่งอาการแต่ละคนอาจแตกต่างกันออกไปขึ้นอยู่กับความรุนแรง เช่น เกิดเป็นครั้งคราวแล้วหายไปเอง แต่บางคนอาจเกิดขึ้นเป็นระยะๆ ตลอดทั้งวัน รวมทั้งผู้ที่มีอาการแบบถาวร ใครเป็นแบบหลังอาจทำให้เกิดความรู้สึกรำคาญในการใช้ชีวิตประจำวัน เพราะมีส่วนทำให้คุณขาดสมาธิในการทำงานหรือการเรียน ใครกำลังเป็นอยู่ลองมาดูสาเหตุและแนวทางในการรักษากันดีกว่าค่ะ  สาเหตุของอาการ อาการนี้จะเกิดจากการที่ประสาท ส่งสัญญาณมากระตุ้น ที่บริเวณกล้ามเนื้อของเปลือกตา มากกว่าปกติ สำหรับสาเหตุจะแตกต่างกันไป อาทิเช่น การรับอุบัติเหตุบริเวณใกล้ๆ กับประสาทตา หรือเกิดจากการที่ร่างกายได้รับสิ่งกระตุ้น ไม่ว่าจะเป็น การดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนอย่างพวก กาแฟ ชา น้ำอัดลม รวมไปถึงเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ หรือแม้แต่ความเครียด การทำงานหนัก การนอนไม่หลับ รวมทั้งผู้ที่นอนดึกเป็นประจำ นอกจากยังพบว่าการสูบบุหรี่ ก็เป็นต้นเหตุที่ทำให้เกิดอาการหนังตากระตุกได้เช่นเดียวกัน ทราบสาเหตุคร่าวๆ กันไปแล้ว มาดูแนวทางในการรักษากันต่อได้เลย  แนวทางการรักษา  สำหรับวิธีการรักษา คุณหมอจะดูจากสาเหตุที่เกิดขึ้น เช่น ถ้าเกิดจากการประสบอุบัติเหตุ อาจจะทำการฉีดยาเพื่อช่วยคลายกล้ามเนื้อ ที่บริเวณเปลือกตา รวมไปถึงการให้ยารับประทาน แต่สำหรับผู้ที่มีอาการกระตุกที่เกิดจากการดื่มเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน หรือแอลกอฮอล์ และผู้ที่เกิดจากความเครียด เพียงแค่คุณหยุดสิ่งกระตุ้นหรือสิ่งเร้าต่างๆ ที่เป็นสาเหตุ อาการก็จะหายไปได้เอง โดยเฉพาะผู้ที่ต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์เกือบตลอดเวลา หรืออ่านหนังสือนานๆ

เรื่องหน้ารู้เกี่ยวกับหนังตากระตุก Read More »

อาการทั่วไปของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

อาการทั่วไปของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ

โรคกระเพาะอาหารอักเสบจะเกิดจากหลายสาเหตุ แต่ส่วนมากแล้วจะมาจากพฤติกรรมในการบริโภคอาหารของผู้ป่วย ที่ไม่ถูกสุขลักษณะนัก รวมไปถึงการรับประทานอาหารไม่เป็นเวลาจึงเป็นสาเหตุของการเกิดโรคกระเพาะ สำหรับอาการจะได้แก่  1. มีอาการปวดจุกเสียดและแน่นที่บริเวณช่องท้องหรือบริเวณลิ้นปี่ โดยอาการมักจะเกิดขึ้นในช่วงที่ท้องว่างหรือรู้สึกหิว และจะมีอาการดังกล่าวเกือบตลอดทั้งวัน  2. อาการต่างๆ มักเป็นๆ หายๆ บางครั้งผู้ป่วยอาจจะรู้สึกปวดท้องในช่วง 1-2 สัปดาห์ แล้วอาการก็จะหายไปเป็นเดือน และกลับมาเป็นอีกครั้ง ทำให้ในช่วงแรกผู้ป่วยอาจจะไม่แน่ใจนักว่าตัวเองกำลังเป็นโรคกระเพาะ  3. มักจะรู้สึกปวดแน่นที่ช่องท้องในเวลากลางคืนหรือขณะนอนหลับ จนทำให้ผู้ป่วยอาจจะตื่นขึ้นในช่วงกลางดึก เพราะมีการปวดท้องได้  4. มีอาการปวดท้องมากขึ้นเมื่อรับประทานอาหารที่มีรสจัด เช่น รสเผ็ดจัด เปรี้ยวจัด เป็นต้น  5. อาการปวดท้องจะทุเลาลงได้บ้างเมื่อรับประทานยาลดกรด ยาเคลือบกระเพาะอาหาร หรือหลังรับประทานอาหาร  สาเหตุของโรค สำหรับโรคนี้จะเกิดจากหลายสาเหตุ อาทิเช่น รับประทานอาหารไม่เป็นเวลา ทานอาหารที่มีรสจัดอยู่เสมอ หรืออาการที่เป็นกรด เพราะจะทำให้กระเพราะอาหารเกิดอาการระคายเคืองได้ และเมื่อทานเป็นประจำจึงเกิดการอักเสบ รวมไปถึงการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์และคาเฟอีนเป็นประจำก็ส่งผลให้เกิดการอักเสบได้เช่นกัน นอกจากนี้ความเครียดก็เป็นสาเหตุหนึ่ง หากคุณมีอาการเครียดเกิดขึ้นร่างกายจะหลั่งสารชนิดหนึ่งที่ส่งผลให้อวัยวะภายในทำงานผิดปกติ และยังไปกระตุ้นให้เซลล์ในกระเพราะอาหารหลั่งกรดออกมาอีกด้วย และอาจเกิดจากการประสบอุบัติเหตุที่บริเวณช่องทอง รวมไปถึงการกินยาต้านการอักเสบบางชนิดเป็นประจำก็ส่งผลต่อกระเพาะอาหารด้วยเช่นกัน แนวทางในการรักษา ถ้าสงสัยว่าตัวเองมีอาการต่างๆ ข้างต้น ควรไปพบแพทย์ โดยถ้าวินิจฉัยว่าคุณกำลังป่วยเป็นโรคกระเพาะอักเสบ แพทย์จะจ่ายยา ผู้ป่วยควรกินยาตามแพทย์สั่ง และงดอาหารที่มีรสจัดรวมไปถึงประเภทเป็นกรด

อาการทั่วไปของโรคกระเพาะอาหารอักเสบ Read More »

วิธีถนอมสายตาสำหรับผู้ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์

วิธีถนอมสายตาสำหรับผู้ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์

การทำงานในปัจจุบันหลายคนจำเป็นต้องนั่งอยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์เป็นเวลานานๆ บางคนอาจนั่งตลอด 8 ชั่วโมง หรือมากไปกว่านั้น ซึ่งบอกได้เลยว่าการทำในลักษณะนี้เมื่อทำเป็นประจำจะส่งต่อสายตาอย่างแน่นอน ดังนั้นเราควรหาวิธีป้องกันเอาไว้ก่อน อย่างเช่นวิธีต่อไปนี้ 1. ควรพักสายตาจากจอคอมพิวเตอร์บ้าง ให้ได้ประมาณ 5 นาทีต่อชั่วโมง เพื่อเป็นการช่วยลดการเพ่งของสายตา วิธีนี้ช่วยคลายการปวดเมื่อยล้า ของกล้ามเนื้อรอบดวงตาได้เป็นอย่างดี  2. ควรตั้งจอคอมพิวเตอร์ไม่ให้ด้านหลังมีแสงสว่างมากเกินไป เพราะจะเป็นการรบกวนการมองจอคอมพิวเตอร์ เช่น ไม่ควรตั้งตรงกับหน้าต่างที่แสงแดดสาดเข้ามามากเกินไป 3. เวลานั่งควรให้ศีรษะของผู้ใช้อยู่สูงกว่าจอคอมพิวเตอร์เล็กน้อย เพื่อจะได้ไม่ต้องเงยหน้ามองจอคอมพิวเตอร์ เพราะจะทำให้เกิดการเมื่อยล้าได้ง่าย 4. ถ้ามีอาการตาแห้ง และรู้สึกแสบ รวมไปถึงมีอาการเคืองตาร่วมด้วย ให้ละสายตาจากหน้าจอแล้วกะพริบตาถี่ๆ วิธีนี้จะช่วยให้น้ำตาเข้ามาเคลือบที่ผิวตาและลดอาการแห้ง หรืออาจใช้วิธีพักการใช้คอมพิวเตอร์เป็นระยะๆ ถ้าอาการยังไม่ดีขึ้น และมีอาการมาก การใช้น้ำตาเทียมหยอดตาจะช่วยบรรเทาอาการได้ 5. อาการปวดเมื่อยล้าตาอาจเกิดจากปัญหาเกี่ยวกับสายตา เช่น ผู้ที่มีสายตาเอียง หรือมีอายุมากกว่า 40 ปีขึ้นไป ซึ่งจะมีปัญหาเวลามองในที่ใกล้ ถ้ามีปัญหาทางสายตาการใส่แว่นตาจะช่วยแก้ปัญหาได้ แต่ถ้าคิดว่าเกิดจากปัญหาทางสายตาควรปรึกษาแพทย์ ไม่ควรเลือกซื้อแว่นตามาใส่เอง  6. เลือกใช้จอคอมพิวเตอร์ที่มีคุณสมบัติในการช่วยถนอมสายตา เพราะจอประเภทนี้จะกระจายรังสีต่ำ ปัจจุบันมีให้เลือกใช้ได้หลายยี่ห้อ และจะมีการระบุสรรพคุณเอาไว้ ก่อนซื้อลองอ่านรายละเอียดต่างๆ กันก่อน ก็จะช่วยถนอมสายตาของคุณได้ดีขึ้น 7.

วิธีถนอมสายตาสำหรับผู้ทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ Read More »

วิธีฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยที่ความจำเสื่อม

วิธีฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยที่ความจำเสื่อม

เมื่อคนที่คุณรักเกิดความจำเสื่อมจากอุบัติเหตุ การผ่าตัดสมอง หรือโรคประจำตัวก็แล้วแต่ คุณสามารถช่วยฟื้นฟูความทรงจำของเขาให้กลับมาทีละนิดได้ แม้ว่าผู้ป่วยบางรายจะความจำเสื่อมและเมื่อคุณฟื้นฟูแล้วเขาจำเขาจะไม่กลับมา แต่อย่างน้อยก็ยังสามารถทำให้เขารู้ได้ว่าก่อนหน้านี้คุณกับเขาสนิทกันมากแค่ไหน ตัวตนเขาเป็นอย่างไร มีเรื่องราวใดในชีวิตที่น่าจดจำบ้าง เพราะผู้ป่วยความจำเสื่อมหลายคนที่จำอะไรไม่ได้มักจะเกิดความรู้สึกว้าเหว่และเดียวดาย การฟื้นฟูจึงไม่ใช่แค่การทำให้เขาได้รับความทรงจำ แต่ยังทำให้เขาได้รับความรักมาเติมเต็มความว่างเปล่าได้ด้วย วันนี้เราก็จะพาทุกคนมารู้จักวิธีฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยที่ความจำเสื่อมกัน ฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยโดยพาไปทำกิจกรรมสนุกสนาน เมื่อผู้ป่วยที่ความจำเสื่อมได้มีโอกาสไปเที่ยวตามสถานที่ต่าง ๆ ที่ดูจะแปลกใหม่สำหรับเขาทุกอย่างจะทำให้เขารู้สึกมีความสุข ไม่เหงาหรือว้าเหว่ รวมถึงได้สร้างความทรงจำดี เริ่มต้นใหม่กับคุณและคนรอบตัวที่เคยรู้จักกับเขาด้วย การที่ปล่อยให้เขาอยู่เฉย ๆ และแค่พูดคุยกันไม่สามารถทำให้เขาจดจำอะไรขึ้นมาได้มากเท่าไหร่หรอก อีกทั้งยังทำให้เขาอยากจะจดจำความทรงจำเก่า ๆ ให้ได้จนร่างกายอาจแย่กว่าเดิม จะดีกว่าไหมหากพวกคุณจะพาเขาไปทำกิจกรรมสนุกสนานร่วมกันและรู้จักกันมากขึ้น เช่น ไปสวนสนุก ไปเที่ยวต่างจังหวัด ไปเลี้ยงฉลองปาร์ตี้เล็ก ๆ เป็นต้น ฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยพาไปรำลึกสิ่งรอบตัวเดิม ๆ การพาผู้ป่วยความจำเสื่อมกลับไปยังสถานที่ที่เขาเคยอยู่หรือพาไปดูสิ่งต่าง ๆ ที่มีความสำคัญกับผู้ป่วยจะทำให้สมองเขาสามารถเห็นภาพเก่า ๆ ปรากฏขึ้นมาได้บ้าง ไม่ว่าจะเป็นการพาไปยังสถานที่เก่า ๆ พร้อมอธิบายว่าสำคัญกับเขาอย่างไรหรือดูอัลบั้มภาพที่ผู้ป่วยเคยลงก็สามารถช่วยได้ จะทำให้เขารู้สึกมีความสุขและเข้าใจตัวเองมากขึ้นด้วย ฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยโดยให้พักผ่อนเยอะ ๆ นอกจากการพาผู้ป่วยความจำเสื่อมไปทำกิจกรรม Outing สนุกสนานกับคนรอบข้างที่เคยรู้จักเพื่อสร้างความทรงจำดี ๆ และพาหวนรำลึกถึงภาพเก่า ๆ แล้ว การเปิดโอกาสให้ผู้ป่วยได้พักผ่อนก็เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างยิ่งเพราะเขาควรได้รับการพักฟื้นตรงเวลา การนอนหลับและมีคุณอยู่ข้าง ๆ

วิธีฟื้นฟูความทรงจำของผู้ป่วยที่ความจำเสื่อม Read More »

การวินิจฉัยโรคและแนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโต

การวินิจฉัยโรคและแนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโต

เป็นอาการผิดปกติที่พบได้ในเพศชายที่มีอายุช่วงวัยกลางคน หรืออายุตั้งแต่ 40 ปี ขึ้นไป โดยสถิติพบว่าเพศชายที่มีอายุระหว่าง 40-60 ปี จะพบอาการต่อมลูกหมากโตถึง 50 % และผู้ที่มีอายุมากกว่า 80 ปี สามารถพบได้ถึง 90 % เลยทีเดียว อาการต่อมลูกหมากโตจึงจัดเป็นปัญหาสุขภาพของคุณผู้ชาย ที่ก่อให้เกิดความรำคาญ หงุดหงิดในการดำเนินชีวิตประจำวัน และถ้ามีอาการรุนแรงขึ้นก็อาจจะเกิดมีอาการแทรกซ้อนต่างๆ ตามมา แนวทางการรักษาก็มีตั้งแบบรับประทานยาแผนปัจจุบัน ใช้สมุนไพรรักษา และวิธีการผ่าตัด ซึ่งพอสรุปได้ดังนี้  การวินิจฉัยอาการต่อมลูกหมากโต   1. คุณหมอจะทำการตรวจอาการทางทวารหนัก เพื่อดูว่าต่อมลูกหมากมีขนาดโตกว่าปกติหรือไม่ โดยใช้วิธีการคล้ำ การส่องกล้อง หรืออาจจะใช้การตรวจด้วยเครื่องอัลตร้าซาวด์ 2. เจาะเลือด เพื่อนำเลือดไปตรวจหาค่ามะเร็งต่อมลูกหมาก เพราะอาการต่อลูกหมากโต กับอาการของโรคมะเร็งต่อมลูกหมากในระยะเริ่มแรกจะมีอาการคล้ายคลึงกัน เพราะถ้าเป็นมะเร็งแล้วยาบางประเภท จะไม่สามารถใช้รักษาผู้ป่วยได้  แนวทางการรักษาโรคต่อมลูกหมากโต 1. เริ่มจากการเฝ้าดูอาการ จะใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยพึ่งเป็นอาการเริ่มต้น หรือยังมีอาการไม่มากและยังไม่มีอาการแทรกซ้อน การเฝ้าดูอาการจะดูว่าต่อมลูกหมากกระทบต่อสุขภาพของผู้ป่วยหรือยัง แล้วจึงหาแนวทางในการรักษาต่อไป  2. ใช้ยาแผนปัจจุบันในการรักษาโรค  วิธีนี้เหมาะสำหรับผู้ป่วยที่มีอาการอยู่ในระยะปานกลาง และต้องมั่นใจด้วยว่าไม่ใช่อาการของมะเร็งต่อมลูกหมาก  3. รักษาด้วยวิธีผ่าตัด วิธีนี้จะใช้ก็ต่อเมื่อผู้ป่วยมีอาการรุนแรงและเกิดอาการแทรกซ้อน

การวินิจฉัยโรคและแนวทางการรักษาต่อมลูกหมากโต Read More »

โรคฮิตที่มักเกิดกับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ

โรคฮิตที่มักเกิดกับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ 

ชาวออฟฟิศหรือหนุ่มสาววัยทำงานที่จะต้องนั่งทำงานกันตลอดทั้งวัน และมักจะต้องทำอะไรหลายๆ อย่างแข่งขันกับเวลา ทำให้คุณละเลยในการดูแลเอาใจใส่ตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องอาหารการกิน การออกกำลังกาย หรือแม้แต่การพักผ่อน ซึ่งเป็นสาเหตุที่อาจจะทำให้คุณเกิดเจ็บป่วย และสำหรับโรคที่มักพบกันได้บ่อยๆ จะได้แก่  1. โรคเครียด  พบมากในวัยทำงานที่มีอายุตั้งแต่ 30 ปี ขึ้นไป เพราะเป็นช่วงอายุที่เริ่มมีตำแหน่งหน้าที่การงานที่สูงขึ้น ทำให้มีความรับผิดชอบมากขึ้น และมักจะพบว่าทำงานหนักมากขึ้นด้วย จึงเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคเครียด สำหรับใครที่อยู่ในช่วงวัยนี้และไม่อยากให้ตัวเองเกิดเป็นโรคเครียดสะสมซึ่งอาจจะเป็นสาเหตุของโรคต่างๆ อีกหลายชนิด ให้คุณปฏิบัติตัวดังนี้ เมื่อมีอาการเครียดเกิดขึ้นให้หาทางผ่อนคลาย เช่นทำกิจกรรมที่ตัวเองชอบ ไม่ว่าจะเป็น ฟังเพลง หรืออ่านหนังสือ เป็นต้น และในช่วงวันหยุดก็ควรหาเวลาไปพักผ่อนหรือท่องเที่ยวตามต่างจังหวัดเพื่อเป็นการผ่อนคลายกันบ้าง  2. อาการผิดปกติของกล้ามเนื้อ วัยทำงานส่วนใหญ่ในปัจจุบันมักจะต้องนั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์กันเป็นเวลานาน ทำให้เกิดปัญหาปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อไม่ว่าจะเป็น ปวดเบ้าตา ปวดหลัง ปวดแขน ขา และปวดตามข้อ วิธีป้องกันก็คือในแต่ละชั่วโมงให้เราลุกเดินเปลี่ยนอิริยาบถกันบ้าง และละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ทุกๆ 10 นาที โดยมองออกไปที่อื่น โดยเฉพาะที่ที่มีสีเขียวของต้นไม้ใบหญ้าจะดีมาก จะเป็นการช่วยถนอมสายตาของคุณได้เป็นอย่างดี  3. โรคกระเพาะปัสสาวะอักเสบ  มักจะเกิดขึ้นกับสาวทำงานทั้งหลายที่นั่งทำงานจนเพลินและไม่ค่อยอยากจะลุกไปเข้าห้องน้ำเมื่อเกิดปวดปัสสาวะขึ้นมา รวมทั้งมักจะดื่มน้ำในปริมาณน้อย แต่ถ้าอยากห่างไกลโรคนี้คุณจะต้องไม่อั้นปัสสาวะและควรดื่มน้ำให้ได้อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว  4. โรคอ้วน 

โรคฮิตที่มักเกิดกับหนุ่มสาวชาวออฟฟิศ  Read More »