ประโยชน์ของการอบอุ่นร่างกายก่อนออกกำลังกาย

ไขมันหน้าท้อง จัดเป็นไขมันส่วนเกินที่สาวๆทุกคนไม่อยากมี แต่ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้องนี้เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่ากำจัดออกไปได้ยากมาก หากไม่ดูแลรักษาหุ่นตั้งแต่ต้น ปล่อยไขมันให้สะสมมากขึ้น ไขมันบริเวณนี้จะกำจัดออกได้ยากกว่าบริเวณอื่น วันนี้เราจึงมีวิธีในการลดไขมันส่วนเกินหน้าท้อง หรือ ลดพุงมาฝาก แต่จะมีวิธีใดบ้างนั้นไปติดตามกันได้เลย วิธีการลดพุงแบบได้ผล วิธีในการลดหน้าท้อง หรือ ลดพุงอย่างได้ผลเริ่มจากการเดินเร็วก่อนการทานอาหาร โดยเฉพาะอาหารเช้า การออกกำลังกายโดยการเดินเร็วยามเช้านั้นจะเป็นประโยชน์ต่อร่างกายอย่างมาก การเดินเร็วก่อนทานอาหารนั้นจะช่วยให้ระบบการเผาผลาญในร่างกายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น แสงแดดยามเช้าจะช่วยให้ร่างกายคุณได้รับวิตามินและสดชื่น มากยิ่งขึ้น อีกทั้งยังสามารถช่วยเพิ่มความแข็งแรงให้กับหัวใจและหลอดเลือดได้ การทานไข่ถือเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดไขมันส่วนเกินหน้าท้องได้เป็นอย่างดี เพราะในไข่นั้นอุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย โดยเฉพาะ Choline ที่จะมีคุณสมบัติไปช่วยลดการสะสมของไขมันบริเวณตับได้อีกด้วย ผลไม้สีแดงเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ในการลดไขมันได้ดีกว่าผลไม้สีเขียว โดยเฉพาะไขมันบริเวณหน้าท้องผลไม้สีแดงจะสามารถช่วยลดการสะสมได้เป็นอย่างดี เช่น แอปเปิ้ลสีแดง องุ่นแดง เป็นต้น ซึ่งการทานผลไม้นั้นนอกจากจะช่วยลดไขมันส่วนเกินได้แล้วยังช่วยให้ร่างกายได้รับวิตามินอย่างเพียงพอ ส่งผลให้ผิวสวยใส จากภายในสู่ภายนอกอีกด้วย อะโวคาโด เป็นอีกหนึ่งผลไม้ที่สาวสายเฮลตี้เลือกทานกัน อโวคาโด เป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย  ประกอบไปด้วยไขมันไม่อิ่มตัวที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพ อโวคาโดเป็นผลไม้ที่ทานแล้วจะช่วยให้สาวๆหิวน้อยลง ระบบขับถ่ายทำงานดีขึ้น 5. น้ำผลไม้ก็มีส่วนช่วยในการลดพุงได้เช่นกัน โดยเฉพาะน้ำผลไม้ที่มีรสเปรี้ยวอมหวาน เช่น น้ำส้ม เกรปฟรุ๊ต น้ำมะนาวเป็นต้น  น้ำผลไม้เหล่านี้มีสารต้านอนุมูลอิสระ ที่จะช่วยขับสารพิษออกจากร่างกายได้เป็นอย่างดี จึงมีส่วนช่วยในการลดไขมันบริเวณหน้าท้องของสาวๆได้อย่างมีประสิทธิภาพ วิธีเหล่านี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่เรานำมาฝากเพื่อนๆกัน ซึ่งวิธีเหล่านี้มีส่วนช่วยลดพุงได้อย่างมีประสิทธิภาพ หากเพื่อนๆ คนไหนกำลังประสบกับปัญหาหน้าท้องยื่น […]

โดยเฉลี่ยแล้วผู้ชายมีอายุที่สั้นกว่าผู้หญิง เนื่องจากผู้ชายให้ความสนใจด้านสุขภาพน้อยกว่า ในขณะเดียวกันก็มีพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่มีความเสี่ยงกับการทำลายสุขภาพอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นการดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ ใช้ชีวิตโลดโผน และไม่คิดที่จะให้คำวามสำคัญกับการตรวจสุขภาพมากเท่าไหร่ และนี่เป็นสาเหตุว่าโรคอันตรายต่าง ๆ มีโอกาสเกิดขึ้นกับผู้ชายได้มากกว่ากว่าผู้หญิง มีโรคอะไรบ้างมาติดตามอ่านไปพร้อม ๆ กัน โรคที่พบได้บ่อย ในผู้ชายวัยกลางคนขึ้นไป                   1. โรคต่อมลูกหมากโต เป็นความผิดปกติของระบบขับถ่ายปัสสาวะ เกิดจากภาวะต่อมลูกหมากมีขนาดใหญ่ผิดปกติ และไปเบียดกับท่อปัสสาวะให้ตีบและแคบลง ทำให้ปัสสาวะลำบาก ไม่สุด อั้นไว้ไม่ได้ ปัสสาวะบ่อยและต้องลุกมาเข้าห้องน้ำในตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังรู้สึกเจ็บปวดขณะถ่ายปัสสาวะ และอาจจะมีเลือดปนมาด้วย                   2. ฮอร์โมนเพศลดต่ำ ทำให้รู้สึกด้านทางเพศลดลง แข็งตัวไม่เต็มที่ อสุจิมีจำนวนน้อย หน้าอกโต แต่กล้ามเนื้อลีบ ไขมันมีมากขึ้น อารมณ์แปรปรวนง่าย หงุดหงิด ไม่กระฉับกระเฉง สมองทำงานอย่างไม่เต็มประสิทธิภาพ ขาดความมั่นใจ นอนไม่หลับ บางรายอาจจะเป็นโรคซึมเศร้าเกิดขึ้นด้วย ซึ่งเกิดจากร่างกายสร้างฮอร์โมนเทสโทสเตอโรน หรือฮอร์โมนเพศชายได้น้อยลง อาจ็นผลจากการที่ลูกอัณฑะเกิดการบาดเจ็บและติดเชื้อ หรืออาจจะมีความผิดปกติอื่นเกิดขึ้น เช่น เนื้องอกในต่อมใต้สมอง โรคเกี่ยวกับระบบต่าง ๆ เช่น โรคเอดส์ โรคตับ และไตเรื้อรัง

อาการอุดอัด แน่นท้อง ท้องผูกท้องเฟ้อ กรดเกิน อาหารไม่ย่อย ผายลมบ่อย ๆ หรือถ่ายลำบาก ถ่ายยาก ย่อมเกิดขึ้นได้กับทุกคนทุกเพศทุกวัย หากปล่อยให้มีอาการเหล่านี้เกิดขึ้นเรื้อรัง และนานเกินไปอาจจะทำให้เกิดโรคต่าง ๆ ตามมาได้ เช่น โรคริดสีดวงทวาร มะเร็งต่าง ๆ เป็นต้น ดังนั้นควรเลือกทานอหารประเภทผักผลไม้ที่มีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ ก็จะช่วยให้รู้สึกสบายท้อง ห่างไกลจากอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดี มีผักผลไม้อะไรบ้างมาตามไปทานด้วยกัน ผักและผลไม้ที่ช่วยเรื่องการขับถ่าย มีไฟเบอร์สูง                   1. ผักกาดขาว นอกจากจะมีไฟเบอร์สูง ยังมีน้ำอุ้มอยู่ภายในเป็นจำนวนมาก ที่ช่วยให้กากอาหารนุ่มลง จึงส่งผลต่อระบบขับถ่ายของเราเป็นอย่างดี แก้อาการท้องผูก หากใครที่ขับถ่ายยากไม่เป็นปกติ รับประทานผักกาดขาวก็จะช่วยได้เป็นอย่างดีทีเดียว                   2. ตำลึง ปริมาณ 100 กรัม จะมีใยอาหารประมาณ 2.08 กรัม ที่ช่วยในการกระตุ้นการขับถ่ายทำให้อุจจาระนิ่มลง ป้องกันท้องผูก และช่วยป้องกันไม่ให้เกิดโรคมะเร็งในระบบทางเดินอาหารของร่างกายได้เป็นอย่างดี นอกจากนี้ยังป้องกันมะเร็งในส่วนอื่น ๆ อีกด้วย เช่น ลำไส้ กระเพาะอาหาร เป็นต้น

ดวงตานั้นเป็นอวัยวะที่สำคัญมากในร่างกาย ต้องได้รับการดูแลและใส่ใจเป็นพิเศษ แต่ปัจจุบันนี้ก็มีโรคที่เกี่ยวข้องกับตาไม่น้อยเลยทีเดียว ไม่ว่าจะเป็น  ต้อหิน ต้อกระจก หรือรวมไปถึงโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย เช่นโรคตาแดง โรคตากุ้งยิง เป็นต้น ซึ่งโรคเหล่านี้ล้วนแล้วแต่มีความเสี่ยงที่อาจจำทำให้เราสูญเสียดวงตาของเราไปได้ทั้งนั้น โรคตากุ้งยิงก็เป็นอีกโรคหนึ่งที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ที่จะทำให้ตาของเราอักเสบบวมแดงและเป็นหนองเกิดขึ้น จำเป็นต้องได้รับการรักษาที่ถูกวิธี สาเหตุของ โรคตากุ้งยิง ตากุ้งยิง เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบ การติดเชื้อของแบคทีเรีย Staphylococcus sp. ทำให้บริเวณเปลือกตาอักเสบ บวมแดง เป็นตุ่มหนองเกิดขึ้น ซึ่งสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในตาและนอกตา โรคตากุ้งยิงถือเป็นโรคที่ไม่ร้ายแรงอะไรมากนัก หากไม่เกิดภาวะแทรกซ้อนอะไร อาการก็สามารถหายไปเองได้ ภายใน 2-3 วัน อาการของ โรคตากุ้งยิง เปลือกตาอักเสบ บวม แดง มีตุ่มนูนคล้ายเม็ดสิวเกิดขึ้นได้ทั้งภายในและภายนอกเปลือกตา ดวงตามีมีสีแดง เกิดความรู้สึกเจ็บ ปวด มีหนองบริเวณที่อักเสบ มีน้ำตาไหลร่วมด้วย โดยโรคตากุ้งยิง นั้นสามารถเกิดขึ้นได้ทั้งภายในและภายนอกเปลือกตา หากเกิดที่บริเวณภายนอกเปลือกตา อาการอักเสบนั้นจะรุนแรงกว่าภายใน อาจเกิดเป็นตุ่มหนอง สร้างความเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อไปสัมผัสโดน พบมากบริเวณที่เป็นรูขุมขนของเปลือกตา หากเป็นภายในเปลือกตา ส่วนมากจะพบเพียงแค่ตุ่มนูนเกิดขึ้นเท่านั้นจะเจ็บปวดน้อยกว่าภายนอก เกิดจากการอุดตันและติดเชื้อของต่อม ไมโบเมียน ที่ทำหน้าที่ ผลิตไขมันเหลว

          อาหารที่อุดมไปด้วยมีเนื้อแดงและเนื้อสัตว์แปรรูป เมล็ดพืชขัดสี และเครื่องดื่มชนิดหวาน ซึ่งเกี่ยวข้องกับการอักเสบภายในร่างกายนั้น สามารถเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้เมื่อเทียบกับอาหารต้านการอักเสบทั้งนี้เป็นผลการศึกษาที่ตีพิมพ์ในวารสารวิทยาลัยโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา และมีความสอดคล้องกับการศึกษาถึงผลดีของการรับประทานวอลนัทซึ่งเป็นอาหารต้านการอักเสบจะช่วยลดการอักเสบและความเสี่ยงโรคหัวใจ มีข้อมูลที่ยืนยันว่าการอักเสบอย่างเรื้อรังมีบทบาทสําคัญในการเกิดโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง ทั้งนี้ สิ่งบ่งชี้การอักเสบทางชีวภาพเช่น อินเตอร์ลูกินส์  คีโมกินส์ และโมเลกุลยึดเกาะ มักพบในภาวะผนังหลอดเลือดแดงแข็งตัว ทั้งระยะต้นและปลาย การศึกษาก่อนหน้านี้ระบุว่าอาหารมีอิทธิพลต่อระดับการอักเสบ โดยมีอาหารเพื่อสุขภาพบางชนิดเช่นอาหารเมดิเตอร์เรเนียน (ซึ่งอุดมไปด้วยน้ำมันมะกอก  นัท ธัญพืชทั้งเมล็ด ผลไม้ และผัก  ประกอบกับการบริโภคอาหารทะเล  แล้วรับประทานนมและเนื้อแดงน้อย) ที่มีสิ่งบ่งชี้การอักเสบทางชีวภาพในระดับต่ำ และจะมีความเสี่ยงโรคหัวใจต่ำ แต่ทว่ามีการวิจัยน้อยมากที่มุ่งเน้นไปที่ว่าการติดตามการรับประทานอาหารที่ชักนำการอักเสบในระยะยาว เพื่อพิจารณาความเกี่ยวข้องกับอัตราการเพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง การศึกษาในระยะยาวเกี่ยวกับความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง          ในการศึกษา  นักวิจัยใช้บุคคลเพศชายและหญิงที่มีข้อมูลสุขภาพที่ติดตามผลนาน 32 ปี  จากนั้นตัดบุคลที่ข้อมูลอาหารขาดหายไปหรือป่วยเป็นโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง รวมถึงโรคมะเร็ง  จะเหลือจำนวนผู้เข้าร่วมมากกว่า 210,000 คน  โดยผู้เข้าร่วมจะถูกสํารวจทุก ๆ 4 ปีเพื่อตรวจสอบการบริโภคอาหาร   ทั้งนี้นักวิจัยได้พัฒนาค่าดัชนีอาหารเพื่อประเมินระดับการอักเสบที่เกี่ยวข้องกับการบริโภคอาหาร และพบว่า อาหารที่มีศักยภาพก่อการอักเสบที่สูงขึ้นนั้นเกี่ยวข้องกับอัตราที่เพิ่มขึ้นของโรคหัวใจและหลอดเลือด   ซึ่งผู้เข้าร่วมที่รับประทานอาหารชักนำให้เกิดการอักเสบมีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจสูงถึง 46% และ ความเสี่ยงต่อโรคหลอดเลือดสมองสูงขึ้น 28% เมื่อเทียบกับผู้ที่บริโภคอาหารต้านการอักเสบ อาหารแนะนำเพื่อลดความเสี่ยงโรคหัวใจและโรคหลอดเลือดสมอง

การลดความอ้วนนั้นมีหลากหลายวิธี มีทั้งได้ผลและไม่ได้ผล สำหรับเพื่อนๆคนไหนที่อยู่ในช่วงลดน้ำหนัก หากอยากลดน้ำหนักให้ได้ผล ต้องมีวิธีการลดที่ถูกต้อง เพื่อไม่ให้เกิดการโยโย่หรือมีอาการบวมเกิดขึ้นภายหลัง ซึ่งปัจจุบันนี้มีวิธีมากมายให้เลือกคุมน้ำหนักเพื่อหุ่นสวย ไม่ว่าจะเป็นการคุมอาหาร ทานผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ออกกำลังกาย หรือรมไปถึงการอดอาหารก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่สาวๆหลายๆคนเลือกใช้ ซึ่งเป็นวิธีที่ไม่ถูกต้องและอาจส่งผลเสียให้กับร่างกายของเราได้ วันนี้เราจึงมีวิธีลดความอ้วนให้ได้ผลโดยที่ไม่ต้องทรมานร่างกาย แถมได้หุ่นสวยคืนมาอีกด้วย เคล็ดไม่ลับวิธีลดความอ้วน การดื่มน้ำให้เพียงพอต่อความต้องการของร่างกาย เป็นอีกวิธีหนึ่งที่จะทำให้การคุมน้ำหนักของคุณนั้นได้ผลมากยิ่งขึ้น ทราบหรือไม่ว่าน้ำนั้นถือเป็นส่วนประกอบที่สำคัญของร่างกาย ช่วยให้ระบบการเผาผลาญของร่างกายนั้นทำงานได้เป็นปกติมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้น้ำยังมีประโยชน์ในการปรับสมดุลของร่างกายเราอีกด้วยช่วยปรับอุณหภูมิให้อยู่ในระดับที่ปกติ  นอกจากนี้น้ำยังเป็นตัวการสำคัญที่จะนำพาออกซิเจนไปหล่อเลี้ยงส่วนต่างๆของร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพอีกด้วย การควบคุมอาหารถือเป็นเรื่องสำคัญมากในการดำเนินชีวิตในแต่ละวัน เพราะทุกสิ่งทุกอย่างที่เราทานเข้าไปนั้นนั้นจะเป็นตัวกำหนดสุขภาพในอนาคตของเรา ดังนั้นควรเลือกทานแต่อาหารที่เป็นประโยชน์ เน้นกากใย ทานแต่อาหารที่ปรุงสุกสดใหม่ในทุกวัน งดอาหารรสจัดเช่น เค็มจัด เผ็ดจัด โดยเฉพาะหวานจัด จะนำมาโรคร้ายต่างๆมาในอนาคตได้อย่างแน่นอน งดอาหารที่ไมไขมันสูง เน้นทานต้ม นึ่ง แทนอาหารประเภททอด เพียงเลือกทานอาหารก็จะช่วยลดการสะสมไขมันส่วนเกินในร่างกายไปได้มากเลยทีเดียว การทานมังสวิรัติ ก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีประโยชน์ต่อร่างกายและสุขภาพของเราได้เป็นอย่างดี ใน 1 สัปดาห์ควรเลือกทานมังสวิรัติให้ได้ 1 วัน เพื่อให้ร่างกายได้ฟื้นฟูระบบขับถ่ายต่างๆให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น ออกกำลังกายสม่ำเสมอถือเป็นข้อที่สำคัญที่ขาดไม่ได้เลย และจะต้องออกให้ถูกต้องถูกวิธี ไม่หักโหมจนเกินไป ไม่เน้นการคาร์ดิโอแต่เพียงอย่างเดียว ต้องเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปด้วยพร้อมๆกัน เช่นการเล่นเวต เป็นต้น ส่วนใหญ่การลดน้ำหนักให้ได้ผลนั้นจะต้องออกกำลังกายแบบผสมผสาน หลากหลาย เพื่อให้ระบบต่างๆในร่างกายได้ฟื้นฟูและทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นหากอยากลดน้ำหนักให้ได้ผล

เวลาพูดถึงเทือกเขาแอนดิส ในทวีปอเมริกาใต้แล้ว  สิ่งแรกที่คนทั่วไปมักนึกถึงคือ ชาวอินคา แต่คงมีหลายคนยังไม่รู้ว่ายังมีพืชชนิดหนึ่งที่เป็นสุดยอดอาหารในพื้นที่นั้นเช่นกัน  นั่นคือ ควินัว พืชพื้นเมืองชนิดนี้ผลิตมากที่สุดในโบลีเวียและเปรู   แม้ว่าเมล็ดควินัวมีลักษณะคล้ายเมล็ดธัญพืช แต่ควินัวเป็นพืชในตระกูลที่ใกล้เคียงกับผักปวยเล้ง   ด้วยความที่ควินัวมีสารอาหารสำคัญประกอบอยู่มาก  ทางองค์การสหประชาชาติได้ประกาศให้ปี 2013 เป็น “ปีแห่งควินัว”   นอกจากนั้น ควินัวยังเป็นสุดยอดอาหารที่ทรงคุณค่าทางโภชนาการอันดับที่ 4 จาก 10 อันดับของอาหารที่มีอยู่บนโลกใบนี้ ซึ่งเรียงตามลำดับดังนี้  สวิสขาร์ด   อัลมอนต์ พริกหยวก ควินัว  ไข่ อโวคาโด โยเกิร์ต เกรฟฟรุต กระเทียม  และชาเขียว สารอาหารในควินัว ควินัวมีสารต้านอนุมูลอิสระเควอซิตินและเคมเฟอรอล จึงต้านการอักเสบ และต้านโรคติดเชื้อได้ดี ควินัวมีปริมาณโปรตีนสูงกว่าธัญพืชทั่วไป โดยเฉพาะกรดอะมิโนไลซีนและไอโซลิวซีนสูง รวมทั้งกรดอะมิโนจำเป็นถึง 8 ชนิด จึงจัดเป็นแหล่งอาหารโปรตีนที่สมบูรณ์แบบ  ควินัวมีใยอาหารสูงมากกว่าธัญพืชชนิดอื่น ถึง 2 เท่า ทำให้สามารถควบคุมระดับนํ้าตาลในเลือด ประกอบกับการมีค่าดัชนีความหวานตํ่า ทำให้ควินัวเป็นแหล่งคาร์โบไฮเดรตทางเลือกที่สำคัญสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน   ในควินัวยังประกอบไปด้วยวิตามินบี 2 ที่กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหารของร่างกายให้ปกติ ควินัวมีปริมาณแคลเซียมสูงเมื่อเทียบกับเมล็ดธัญพืชอื่นๆ วิธีรับประทานควินัว คนส่วนมากนำควินัวมาต้มให้สุก

ร่างกายของเราก็เหมือนเครื่องจักรที่มีการใช้งานอยู่ทุกวัน โดยเฉพาะในช่วงของวัยทำงานที่มีภาระต้องรับผิดชอบมากมาย ยิ่งสูงวัยขึ้นเรื่อย ๆ ร่างกายก็จะยิ่งเสื่อมสภาพลงเรื่อย ๆ เช่นกัน ทำให้โรคร้ายต่าง ๆ เริ่มถามเข้ามามากยิ่งขึ้น ยิ่งเข้าสู่วัยชรา การทำงานของฮอร์โมน และการซ่อมแซมส่วนต่าง ๆ ของร่างกายทั้งภายในและภายนอกก็จะช้าลง มาดูกันว่ายิ่งอายุมากขึ้นร่างกายจะเปลี่ยนแปลงยังไง อายุยิ่งมาก ร่างกายยิ่งเปลี่ยนแปลง                   1. ฮอร์โมนเพศผลิตน้อยลง หากเป็นผู้ชายจะเรียกว่าโรคเสื่อมสมรรถภาพทางเพศ สเปิร์มและไข่ไม่แข็งแรงทำให้การมีบุตรในช่วงนี้เป็นไปได้ยากขึ้นด้วย หากพบว่ามีผลต่อการใช้ชีวิตประจำวันควรพบแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ให้คำแนะนำวินิจฉัยรักษา                   2. การเผาผลาญพลังงานลดลง ทำให้เกิดโรคอ้วนได้ง่าย แม้ว่าจะทานอาหารในปริมาณเท่าเดิมก็ตาม                   3. มีความเสี่ยงเกิดโรคร้ายต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคมะเร็ง ดังนั้นเมื่อสูงวัยขึ้นควรตรวจสุขภาพเป็นประจำทุกปี และหมั่นสังเกตอาการต่าง ๆ ของร่างกายตัวเองที่เกิดขึ้นด้วย หากพบความผิดปกติควรรีบเข้าพบแพทย์ทันที                   4. การเปลี่ยนแปลงภายนอก เมื่ออายุเริ่มเข้าสู่ในช่วง 30-40 ปีขึ้นไป สิ่งที่ทุกคนต้องเจอคือสภาพของร่างกายที่เปลี่ยนไป เช่น พุงยืน ทรวดทรงต่าง ๆ เริ่มหย่อนยาน ผิวหนังเหี่ยวย่น