“มะระขี้นก” ผักสมุนไพรไทย ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

เป็นที่ทราบกันดีอยู่แล้วว่า ไขมันส่วนเกินบริเวณหน้าท้อง เป็นบริเวณที่ลดได้ยากมาก แต่สามารถเพิ่มและสะสมเกิดเป็นพุงน้อยๆได้อย่างง่ายดาย สำหรับสาวๆคนไหนที่อยากฟิตหุ่นสวย มีเอวที่คอด หน้าท้องที่แบนราบ นอกจากต้องหมั่นออกกำลังกายอย่างหนักเป็นประจำแล้วล่ะก็ อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปด้วยก็คือการควบคุมอาหาร ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เกิดไขมันส่วนเกินสะสมบริเวณหน้าท้องของเราได้อย่างง่ายดาย และที่สำคัญต้องมีวินัยในการทานอาหารเป็นอย่างมาก วันนี้เรามีเทคนิคการควบคุมอาหารลดพุงให้ได้ผลมาฝากกัน วิธีการลดพุง อาหารที่ควรทานและเหมาะสมสำหรับคนที่ควบคุมน้ำหนักอยู่ คือ อโวคาโด เรียกได้ว่าเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยวิตามินและสารอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย และที่อโวคาโดเป็นผลไม้ยอดฮิตสำหรับคนลดน้ำหนักเลย เพราะในอโวคาโดมีสาร เบตาซิโตสเตอรอล ที่มีส่วนช่วยในการดูดซึมคอเลสเตอรอลได้อย่างมีประสิทธิภาพ ยิ่งทานยิ่งได้ประโยชน์ นอกจากนี้ยังมีเส้นใยสูง ช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างปกติ ช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้เป็นอย่างดีเลยทีเดียว บล็อกโคลี่ อีกหนึ่งยอดผัก ที่เป็นเมนูขึ้นหิ้งของคนรักสุขภาพ บล็อกโคลี่เป็นผักที่มีเส้นใยสูง จึงทำให้ขับถ่ายได้เป็นปกติ ลดการสะสมของของเสียในลำไส้ ช่วยให้เราสุขภาพดีจากภายในสู้ภายนอก  ในบล็อกโคลี่เป็นแหล่งแคลเซียม ที่จะมีส่วนช่วยในการเผาผลาญแคลอรีในร่างกาย ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ดังนั้นการทานบล็อกโคลี่จึงสามารถช่วยลดความอ้วนได้เป็นอย่างดี เมล็ดพืชและถั่วก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งของคนรักสุขภาพ ไขมันน้อย อีกทั้งยังให้โปรตีนสูง มีคาร์โบไฮเดรตเชิงซ้อนที่มีคุณสมบัติช่วยควบคุมน้ำหนัก ลดไขมันส่วนเกินได้เป็นอย่างดี เมล็ดพืชหรือถั่วที่แนะนำ เช่น เมล็ดทานตะวัน เมล็ดฟักทอง มะม่วงหิมพานต์ ถั่วลิสงอบ เป็นต้น น้ำมันก็สามารถควบคุมน้ำหนักได้เช่นกัน โดยเน้นน้ำมันจากธรรมชาติ จะให้ประโยชน์สูงกว่า เช่น น้ำมันจากดอกคำฝอย น้ำมันชา น้ำมันดอกทานตะวัน […]

ปัจจุบันคนเราหันมาให้ความสนใจกับเรื่องของสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้นและที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือคนเราเริ่มหันมาปลูกผักและเลี้ยงสัตว์เพื่อรับประทานเอง เนื่องจากผักหรือเนื้อสัตว์ตามท้องตลาดจะมีสารเจือปนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นการปลูกผักรับประทานเองจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนในปัจจุบันเลือกทำ และวันนี้เราได้นำเอาผักพื้นบ้านที่สามารถหากินได้ง่ายแถมยังราคาถูกและสามารถปลูกเองได้มาแนะนำการลองไปดูกันเลยว่าจะมีอะไรกันบ้าง ผักพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีที่สุด   ผักหวานป่า เป็นอีกหนึ่งพืชที่เราสามารถหารับประทานได้ง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนมักจะมีผักหวานให้เราได้หารับประทาน สรรพคุณของผักชนิดนี้ก็คือ เป็นผักที่สามารถช่วยบำรุงสายตาและมีวิตามินเคที่ช่วยให้เลือดสามารถแข็งตัวได้อย่างรวดเร็ว ใครที่เกิดบาดแผลก็จะทำให้สามารถมีบาดแผลที่หายได้อย่างรวดเร็วเมื่อรับประทานผักชนิดนี้ ย่านาง อีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่สามารถหารับประทานได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด จะมีผักชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลดีให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมากโดย ย่านางเป็นผักที่ช่วยให้ผู้รับประทานนั้นมีสุขภาพที่ดี แถมยังมีคลอโรฟิลล์ที่สูงมากที่จะทำให้ร่างกายมีผิวพรรณที่ดี ช่วยชะลอความแก่ และสามารถลบริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย  ผักปัง อีกหนึ่งผักที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งมีเพียงผักมีกี่ชนิดเท่านั้นที่อุดมไปด้วยสารอาหารนี้ นอกจากนี้ผักปังจะมีวิตามิน a b และ c ที่ช่วยบำรุงผิวและสายตาที่ช่วยในการมองเห็น หากใครที่รับประทานผักปังเป็นประจำก็ยังช่วยป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย  ผักกูด อีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่หารับประทานได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือช่วงฤดูหนาว ผักกูดสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ด้วยสรรพคุณที่ช่วยบำรุงโลหิตและระบบไหลเวียนของเลือด ผู้ที่รับประทานผักกูดเป็นประจำจะมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่เจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆได้ง่ายๆ นอกจากนี้ผักกูดยังสามารถนำมาประยุกต์มาปรุงอาหารได้หลากหลาย ปัจจุบันอาหารที่อยู่ในระดับภัตตาคารก็นิยมนำเอาผักชนิดนี้มาขึ้นโต๊ะเช่นกัน  เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลผักพื้นบ้านที่สามารถหารับประทานได้ง่ายที่เรานำมาแนะนำกันนั้น นอกจากนี้แล้วใครที่ชื่นชอบก็สามารถที่จะปลูกเอาไว้ในบริเวณบ้านเพื่อเก็บรับประทานได้อย่างตามที่ต้องการเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วยังเป็นผักที่มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลอะไรที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกนั้นต้องติดตาม #ผักพื้นบ้าน #ผักสมุนไพร #สมุนไพรพื้นบ้าน

โรคมะเร็งถือเป็นอีกหนึ่งโรคที่ร้ายแรงและพรากชีวิตของคนไทยไปมากมายนับไม่ถ้วน โรคมะเร็งนั้นเกิดจากเซลล์ร่างกายที่มีความผิดปกติ พัฒนากลายไปเป็นโรคมะเร็ง ซึ่งสามารถพบได้ในทุกเพศทุกวัย และยังไม่มียาที่จะสามารถรักษาได้เฉพาะเจาะจง โรคมะเร็งนั้นสามารถพบได้หลากหลายบริเวณในร่างกาย แต่ในสำหรับเพศหญิงแล้วส่วนใหญ่ที่พบได้มากที่สุดคือโรคมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก และมะเร็งรังไข่ที่เป็นภัยใกล้ตัว และต้องใส่ใจดูแลเป็นพิเศษ ประเภทของ โรคมะเร็งรังไข่ โรคมะเร็งรังไข่นั้นสามารถแบ่งแยกได้ทั้งหมด 3 ชนิด ดังนี้  มะเร็งเยื่อบุผิวรังไข่ ถือเป็นกลุ่มที่สามารถพบได้มากที่สุด ร้อยละ 90 ของมะเร็งรังไข่ เนื่องจากเป็นจุดเริ่มต้นของเซลล์เยื่อบุผิวรังไข่ มะเร็งฟองไข่ พบมากในผู้หญิงที่อายุน้อยกว่า 20 ปี พบได้ร้อยละ 5-10 ของมะเร็งรังไข่ มะเร็งเนื้อรังไข่ บริเวณนี้เป็นจุดผลิตฮอร์โมนของเพศหญิง ซึ่งมีโอกาสพบได้น้อยที่สุด สาเหตุของการเกิด โรคมะเร็งรังไข่ สภาพแวดล้อมภายในที่อยู่อาศัย สามารถส่งผลให้เกิดเป็นโรคมะเร็งรังไข่ได้เช่น สารเคมี อาหารที่รับประทาน ผู้หญิงที่ไม่มีบุตร จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ได้มากกว่า ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติว่าเคยเป็นโรคมะเร็งมาแล้ว เช่น มะเร็งระบบทางเดินอาหาร มะเร็งเต้านม เป็นต้น จะมีโอกาสเกิดโรคมะเร็งรังไข่ได้มากกว่าคนทั่วไป โอกาสเสี่ยงที่จะทำให้เกิดโรคมะเร็งรังไข่ พันธุกรรม ผู้ป่วยที่ครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งจะมีโอกาสเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งรังไข่ได้มากกว่าคนทั่วไป อายุก็มีผล สำหรับผู้หญิงในวัยช่วง 55 ปี จะมีโอกาสเสี่ยงพบโรคมะเร็งรังไข่ ผู้ป่วยที่เคยมีประวัติเป็นโรคมะเร็งเต้านม

สำหรับสถานที่ออกกำลังกายนั้นมีมากมายหลายสถานที่ สำหรับสถานที่สุดฮิตที่ผู้คนนิยมไปกันคงไปพ้นฟิตเนสหรือพวกยิมต่างๆ เพราะมีอุปกรณ์เกี่ยวการออกกำลังกายที่หลากหลายหลาย อยากลดหรือเพิ่มสัดส่วนไหนก็สามารถใช้อุปกรณ์ช่วยเสริมได้ ฟิตเนสหรือยิมจึงเป็นที่ที่ได้รับความนิยมมาออกกำลังกายมากแต่สถานที่เหล่านี้เป็นสถานที่กึ่งสาธารณะมีผู้คนมากหน้าหลายตามาใช้ดังนั้น เราควรศึกษาเกี่ยวกับมารยาทพื้นฐานในการใช้ เพื่อจะได้ออกกำลังกายอย่างสงบสุข มารยาทพื้นฐานในการใช้ฟิตเนส เล่นอุปกรณ์เสร็จทุกครั้งต้องมีการเช็คเหงื่อ การออกกำลังกายทุกครั้งสิ่งที่ตามมานั่นก็คือซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ใช่สิ่งที่ผิดปกติแต่การที่เราเล่นอุปกรณ์ต่างๆเสร็จแล้วเราควรที่จะมีการทำความสะอาดอุปกรณ์ในการเช็ดเหงื่อของเราออกเพราะอุปกรณ์ทั้งหมดเป็นอุปกรณ์สาธารณะที่ผู้ใช้บริการสามารถมาเล่นได้ดังนั้นเราควรมีความรับผิดชอบเป็นของตนเองเพื่อสุขภาพอนามัยของตนเองและผู้อื่น การเข้าไปเล่นไม่ควรเด็ดขาดที่จะส่งเสียงดัง การเข้าไปนั้นเราไม่ควรที่จะจับกลุ่มคุยกับเพื่อนฝูงระหว่างออกกำลังกายจนเสียงดังมากเกินไปคุยได้แต่ให้เบาๆเพราะผู้ใช้บริการคนอื่นอาจจะไม่มีสมาธิในการเล่นนั่นเอง อุปกรณ์ทุกอย่างมีที่อยู่ สำหรับอุปกรณ์ที่ทางสถานที่เอาไว้ให้เราใช้บริการนั้นจะอยู่เป็นที่เสมอเวลาที่เราหยิบมาเล่นเราก็ควรที่จะเก็บไว้ที่เดิมวางให้ถูกที่ถูกตำแหน่งอุปกรณ์เกี่ยวกับการออกกำลังกายอะไรที่เราได้ประกอบขึ้นมาเล่นเองที่เป็นเมื่อออกกำลังกายเสร็จแล้วก็ควรถอดเก็บให้เรียบร้อย ใช้อุปกรณ์ให้ถูกต้องตามการใช้งาน ในการที่เราใช้อุปกรณ์ต่างๆในการออกกำลังกายนั้นเราควรที่จะศึกษาเกี่ยวกับวิธีใช้ให้รอบคอบและละเอียดเพราะถ้าหากเราใช้ผิดประเภทอุปกรณ์ออกกำลังกายอย่างนี้อาจจะเป็นอันตรายต่อเราก็ได้หรืออาจจะทำให้อุปกรณ์นั้นเสียหายหากใครไม่รู้วิธีใช้จริงๆอาจจะถามผู้ดูแลก็ได้ เล่นโซเชียลในที่เหมาะสม สำหรับการเล่นโทรศัพท์หรือใช้สื่อโซเชียลต่างๆในฟิตเนสถือว่าเห็นกันบ่อยครั้งแต่เราควรเลือกเล่นที่เหมาะสมเช่นไม่ควรไปยืนถ่ายรูปบนอุปกรณ์ที่ใช้ในการออกกำลังกายเพราะคนอื่นอาจจะกำลังอยากใช้อุปกรณ์นั้นอยู่ก็ได้แต่ต้องรอให้คุณมาถ่ายรูปก่อนซึ่งวันให้ผู้ที่ตั้งใจออกกำลังกายมาใช้ดีกว่าเราควรเล่นในที่ฟิตเนสยิมจัดไว้ให้เล่นเป็นพื้นที่สำหรับพักผ่อนนั่นเอง เป็นอย่างไรกันบ้างสำหรับความรู้ที่เรานำมาฝากในวันนี้หากให้ที่ชื่นชอบเข้ายิมหรือฟิตเนสควรที่ปฏิบัติตามเพื่อการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุขและสงบสุข วิดีโอเพิ่มเติม : #เตรียมตัวเข้าฟิตเนส #มารยาทในฟิตเนส #ออกกำลังกาย

 ในร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำมากกว่า 50-60 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการดื่มน้ำจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างมากต่อตัวเรา ทั้งในเรื่องของการช่วยขับสารพิษออกไปจากร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง ผิวพรรณชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และทำให้ดูอ่อนวัยอีกด้วย โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าก่อนเริ่มต้นวันใหม่ จะช่วยส่งผลดีเป็นอย่างมากต่อร่างกายของเรา มาดูกันว่าประโยชน์ของน้ำอุ่นให้ผลดีอะไรบ้าง ดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้ามีประโยชน์                   1. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี เพราะน้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นต่อมอาหารให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ช่วยย่อยอาหารคงค้างในกระเพาะ ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารใช้พลังงานน้อยและไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยลดกรดส่วนเกินออกไป รักษาความเป็นกลางของน้ำย่อยเอาไว้                   2. บรรเทาอาการท้องผูก อาการนี้เกิดขึ้นจากมีน้ำในลำไส้น้อยเกินไป การดื่มน้ำอุ่นขณะท้องว่าง จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนตัวลำไส้ให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังลดอาการท้องอืดได้อีกด้วย                    3. บรรเทาการเจ็บคอ อาการระคายเคืองคอที่พบได้ทุกเพศทุกวัยเกิดจากลำคอมีการติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ประโยชน์ของน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ทำให้รู้สึกโล่งสบายลำคอมากขึ้น นอกจากนี้ยังละลายเสมหะที่ข้นเหนียวได้ดี                   4. รักษาอาการคัดจมูก เพราะเข้าไปช่วยทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก ละลายเสมหะหรือน้ำมูกแล้วขับออกมา ทำให้โล่ง หายใจสะดวกขึ้น ไม่อึดอัด เป็นการลดโอกาสที่ร่างกายจะได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้                   5. ลดน้ำหนักส่วนเกิน สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การดื่มน้ำอุ่นจะให้ประโยชน์มากกว่าการดื่มน้ำเย็น เพราะช่วยเพิ่มอุณหภูมิกลางลำตัวของร่างกายให้สูงขึ้น

สมองเป็นอวัยวะที่มีความสำคัญที่สุด ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการควบคุมและสั่งการกระบวนการทำงานต่าง ๆ ของร่างกายให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไม่ว่าจะเป็นระบบการเคลื่อนไหว การเต้นของหัวใจ การหายใจเข้าออก การรับรู้ อารมณ์ ความรู้สึก เป็นต้น เพื่อให้เราสามารถดำเนินชีวิตประจำวันได้เป็นอย่างดี อีกทั้งสมองยังทำงานตลอดเวลาอีกด้วย ดังนั้นพฤติกรรมทำลายสมองเป็นสิ่งที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะอวัยวะส่วนนี้เมื่อเสียไปแล้วไม่สามารถหามาทดแทนใหม่ได้ พฤติกรรมที่ควรเลี่ยง เสี่ยงทำลายสมอง                   1. ไม่ค่อยทานอาหารเช้า เนื่องจากเป็นมื้อที่สำคัญของวันและมีความจำเป็นมากในการเริ่มต้นทำกิจกรรมต่าง ๆ ในระหว่างวัน ทำให้สารอาหารที่จำเป็นไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอ อีกทั้งยังเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคสมองเสื่อมได้                   2. ทานหวานจัด การทานอาหารและเครื่องดื่มที่มีรสชาติหวานมากจนเกินไป จะเข้าไปขัดขวางกระบวนการดูดซึมสารอาหารและโปรตีนที่สำคัญส่งผลต่อการพัฒนาสมอง หากทานบ่อย ๆ เป็นเวลานานอาจเพิ่มความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดเป็นโรคสมองเสื่อมได้ นอกจากนี้ยังเป็นสาเหตุของโรคเบาหวาน โรคอ้วน และโรคความดันโลหิตสูงอีกด้วย                   3. ทานอาหารแปรรูปบ่อย ๆ อาหารเหล่านี้มีส่วนผสมของน้ำตาล โซเดียม ไขมันอิ่มตัวและมีจำนวนแคลอรีจำนวนมาก เป็นพฤติกรรมทำลายสมองซึ่งส่งผลเสียโดยตรงต่อสุขภาพทำให้เกิดโรคต่าง ๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดัน และโรคอ้วน เป็นต้น นอกจากนี้ผลการวิจัยพบว่าอาจส่งผลต่อเนื้อเยื่อสมองเสื่อมด้วย                   4. สูบบุหรี่ สารนิโคติน

            ในชีวิตหลายคนน่าจะเคยเห็นคนรอบตัวบางคนที่อยู่ในวัยเด็กแต่กลับมีร่างกายและใบหน้าที่เหมือนคนแก่ จนอดสงสัยไม่ได้ว่าเหตุใดร่างกายของคนเหล่านี้จึงไม่ได้เติบโตตามอายุเลย วันนี้เราก็จะมาอธิบายเกี่ยวกับ “โรคคนแก่ในเด็ก” ให้คุณได้รู้กันเสียทีว่าสิ่งผิดปกติที่เกิดขึ้นกับร่างกายพวกเขามากจากอะไร? ทำความรู้จักกับ “โรคคนแก่ในเด็ก”             “โรคคนแก่ในเด็ก” หรือ “โรคโพรเจอเรีย” เป็นโรคที่แสดงความผิดปกติของเซลล์ร่างกายที่แก่ตัวเร็วกว่าปกติ พบได้เพียง 1 ใน 8 ล้านคน โดย 90% ของคนปกติ  โดยลักษณะของเด็กที่ป่วยเป็นโรคนี้จะเหมือนเด็กปกติใน 10 – 24 เดือนแรก หลังจากนั้นจะเริ่มมีการเจริญเติบโตช้ามาก รูปร่างแคระแกรน  เตี้ย น้ำหนักน้อย  แก่เร็ว  ผิวหนังเหี่ยวย่น และเหนื่อยง่าย สาเหตุที่ทำให้เกิด “โรคคนแก่ในเด็ก”             “โรคคนแก่ในเด็ก” หรือ “โรคโพรเจอเรีย” ยังไม่สามารถพบสาเหตุที่แท้จริงได้ จากการวิจัยพบว่าเกิดจากความผิดปกติที่เซลล์และยีนในร่างกายที่เสื่อมวัยกว่าปกติหลายเท่า แรกเกิดอาจเป็นเพียงเด็กที่มีน้ำหนักน้อยกว่าเกณฑ์ปกติเพียงเล็กน้อย แต่การเจริญเติบโต และพัฒนาการทางร่างกาย และสมองของเด็กจะเริ่มช้าลงมากตั้งแต่วัย 1-2 ขวบโดยอาจไม่ได้มีความเกี่ยวเนื่องจากพันธุกรรมของพ่อแม่ หรืออาจมีความเป็นไปได้ที่เด็กจะได้รับยีนส์หรือสารจากโรคทางพันธุกรรมมาจากคนในตระกูลทั้งทางตรงและทางอ้อมก็ได้ แต่พวกเขาอาจจะไม่ได้รับผลกระทบการแสดงของโรคที่ออกมาสู่ร่างกาย แต่มาปรากฏกับเด็กที่เป็นลูกหลานแทน วิธีรักษา “โรคคนแก่ในเด็ก”             “โรคคนแก่ในเด็ก” หรือ

อาหาร คือ สิ่งที่เราต้องรับประทานอยู่ในทุกๆวัน และแน่นอนว่าถ้าหากเราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็จะส่งผลดีต่อร่างกายของเราในทุกๆวันนั้นเอง และวันนี้เราได้นำเอาอีกหนึ่งอาหารที่มีความสำคัญต่อกระดูกของเรานั่นก็คือ แคลเซียมมาแนะนำกันซึ่งประโยชน์ของแคลเซียมจะช่วยทำให้กระดูกของเรามีความแข็งแรงมากขึ้น และวันนี้เราได้นำเอาข้อมูล เกี่ยวกับ แคลเซียมที่เราได้นำมาฝากกันลองไปดูกันซิว่าจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย เรื่องน่ารู้กับแคลเซียม ความสำคัญของแคลเซียม (Calcium) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระดูก โดยที่แคลเซียมเป็นสารอาหารที่จะเสริมให้กระดูกและฟันมีความแข็งแรง และยังสามารถช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต และยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแคลเซียมมีความสำคัญกับร่างกายเป็นอย่างมาก หากร่างกายขาดแคลเซียมจะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกได้  โดยปกติแล้วเราจะได้รับแคลเซียมผ่านการดื่มนม โดยได้รับมาตั้งแต่เด็ก ๆ และนอกจากนี้ยังสามารถได้รับจากการทานพืชผัก ต่าง ๆได้อีกด้วย เราสามารถได้รับแคลเซียมจากไหนได้บ้าง โดยปกติแล้วเราจะได้รับแคลเซียมได้ง่ายที่สุดจากการดื่มนม แต่ในการดื่มนมนี้สหรับบางคนที่มีอาการแพ้แลคโตสนั้นอาจจะไม่สามารถดื่มนมได้เหมือนปกติ แต่ก็สามารถได้รับแคลเซียมจากการทานพืชผักได้เหมือนกัน ตัวอย่างพืชที่มีสารแคลซียมด้วย ได้แก่ เมล็ดเจีย นอกจากมีแคลเซียมแล้วยังช่วยเรื่องการเผาผลาญด้วย  งานอกจากคลเซียมแล้วยังมีสารอาหารสังกะสีและทองแดงที่ช่วยบำรุงกระดูกได้ เช่นกัน ผลิตภัณฑ์จากนมถั่วเหลืองที่อุดมไปด้วยแคลเซียมจากธรรมชาติ  อัลมอลล์เต็มเมล็ด 1 ถ้วยให้แคลเซียมถึง 385 มิลลิกรัม ละยังมีไขมันดีอีก  เมล็ดทานตะวันควรเลือกทานชนิดดิบและไม่มีการปรุงเพิ่มแบบที่วางขายตามตลาดทัวไป  นมถั่วเหลืองในปริมาณ 1 ถ้วย มีแคลเซียมเทียบเท่ากับนมวัวเลยทีเดียว เต้าหู้ สาหร่ายทะเล 1 ถ้วยหรือประมาณ 80