6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน อันตรายถึงชีวิต

6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน อันตรายถึงชีวิต วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือการโดยสารทางเครื่องบิน ซึ่งในปัจจุบันราคาก็ไม่สูงมากเท่ากับเมื่อก่อน เนื่องจากมีสายการบินขนาดเล็กมากมากมายให้เลือกใช้บริการ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกใช้การเดินทางเครื่องบินมากยิ่งขึ้น แต่หลายคนอาจจะมองข้ามในเรื่องของโรคประจำตัวหรืออาการต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายในระหว่างการเดินทาง และนี่คือ 6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน หากมีอาการหรือเป็นโรคเหล่านี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยไม่รู้ตัว

6 โรคประจำตัว ที่ห้ามเดินทางโดยเครื่องบิน

                  1. โรคหัวใจล้มเหลว หรือโรคหัวใจวายเรื้อรัง และโรคหัวใจขาดเลือด หากเป็นโรคนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หากการดำเนินชีวิตยังคงเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หรือหัวใจเต้นตามปกติ ในระยะ 1-2 เดือน เมื่อความจำเป็นต้องเดินทางยังพอทำได้ แต่หากมีอาการดังกล่าว ควรเว้นระยะหลังจากมีอาการเกิดขึ้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งทางสายการบินให้ได้รับทราบด้วย

                  2. โรคความดันโลหิตสูง หากพบว่าตัวเองมีความดันตัวบนเกิน 160 MMHG ควรเข้ารับการรักษาก่อนเดินทาง และเตรียมยารักษาโรคประจำตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เนื่องจากความกดอากาศภายในเครื่องบินอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

                  3. โรคลมชัก เมื่อเป็นโรคนี้รุนแรงถึงขั้นควบคุมอาการไม่ได้ หรือผู้ที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดสมองไม่ควรเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นอย่างยิ่ง หากมีความจำเป็นจริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำ เพราะบนเครื่องบินจะมีออกซิเจนเบาบาง ทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจน รวมถึงความอ่อนเพลีย ความวิตก อาจทำให้เกิดอากาศชักเกิดขึ้นได้ง่าย

happy traveler waiting for the flight in airport, departure terminal, immigration concept

                  4. โรคหูอักเสบเฉียบพลัน หรือไซนัส อากาศภายในเครื่องบินเบาบางกว่าปกติ รวมถึงความกดอากาศที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ป่วยปวดหู และอาการอื่น ๆ ยิ่งไปกระตุ้นโรคนี้ให้มีอาการมากยิ่งขึ้น

                  5. โรคทางจิตเวช หากเป็นรุนแรงจนไม่อาจจะควบคุมได้ ควรงดเดินทางโดยเครื่องบิน แต่กรณีที่มีการรักษาจนหายดีแล้ว ควรมีผู้ติดตามเฝ้าดูอาการไปด้วย นอกจากนี้ควรได้รับการรับรองจากแพทย์ว่าสามารถขึ้นเครื่องบินได้ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวผู้ป่วย และผู้โดยสารคนอื่น ๆ

                  6. โรคหอบหืด ผู้ที่เป็นโรคนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นโรคประจำตัวที่ห้ามบิน ในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์ และนำยารักษาโรคประจำตัวไปด้วย

สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องเดินทางโดยเครื่องบินของผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

              ผู้ป่วยที่เป็นโรคประจำตัวที่ห้ามบินแต่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรมีแพทย์ พยาบาล หรือญาติที่สามารถเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดร่วมเดินทางไปด้วย รวมถึงอาจต้องเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือยามฉุกเฉินเช่น ออกซิเจนบนเครื่อง เป็นต้น ดังนั้นการเตรียมตัวโดยเริ่มจากการวางแผนเดินทางให้ดี และแจ้งสายการบินทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน นอกจากนี้ควรขอใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าสามารถขึ้นเครื่องได้ และปฏิบัติตามกฎของสายการบินกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้ว่าจะมีใบรับรองแพทย์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่หรือนักบินมีสิทธิในการปฏิเสธไม่ให้ผู้ป่วยขึ้นเครื่องได้ ซึ่งกฎเหล่านี้มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายการบินกำหนด

              เมื่อเราป่วย หรือมีอาการที่ไม่สามารถโดยสารทางเครื่องบินได้ ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้งหากมีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง เนื่องจากโรคประจำตัวที่ห้ามบินเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเราเองและผู้ที่อื่นร่วมเดินทางด้วย ดังนั้นหากร่างกายไม่พร้อมควรงดการเดินทางหรือเลื่อนออกไปก่อน ในทุกครั้งควรมีผู้ติดตามและนำยาโรคประจำตัวไปด้วย นอกจากนี้ควรบอกทางสายการบินไว้ด้วยจะเป็นการดีที่สุด

เครดิตภาพ : tqm.co.th / wegointer.com

Youtube :

เปิดโรคต้องห้าม ขึ้นเครื่องบิน

#โรคประจำตัวที่ห้ามบิน #โรคที่เป็นแล้วห้ามบิน #รู้ทันโรค

10 ประโยชน์ของขมิ้น ที่ดีต่อสุขภาพภายนอกและบำรุงร่างกาย วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

10 ประโยชน์ของขมิ้น ที่ดีต่อสุขภาพภายนอกและบำรุงร่างกาย

ขมิ้น นับว่าเป็นสมุนไพรคู่ครัวของคนไทยมาอย่างช้านาน ซึ่งอุดมไปด้วยวิตามินรวมไปถึงแร่ธาตุต่าง ๆ มากมายหลายชนิด และนิยมมาใช้เป็นส่วนหนึ่งของอาหารเพราะว่ามีสีสันที่สวยงามและมีกลิ่นหอมของเครื่องเทศ นอกจากนี้ยังถูกจัดอยู่ในตำรับสมุนไพรไทยที่มีสรรพคุณช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ โดยองค์การเภสัชกรรมอีกด้วย มาดูกันว่าประโยชน์ของขมิ้นมีอะไรบ้าง มาตามอ่านกัน ประโยชน์ที่ไม่ควรมองข้าม ขมิ้นพืชสมุนไพรไทย                   1. ช่วยล้างพิษในตับ สรรพคุณที่สำคัญคือการช่วยล้างพิษสะสมในตับ เนื่องจากมีฤทธิ์ป้องกันไม่ให้ตับเกิดการอักเสบ ช่วยฟื้นฟูและบำรุงตับ ทำให้เป็นที่นิยมนำมาใช้เป็นสมุนไพรยาแผนโบราณในการช่วยพื้นฟูสุภาพและการล้างพิษออกจากตับ                   2. ช่วยรักษาอาการของโรคผิวหนังเรื้อรัง เช่น โรคผื่นคัน กลาก เกลื้อน ผิวหนังอักเสบเนื่องจากการแพ้ โดยคนไทยในสมัยโบราณจะใช้เหง้าของขมิ้นมาฝนและบดให้ละเอียด และนำมาทาบริเวณที่มีอาการคันเกิดขึ้น แต่ในปัจจุบันมีผงขมิ้นสำเร็จรูป นำมาผสมกับน้ำเปล่าหรือน้ำมะพร้าว ทาบริเวณที่มีอาการคันหรืออักเสบได้                   3. ช่วยแก้อาการท้องร่วง โดยนำขมิ้นมาล้างให้สะอาด ปอกเปลือกแล้วนำมาหั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ ตำให้ละเอียด ผสมกับน้ำเปล่าสะอาด คั้นให้ได้น้ำประมาณ 1 ถ้วยตวง จิบทานครั้งละประมาณ 2 ช้อนโต๊ะ จะช่วยให้เกิดความสมดุลของระบบขับถ่าย และระบบย่อยอาหารในร่างกายได้เป็นอย่างดี                   4. ช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ให้มีอาการดีขึ้นและเร็วขึ้น โดยนำขมิ้นหั่นไปผสมกับน้ำผึ้ง รับประทาน […]

10 ประโยชน์ของขมิ้น ที่ดีต่อสุขภาพภายนอกและบำรุงร่างกาย Read More »

เม็ดบัวเคี้ยวมันแถมมีประโยชน์ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

เม็ดบัวเคี้ยวมันแถมมีประโยชน์

ดอกบัว สำหรับคนไทย หลายคนนั้น มีความผูกพันกันมานานแล้ว คนไทยนิยมที่จะนำดอกบัวไปใช้ในงานต่าง ๆ ไม่ว่าจะเพื่อบูชาพระ งานประเพณีต่าง ๆ ที่เกี่ยวกับพุทธศาสนา  เม็ดบัว ก็สามารถนำเป็นหนึ่งในอาหารเพื่อสุขภาพ แบบนี้ก็เรียกได้ว่า บัว นั้นเป็นดอกไม้ไทยที่มีความงาม และสารพัดประโยนช์จริง ๆ นะคะ เมื่อได้เอยถึงเม็ดบัว วันนี้จึงนำเรื่องราวของเม็ดบัว ที่มีประโยชน์กับสุขภาพมาฝากคะ เม็ดบัว…มาจากไหน? “เม็ดบัว” หรือเรียกได้อีกอย่างหนึ่งว่า “ลูกบัว”  คือเม็ดที่อยู่ในหรือฝักของ “ดอกบัวหลวง” โดยจะมีลักษณะเป็นเม็ดกลม มีเนื้อด้านในเป็นสีขาวนวลๆ จะมีรสชาติ มันๆ หวาน ๆ และฝาดเล็กน้อย ถ้าดิบจะจืดหรือไม่ก็ออกหวานเล็กน้อย ความหวานที่ได้นั้นเป็นน้ำตาลที่อยู่ในเม็ดบัว น้ำตาลนี้จะเปลี่ยนเป็นแป้งเมื่อถูกย่อยในร่างกาย ตรงกลางจะมีไส้ เป็นเส้นเล็ก ๆ สีเขียวอ่อน ๆ อยู่ตรงกลาง เรียกว่า ดีบัว รสชาติดีบัวจะออกขม ๆ เล็กน้อย คุณค่าทางสารอาหารของ “เม็ดบัว” เม็ดบัว หรือ เมล็ดบัวนั้นที่มีคุณค่าทางอาหารพอ ๆ กับถั่วเลยที่เดียว

เม็ดบัวเคี้ยวมันแถมมีประโยชน์ Read More »

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ?

            หลายคนอาจจะเคยเห็นผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสภาพที่ร่างซูบหอมและผมร่วงจนต้องใส่หมวกปิดบังศีรษะของตัวเองที่ว่างเปล่านั้นไว้ สภาพของผู้ป่วยมะเร็งที่คุณเห็นกันไม่ได้มาจากโรคมะเร็งแต่อย่างใด แต่เป็นผลมาจากการทำคีโมซึ่งเป็นวิธีการรักษาเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น โดยที่ทุกคนที่เป็นโรคมะเร็งต้องได้รับการรักษาเบื้องต้นไปจนถึงระยะสำคัญด้วยวิธีการทำคีโมเป็นสำคัญ แต่คุณคิดว่าคีโมสามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? แน่นอนว่า “ไม่ใช่คำตอบของการรักษาโรคมะเร็งที่แท้จริง”…เพราะอะไรเรามาดูกัน คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งมีอาการแทรกซ้อนได้             คุณจะเห็นได้ว่าหลังจากที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับการทำคีโมแล้ว สภาพร่างกายของแต่ละคนก็จะเริ่มทรุดโทรมลงจากภาวะการปรับตัวของยาซึ่งจะมีการต้านเซลล์มะเร็งต่าง ๆ ในร่างกายของผู้ป่วย ด้วยฤทธิ์จากยาเคมีบำบัดคีโมนี้เองทำให้ฤทธิ์ของยาที่แรงมีการต่อต้านสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ในร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ชอบซึ่งไม่สามารถทำได้ เพราะจะส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ไปจนถึงการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่จะหยุดชะงักจากอาการข้างเคียงของยาทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลีย และบางรายก็มีอาการข้างเคียงอื่นตามมามากมายด้วย คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งเกิดโรคภายในอื่นที่กำเริบออกมาได้             การทำคีโมอาจส่งผลกระตุ้นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายมากมายออกมา นั่นย่อมรวมไปถึงโรคภายในที่เราไม่รู้มาก่อนซึ่งแฝงอยู่ในร่างกายทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งที่เวลานี้ได้รับยาคีโมแล้วไปส่งให้อาการของโรคที่แฝงกำเริบขึ้นมาเสมือน “เสือที่เพิ่งหลุดออกจากการจำศีล” ทำให้นอกจากเราจะต้องต่อสู้กับอาการข้างเคียงของยาคีโมแล้ว ยังจะต้องต่อสู้กับอาการของโรคภายในแฝงที่มาจู่โจมเล่นงานอีกด้วย คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งบรรเทาอาการได้ 60% เท่านั้น             แม้ว่าคีโมจะมีฤทธิ์ต่อต้านหรือทำลายเซลล์มะเร็งได้ แต่เซลล์มะเร็งนั้นย่อมสามารถเจริญเติบโตจนแตกตัวได้ตลอดเวลาและอาจเร็วกว่าที่ยาคีโมจะมีฤทธิ์ครอบคลุมถึง หากไม่ใช้การรักษาทำลายเซลล์ด้วยรังสีที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งให้ตายได้แบบถอนรากถอนโคน การรักษาด้วยคีโมก็ยังจะมีผลแค่เพียง 60% เท่านั้น แม้ว่าคีโมจะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ไม่หายสนิทและยิ่งทำร่างกายก็ยิ่งอ่อนแรงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ การรักษาด้วยคีโมในผู้ป่วยมะเร็งก็เป็นทางเลือกที่พร้อมที่สุดในประเทศไทยและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเหมือนการรักษาด้วยรังสีทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มาก เคมีบำบัด(คีโม) คืออะไร การรักษาและการดูแลตัวเองผู้ป่วยมะเร็ง รูปภาพประกอบ : Pixabay #คีโม #คีโมดีหรือไม่ดี #รู้จักคีโม

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? Read More »

รู้จักการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ เพื่อร่างกายและหัวใจ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

รู้จักการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ เพื่อร่างกายและหัวใจ

            การออกกำลังกายมีหลากหลายรูปแบบ แล้วแต่ว่าเราต้องการบริหารร่างกายส่วนไหน หรือมีจุดมุ่งหมายอะไร และวันนี้เราจะมาทำความรู้จักกับการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ (Cardio Exercise) ประโยชน์ของการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ             สำหรับประโยชน์ของการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอนั้นมีมากมาย ถ้าเราทำได้อย่างเหมาะสมและต่อเนื่องในระยะเวลาหนึ่ง โดยจะส่งผลทั้งทางร่างกายและจิตใจ            1. ช่วยลดน้ำหนัก โดยจะต้องมีการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอร่วมกับการควบคุมอาหาร             2. สร้างความแข็งแรงให้กับร่างกาย             3. เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส            4. ลดความเสี่ยงจากปัญหาสุขภาพร้ายแรง เช่น โรคหัวใจ, โรคอ้วน,โรคความดันโลหิตสูง, โรคเบาหวานชนิดที่สอง, โรคหลอดเลือดสมอง และโรคมะเร็งบางชนิด นอกจากนี้การออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ บางประเภท จะลดความเสี่ยงต่อการเป็นโรคกระดูกพรุนได้             5. ช่วยควบคุมอาการของโรคเรื้อรัง เช่น ควบคุมระดับความดันโลหิต, ลดระดับน้ำตาลในเลือด            6. ช่วยการทำงานของหัวใจ ทำให้หัวใจสูบฉีดได้ดีขึ้น และช่วยในเรื่องระบบไหลเวียนโลหิต            7. ช่วยลดคอเลสเตอรอล เมื่อกระตุ้นให้ร่างกายสร้างคอเลสเตอรอลดี ซึ่งจะไปลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดที่ไม่ดี ส่งผลให้โอกาสเป็นโรคเกี่ยวกับโรคหลอดเลือดหัวใจลดลง            8. ช่วยชะลอการเสื่อมสภาพของร่างกาย

รู้จักการออกกำลังกาย แบบคาร์ดิโอ เพื่อร่างกายและหัวใจ Read More »

“กล้วย” มีประโยชน์กับร่างกายมากกว่าที่คิด วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“กล้วย” มีประโยชน์กับร่างกายมากกว่าที่คิด

กล้วยเป็นผลไม้หนึ่งที่เรารู้จักและรับประทานกันเป็นประจำอย่างต่อเนื่อง ซึ่งกล้วยนั้นมีหลากหลายสายพันธุ์และหลากหลายรูปแบบ และวันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับกล้วยมาแนะนำกันหลายคนอาจจะชอบรับประทานกล้วย แต่อาจจะยังไม่ทราบว่าประโยชน์ของกล้วยนั้นมีอะไรบ้าง รวมไปถึงข้อควรระวังในการรับประทานกล้วย ซึ่งวันนี้เราได้นำเอาข้อมูลที่น่าสนใจเหล่านี้มาแนะนำการลองไปดูรายละเอียดก็เลยว่า กล้วย นั้นจะมีประโยชน์อย่างไรกันบ้าง ประโยชน์ของกล้วย กล้วยช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลได้ เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ที่มีกากใยอาหารสูง แถมยังมีการควบคุมระดับคอเลสเตอรอลไม่ให้สูงเกินไป จึงทำให้ผลไม้ชนิดนี้เป็นป่าไม้ที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเกี่ยวกับคอเลสเตอรอลได้เช่น โรคเบาหวาน โรคเกี่ยวกับความดันเลือด และโรคหัวใจได้ เป็นผลไม้ที่เหมาะที่สุดกับคนที่ต้องการลดน้ำหนัก ลงจากผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ที่มีคุณค่าทางสารอาหาร ที่ร่างกายต้องการในการใช้ในระหว่างวัน ทำให้การรับประทานผลไม้ชนิดนี้เพียงแค่อย่างเดียวเท่านั้น ก็จะสามารถทำให้คุณสามารถใช้ชีวิตในระหว่างวันได้อย่างสบายๆ การรับประทานกล้วยในการช่วยลด จึงบอกอย่างมากเพราะว่า นอกจากจะเป็นผลไม้ที่รับประทานแล้วอยู่ท้อง อิ่มท้อง และช่วยจัดการในเรื่องของความหิว  ช่วยควบคุมความดันโลหิตสูง เพราะโพแทสเซียมที่เป็นสารประกอบอยู่ในกล้วย จะช่วยให้ร่างกายขับโซเดียมออกมาทางปัสสาวะ จะส่งผลให้ความดันโลหิตลดลงไปด้วย  ช่วยลดอาการท้องเสีย  ด้วยกะยายที่อยู่ในกล้วยนั้น จะมีคาร์โบไฮเดตรที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงทำให้เอาจุลินทรีย์เหล่านั้น ขับถ่ายออกมาพร้อมกับกากใยของกล้วย กล้วยสามารถช่วยลดอาการท้องอืดท้องเฟ้อ น่าจะผลไม้ชนิดนี้มีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายไม่สามารถย่อยสลายได้ จึงทำให้เป็นแหล่งอาหารชั้นดีของจุลินทรีย์ ที่สามารถย่อยสลายหรือขับถ่ายออกมาได้อย่างรวดเร็ว จึงส่งผลไม่ให้ท้องอืดท้องเฟ้อได้นั่นเอง ข้อระวังในการรับประทานกล้วย เนื่องจากผลไม้ชนิดนี้เป็นผลไม้ที่มีน้ำตาล ที่สามารถนำไปใช้เป็นพลังงานในร่างกายได้ทันที จึงเหมาะมากสำหรับคนที่ชื่นชอบการออกกำลังกาย หรือคนที่ต้องการใช้พลังงานอย่างรวดเร็วอย่างนักกีฬา จึงเหมาะมากที่จะสามารถรับประทานผลไม้ชนิดนี้ไว้ชูกำลัง แต่สำหรับคนทั่วไปนั้นหากรับประทานผลไม้ชนิดนี้ ก่อนที่จะออกกำลังกายหรือใช้พลังงานในร่างกายไปบ้าง เพราะจะทำให้น้ำตาลหรือสารอาหารที่อยู่ในกล้วย เข้าไปสะสมในส่วนต่างๆของร่างกาย จึงทำให้คุณเป็นโรคอ้วนได้อย่างง่ายดาย   เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับกล้วยที่เรานำมาแนะนำกันในวันนี้เชื่อว่าหลายคนคงจะ ได้ประโยชน์เกี่ยวกับข้อมูลของกล้วยกันไปไม่น้อยเลยทีเดียว สำหรับ ใครที่มีปัญหาสุขภาพก็สามารถที่จะเลือกรับประทานกล้วยเพื่อที่จะช่วยบรรเทาปัญหาสุขภาพเหล่านั้นให้ลดลงได้

“กล้วย” มีประโยชน์กับร่างกายมากกว่าที่คิด Read More »

รู้หรือไม่!! หากจะวิดพื้นเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อต้องทำให้ถูกท่า วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

รู้หรือไม่!! หากจะวิดพื้นเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อต้องทำให้ถูกท่า

สำหรับท่าออกกำลังกายที่เป็นพื้นฐานที่สามารถเรียกเหงื่อให้เราได้เป็นอย่างดีต้องนึกถึงท่าวิดพื้น แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่าถ้าหากอยากวิดพื้นเพื่อให้ได้กล้ามเนื้อตรงจุดก็ต้องทำให้ถูกท่าซึ่งปรับเปลี่ยนจากท่าพื้นฐานเล็กน้อยเพียงเท่านั้น การปรับเปลี่ยนจากท่าวิดพื้นปกติ สำหรับการปรับเปลี่ยนแค่เล็กๆน้อยๆอย่างที่กล่าวไปข้างต้นเท่านั้นปกติเราจะวิดพื้นถ้าปกติทุกคนจะอยู่ในท่า Hand plan มือของเรานั้นจะต้องมาที่ระดับไหล่มือของเราจะต้องมีระยะห่างเท่ากับช่วงไหล่หรืออาจจะมากกว่าช่วงไหล่เล็กน้อยก็ได้ขาต้องตึงส่วนเท้าของเราจะกว้างประมาณช่วงไหล่และตั้งลำตัวให้ตรงหลังของเราจะต้องไม่เด็ดขาดหรือไม่โก่งจากนั้นทำการหายใจเข้าพร้อมกับกูจะต้องง้อข้อสอบและข้อสอบของเรานั้นจะต้องกลางประมาณ 45 องศาอีกด้วยจากนั้นทิ้งตัวลงไปไอ้โอมของเราไปกับพื้นจากนั้นค่อยหายใจออกและดันตัวขึ้นมาขณะที่เราเคลื่อนไหวอยู่นั้นหลังต้องตรงไม่แอ่นหรือไม่โกงเด็ดขาดฉันจะต้องตรง รู้หรือไม่ตำแหน่งมือที่วางมีผลต่อการทำงานของกล้ามเนื้อ อันดับแรกถ้าหากเราวางมือไว้อย่างปกติคือประมาณช่วงไหล่ของเราและทำให้ถูกถ้าจะช่วยในเรื่องของกล้ามเนื้อบริเวณหลังแขนและกล้ามเนื้ออก หากเราวางมือกว้างกว่าช่วงไหล่ของเราจะช่วยให้หลายด้านหน้าและหน้าแขนของเรานั้นทำงานมากขึ้นเล็กน้อยเท่านั้นและอกและหลังคาของเราจะทำงานได้น้อยกว่าการวางแขนไว้ที่ประมาณช่วงไหล่ หากเราวางมือแคบกว่าช่วงไหล่อกและแขนของเราจะทำงานได้ดีมากกว่าการวางมือไว้ที่ประมาณช่วงไหล่และกว้างกว่าช่วงไหล่ถึง 2 เท่าเลยทีเดียว ต่อมาคือวางมือต่ำตามขนาดระดับซี่โครงสำหรับการวางมืออย่างนี้จะทำงานได้มากแต่ตรงกันข้ามลำแขนจะทำงานได้น้อยลง ถ้าหากใครที่วางมือสูงๆซึ่งสูงกว่าระดับไหล่ของเราแต่ต้องเป็นเล็กน้อยเท่านั้นอกและแขนจะทำงานได้ดีกว่าการวางมือระดับปกติและบริเวณระดับไหล่ การวิดพื้นก็มีข้อห้าม สำหรับสิ่งที่ไม่ควรทำหรือข้อห้ามเวลาทำในการวิดพื้นนั้นมีอยู่ไม่กี่ข้อเพราะถ้าหากเราทำแล้วการวิดพื้นของเราก็จะสูญเปล่าไม่เป็นผลนั้นเองไปดูกันได้เลยว่ามีอะไรบ้าง อย่างแรกเลยคือเราจะไม่ก้นโด่งหรือจะไม่แอ่นท้องเด็ดขาดมันจะทำให้ประสิทธิภาพของการวิดพื้นลดลงไปอย่างมาก ต่อมาคือเราอยากรั้งแขนมากเกินไปถ้าอยากอังคารออก็ให้กางแขนออกเล็กน้อยก็พอเพราะถ้ากางแขนมากเกินไปเหมือนกับว่าเรานั้นไม่ได้ออกแรงแน่นอนว่าประสิทธิภาพในการวิดพื้นก็จะลดน้อยลง ต่อมาคือการที่เราเอาอกหักที่พื้นก็ไม่ควรทำมันจะช่วยผ่อนแรงของเราได้มากก็จริงแต่ก็จะให้ประสิทธิภาพในการยึดพื้นลดลงมากเช่นกัน เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับข้อมูลดีๆที่เรานำมาฝากในวันนี้ชื่อว่าหลายๆคนคงเคยออกกำลังกายวิธีการวิดพื้นแต่อย่าลืมดูว่าลักษณะการวิดพื้นของเรานั้นถูกหรือผิดถ้าหากผิดหรืออยากเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้มันถูกต้องทุกตำแหน่งที่เราต้องการเสริมสร้างก็อย่าลืมปรับเปลี่ยนถ้าให้มาเป็นท่าที่ถูกต้องถูกตำแหน่งเพื่อประสิทธิภาพในการวิดพื้นที่ดี Youtube : HOW TO: วิดพื้นให้ถูกวิธี แบบละเอียดมาก #วิดพื้นเพิ่มกล้ามเนื้อ #วิดพื้นถูกวิธี #ท่าวิดพื้นที่ถูกต้อง

รู้หรือไม่!! หากจะวิดพื้นเพื่อเพิ่มกล้ามเนื้อต้องทำให้ถูกท่า Read More »

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

            เบื่อหรือไม่กับการที่มีภาวะขากระตุกขณะนอนหลับมาเป็นอุปสรรคขัดขวางเวลาฝันดีของคุณในตอนกลางคืน เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเกิดภาวะนี้บ่อย ๆ จนเริ่มชาชิน แต่ก็รู้สึกรำคาญอยู่ดี แต่กับหลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่าภาวะขากระตุกขณะนอนหลับเป็นอย่างไร วันนี้เราจึงอยากจะมาอธิบายภาวะขากระตุกขณะนอนหลับให้ทุกคนได้รู้จักเพื่อที่จะหาทางแก้ไข เพราะแท้จริงแล้วมันอาจเป็นสัญญาณอันตรายมากกว่าที่คุณคิด ลักษณะของภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ             ภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ หรือ Periodic Limb Movement Disorder (PLMD) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อขาเกิดการกระตุกราวกับถูกไฟช็อตและอาจมีการเคลื่อนไหวที่ทำให้มีการผิดรูปผิดร่างเป็นบางช่วง เช่น นิ้วเท้าหงิกงอ ขาถูกสะบัดให้ยกขึ้นและลงน้ำหนักอย่างแรง เป็นต้น และผลก็คือทำให้สติที่กำลังง่วงของผู้ที่อยู่ในภาวะนี้เกิดสะดุ้งตื่นอย่างกะทันหันและหัวใจก็เต้นแรงแบบถี่ ๆ ในบางราย ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่อยู่ในช่วงร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่ค่อยดี หรือมีอาการเจ็บป่วยจนร่างกายเมื่อยล้า สาเหตุของภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ             ภาวะขากระตุกขณะนอนหลับเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขาเกิดการกระตุกซ้ำ ๆ เป็นจังหวะในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งมักเกิดตอนกลางคืน ระยะเวลามักจะมาในช่วง Non-Rem หรือช่วงที่จะสติของคนกำลังกึ่งหลับกึ่งตื้นจนถึงหลับลึก ซึ่งในช่วงนี้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานช้าลงต่างจากช่วงที่มีสติครบถ้วนและมีภาวะร่างกายที่แข็งแรง             ฟังดูแล้วภาวะขากระตุกขณะนอนหลับอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรงเพราะเกิดแค่ชั่วพริบตาแล้วก็หยุดไป แต่ไม่ใช่กับทุกคน เพราะมันยังสามารถเป็นหนึ่งในสัญญาณของโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่ผิดปกติและโรคร้ายอื่น ๆ ในระยะเริ่มต้นได้ เช่น โรคขาไม่อยู่สุข โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคหัวใจ โรคอัมพาต เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ หรือภาวะโลหิตจาง เป็นต้น ซึ่งหากเกิดติดต่อกันถี่ขึ้นเรื่อย

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน Read More »

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง

หลาย ๆ คนอาจมีอาการง่วงนอนตลอดเวลา พอตกตอนบ่ายเริ่มมีอาการตาปรือ อยากงีบ บางครั้งต้องลุกไปชงกาแฟสักแก้วเพื่อแก้งง่วง หากเกิดอาการแบบนี้นาน ๆ ครั้งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากมีอาการง่วงนอนทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็นเราต้องเช็คแล้วว่าเกิดจากอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบมักอาจเกิดจากพฤติกรรมการนอนดึก ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ และที่ร่างกายแสดงอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่ากำลังมีโรคร้ายแฝงเข้ามา ลองดูว่ามีโรคอะไรบ้างที่มักมากับการง่วงนอน ง่วงนอนบ่อย อาจมีโรคร้ายแฝง โดยไม่รู้ตัว                   1. โรคนอนไม่หลับ ตอนกลางคืนนอนไม่หลับส่งผลให้กลางวันจะมีอาการง่วงนอน หรือบางครั้งนอนดึก ๆ อาจมาจากการที่ต้องทำงานหนัก ทำงานเยอะ เกิดอาการกังวล และเครียดจนนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรผ่อนคลายจิตใจ ไม่ให้เกิดความเครียด ลดการทำงานในเวลากลางคืนลง แต่หากมีอาการเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์                   2. โรคอ่อนเพลียอ่อนล้าเรื้อรัง เมื่อนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจะสะสมความอ่อนเพลียเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีอาการเพลีย อ่อนล้า ง่วงนอน สมองทำงานไม่เต็มที่ส่งผลให้ความจำไม่ดี ปวดหัว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และนอนหลับไม่สนิท ซึ่งโรคนี้อาจเกิดจากการบริโภคประเภทแป้งและน้ำตาลมากจนเกินไปร่วมด้วย                   3. โรคเบาหวาน การทานแป้งและน้ำตาลในปริมาณมาก อาจทำให้ง่วงนอนเกิดขึ้นได้ นอกจากจะทำให้เป็นโรคอ่อนล้าเรื้อรังแล้ว อาจจะมีโรคเบาหวานตามมาอีกด้วย สาเหตุมาจากปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการง่วงนอนตลอดเวลาเป็นสัญญาณแรก ๆ

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง Read More »

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก

การควบคุมความสะอาดในเด็กๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในเด็กเล็กแล้วล่ะก็ ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะในวัยเรียนที่จะต้องมาอยู่รวมกันเป็นเวลานาน ปัจจุบันมีเชื้อไวรัสมากมายที่แพร่ระบาดในเมืองไทย และอีกโรคหนึ่งที่ร้ยแรงและน่ากลัวในเด็กเล็กก็คือ โรคระบาด เฮอร์แปงไจน่า แม่ๆคนไหนที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนควรศึกษาโรคระบาดนี้เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังบุตรหลานของท่านให้ห่างไกลจากโรคระบาดนี้ โรค เฮอร์แปงไจน่า มีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่สามารถควบคุมได้ยากในเด็กเล็ก โรคเฮอร์แปงไจน่า มีลักษณะเป็นตุ่มแผลพุพองในปากเด็ก ลักษณะอาการเดียวกับ โรค มือ เท้า ปาก ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่ได้รับทางอากาศได้ เช่น การไอ จาม จากเด็กที่ติดเชื้อ ไปสู่เด็กปกติ ก็สามารถลุกลามกลายเป็นโรค ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเด็กที่อยู่ในวัย 3-10 ขวบ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ อาการของโรค เฮอร์แปงไจน่า เด็กที่ติดเชื้อไวรัสโรคนี้จะมีอาการ เจ็บคออย่างรุนแรง ลักษณะคอแดง มีแผล ตุ่มใสๆ คล้ายร้อนใน ที่บริเวณเพดานปาก ลิ้นไก่ กระพุ้งแก้ม หรือรวมไปถึงโคนลิ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีไข้สูงอย่างเฉียบพลันอีกด้วย อาการถือว่ารุนแรงและทรมานพอสมควร วิธีการดูแลรักษาเด็กๆที่เป็นโรค เฮอร์แปงไจน่า โรคนี้ยังไม่มียาเฉพาะที่จะสามารถรักษาได้โดยตรง แต่จะใช้เป็นการดูแลตามอาการไป เช่น เช็ดตัว  ทานยาลดไข้เพื่อไม่ให้ไข้สูงเกินไป อาจใช้ยากแก้ปวดหากมีอาการ

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก Read More »