ขั้นตอนในการจัดฟันเพื่อสุขภาพฟันที่ดี

xขั้นตอนในการจัดฟันเพื่อสุขภาพฟันที่ดี

ปัจจุบันเราจะพบเห็นคนทั่วไปนิยมจัดฟัน เพราะนอกจากจะเป็นในเรื่องของแฟชั่นแล้วการจัดฟันยังมีส่วนในการช่วยให้เรามีสุขภาพช่องปากที่ดีขึ้น และมีฟันที่แข็งแรงขึ้นได้ และยังช่วยให้การเคี้ยวอาหารดีขึ้นกว่าในช่วงที่ยังไม่ได้จัดฟัน โดยเฉพาะผู้ที่มีปัญหาต่างๆ เกี่ยวกับฟัน เช่น ฟันยื่น ฟันบนกับฟันล่างขบกันได้ไม่พอดี ฟันห่าง และฟันซ้อน เป็นต้น 

ขั้นตอนในการจัดฟัน 

1. ขั้นแรกทันตแพทย์จะตรวจลักษณะของฟัน สภาพการสบฟัน ใบหน้า และเอ็กซเรย์ฟันเพื่อดูโครงสร้างใบหน้า และขากรรไกร

2. จากนั้นทันตแพทย์จะทำการตรวจสุขภาพต่างๆ ของฟัน เช่น ฟันผุ ฟันคุด อุดฟัน การรักษารากฟัน ขูดหินปูน ตรวจสุขภาพของเหงือก และจะดูว่าจำเป็นต้องถอนฟันบ้างหรือไม่ การรักษาเหงือกและฟันจำเป็นจะต้องทำก่อนการจัดฟันเพื่อให้การจัดฟันมีประสิทธิภาพดี และหลังจากการจัดฟันแล้วจะช่วยทำให้เหงือกและฟันแข็งแรง  

3. หลังจากการรักษาเหงือกและฟันให้อยู่ในสภาพดีแล้วทันตแพทย์จะทำการติดเครื่องมือสำหรับการจัดฟัน ในช่วงแรกๆ อาจจะทำให้เรารู้สึกรำคาญ และอาจจะรู้สึกเจ็บบ้าง แต่หลังจากนั้นอาการต่างๆ จะค่อยๆ หายไปในระยะเวลาประมาณ 1-2 สัปดาห์ 

4. ระยะเวลาในการจัดฟันโดยปกติแล้วถ้าใช้เครื่องมือแบบติดแน่นจะใช้เวลาประมาณ 2 ปี แต่ระยะเวลาจะต้องขึ้นอยู่กับความรุนแรงและอาการที่เกิดขึ้นกับฟันของแต่ละคนประกอบกันด้วย นอกจากนี้การจัดฟันในผู้ใหญ่จะใช้เวลานานกว่าในเด็ก

ข้อดีในการจัดฟัน 

มีข้อดีหลายอย่าง เริ่มที่ความสวยงามกันก่อนนะคะ หลังจากจัดแล้วใบหน้าจะเรียวและได้รูปมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะใครที่มีฟันยื่นจะเห็นได้อย่างชัดเจน และคุณจะมีฟันที่เรียงกันเป็นระเบียบสวยงาม ทำให้ยิ้มได้อย่างมั่นใจมากยิ่งขึ้น สำหรับในเรื่องของสุขภาพแน่นอนเลยว่าสุขภาพของช่องปากและฟันจะดีขึ้นอย่างแน่นอน เพราะก่อนการดัด ทันตแพทย์จะทำการรักษาอาการผิดปกติต่างๆ กันก่อน ไม่ว่าจะเป็นอาการแหงือกอักเสบ ฟันพุ ฟันคุต และการขูดหินปูน เป็นต้น นอกจากนี้สำหรับใครที่เคยมีปัญหาในการเคี้ยวอาหาร การจัดฟันก็ช่วยคุณได้เช่นกันค่ะ 

ข้อเสียในการจัดฟัน

มีข้อดีแล้วก็ต้องมีข้อเสียกันบ้าง ที่เห็นได้ชัดก็คือในช่วงแรกจะค่อนข้างเจ็บ ทำให้เคี้ยวอาหารลำบาก และที่สำคัญที่สุดปัจจุบันยังมีราคาค่อนข้างแพง 

เป็นยังไงกันบ้างค่ะ ถ้าคุณเป็นคนหนึ่งที่อยากมีฟันสวยสุขภาพดี และหมดปัญหาในการเคี้ยวอาหาร รวมไปถึงการแก้ปัญหารูปหน้าในกรณีที่มีฟันยื่น การจัดฟันจะเป็นวิธีในการรักษาที่เหมาะสำหรับคุณ

เครดิตภาพ : hdmall.co.th

#สุขภาพช่องปาก #รักสุขภาพ #จัดฟัน

การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่

การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่

ไข้หวัดใหญ่จะมีความแตกต่างจากไข้หวัดธรรมดา เพราะจะมีความรุนแรงมากกว่า สำหรับเชื้อไวรัสที่เป็นสาเหตุของโรคจะเป็นเชื้อที่มีชื่อว่า ไวรัสอินฟลูเอนซา (influenza virus) โดยไวรัสตัวนี้จะถูกแยกออกเป็น 3 ชนิด ได้แก่ ชนิดเอ บี และซี และทั้งสามชนิดนี้ยังมีการแยกย่อยออกไปได้อีกหลายสายพันธุ์ แต่ที่พบระบาดมากที่สุดในบ้านเรา จะเป็นชนิดเอ แต่ก็ยังมีโอกาสในการกลายพันธุ์กันได้อีกด้วย และเมื่อเกิดการกลายพันธุ์ขึ้น อาการของโรคก็จะทวีความรุนแรงมากขึ้นตามไปด้วย โดยอาการอาจจะทำให้ผู้ป่วยถึงแก่เสียชีวิตได้ โรคนี้ยังเป็นโรคติดต่อชนิดหนึ่ง ที่ค่อนข้างจะติดง่าย โดยมีวิธีในการติดต่อของโรคดังนี้  การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่  โรคไข้หวัดใหญ่จะมีการติดต่อได้ง่ายทางลมหายใจ โดยเฉพาะจากคนสู่คน สำหรับวิธีการติดต่อจะได้แก่  – ติดต่อจากการไอหรือจามของผู้ป่วย สำหรับวิธีนี้เมื่อผู้ป่วยไอหรือจามโดยไม่มีการปิดปาก เชื้อไวรัสจะมาพร้อมกับละอองน้ำลายและเข้าไปสู่ผู้อื่นผ่านทางจมูก ปาก และเยื้อบุตา – ติดต่อจากการสัมผัสเสมหะของผู้ป่วย เช่น การดื่มน้ำแก้วเดียวกัน การรับประทานอาหารที่ไม่มีช้อนกลาง และการใช้สิ่งของร่วมกัน เช่น ผ้าเช็ดหน้า ผ้าเช็ดตัว และเสื้อผ้า เป็นต้น  – ติดต่อด้วยการที่เราไปสัมผัสสิ่งของที่มีการปนเปื้อนของเชื้อไวรัสอยู่แล้ว โดยการจับ หรือไปโดนโดยไม่ได้ตั้งใจ  วิธีการป้องกัน  สำหรับวิธีการป้องกันสามารถทำได้หลายวิธี แต่ควรทำอย่างสม่ำเสมอแม้ในช่วงที่ไม่มีการระบาดของโรค โดยสามารถทำได้ดังนี้  – รักษาสุขภาพร่างกายให้สมบูรณ์แข็งแรงอยู่เสมอ  – […]

การติดต่อของโรคไข้หวัดใหญ่ Read More »

สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร

สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร

โรคกระเพาะอาหารเกิดได้จากหลายสาเหตุ แต่ส่วนใหญ่แล้วจะเกิดขึ้นเนื่องจาก การที่ร่างกายของเรามีกรดในกระเพาะอาหารมากจนเกินไป  หรือในกรณีที่เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลาย จึงทำให้เราเกิดเป็นโรคกระเพาะอาหาร และสำหรับสาเหตุที่ทำให้เกิดอาการทั้งสองอย่างนี้จะได้แก่   1. โรคกระเพาะอาหารที่เกิดจากกรดในกระเพาะอาหาร สำหรับสาเหตุของการเกิดกรดในกระเพาะอาหารจะได้แก่  – การรับประทานอาหารที่ไม่เป็นเวลา  – เกิดจากความเครียด ความวิตกกังวล  – การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ เช่น เหล้า เบียร์ และยาดอง เป็นต้น  – การสูบบุหรี่เป็นประจำ  – การดื่มกาแฟ      2. โรคกระเพาะอาหารที่เกิดจากเยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลาย  เยื่อบุกระเพาะอาหารถูกทำลายมักจะเกิดมาจากสาเหตุดังต่อไปนี้  – การรับประทานยาบางชนิดเป็นประจำ และเป็นเวลานาน เช่น ยาชุดแอสไพริน ยาสเตียรอยด์ ยาแก้ปวด ยาลูกกลอนต่างๆ เป็นต้น  – การรับประทานอาหารที่มีรสชาติจัดจ้าน เช่น รสเผ็ดจัด หรือเปรี้ยวจัด เป็นต้น  – การดื่มเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์เป็นประจำ และเป็นเวลานาน เครื่องดื่มเหล่านี้จะมีกรดที่สามารถกัดกระเพาะได้ เช่น เหล้า เบี้ย และยาดอง เป็นต้น  สาเหตุต่างๆ

สาเหตุทั่วไปของการเกิดโรคกระเพาะอาหาร Read More »

อาการที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน

อาการที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน

สำหรับผู้ป่วยที่ป่วยเป็นโรคเบาหวานอาการในเริ่มแรกอาจจะสังเกตเห็นได้ไม่ชัดเจนนัก แต่พอเป็นไปสักระยะอาการต่างๆ จะเริ่มแสดงออกมากขึ้น จนเราสามารถสังเกตได้ โดยจะมีอาการต่างๆ ดังต่อไปนี้  อาการของโรคเบาหวาน  1. ผู้ป่วยจะปวดปัสสาวะบ่อยโดยเฉพาะในช่วงเวลากลางคืน เพราะร่างกายต้องการขับน้ำตาลออกจากกระแสเลือด น้ำตาลจึงถูกขับออกมาจากทางปัสสาวะ รวมทั้งถ้าใครปัสสาวะทิ้งไว้อาจจะเกิดมีมดมาตอมปัสสาวะได้  2. มีอาการกระหายน้ำอยู่ตลอดเวลา เพราะร่างกายขับน้ำตาลออกมาพร้อมปัสสาวะ ทำให้ร่างกายขาดน้ำ จึงทำให้รู้สึกกระหายน้ำเพื่อเป็นการทดแทนน้ำที่สูญเสียไป แต่ถึงทำการดื่มน้ำแล้วก็จะยังไม่รู้สึกว่าอาการกระหายน้ำจะดีขึ้น  3. ติดเชื่อตามผิวหนังได้ง่าย และมักเกิดเชื่อราตามผิวหนัง รวมทั้งบริเวณช่องคลอด สาเหตุจะมาจากร่างกายขาดน้ำและผิวหนังแห้งเป็นขุย ขาดความชุ่มชื่นจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดการติดเชื้อราได้ง่าย  4. เกิดเป็นฝีขึ้นเป็นประจำตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย และจะหายช้า รวมทั้งแผลต่างๆ ที่เกิดขึ้นบริเวณลำตัวก็จะหายช้ากว่าปกติด้วยเช่นกัน  5. มีอาการอ่อนเพลีย ไม่ค่อยมีเรี่ยวแรง เนื่องจากร่างกายไม่สามารถนำน้ำตาลภายในกระแสเลือดมาเปลี่ยนเป็นพลังงานได้ จึงเป็นสาเหตุทำให้ผู้ป่วยมีอาการอ่อนเพลีย  6. น้ำหนักลด โดยไม่ทราบสาเหตุ เนื่องจากร่างกายไม่สามารถเผาพลาญน้ำตาลได้ จึงหันไปเผาพลาญไขมันเพื่อมาใช้เป็นพลังงานแทน  7. มีอาการเหน็บชาและปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อโดยเฉพาะบริเวณแขนและขา เนื่องจากระดับน้ำตาลกลูโคสในร่างกายสูงเป็นเวลานานทำให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติ โดยเฉพาะเส้นประสาทต่างๆ ที่บริเวณกล้ามเนื้อ หรือที่เรียกว่าเกิดอาการเส้นประสาทอักเสบ อาการจะค่อยๆ เพิ่มมากขึ้นตามระยะเวลา ถ้าปล่อยไว้นานอาการของโรคเหน็บชา และอาการปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อก็จะเพิ่มมากขึ้นตามไปด้วย  8. สายตาพล่ามัว วิสัยทัศน์ในการมองเห็นไม่ดี เนื่องจากระดับน้ำตาลในกระแสเลือดที่มากขึ้น และร่างกายทำการขับออกมาทางเลนส์ตา

อาการที่สามารถพบได้ในผู้ป่วยเบาหวาน Read More »

อาชีพที่มีโอกาสเกิดปัญหานิ้วล็อค

อาชีพที่มีโอกาสเกิดปัญหานิ้วล็อค

นิ้วล็อคจะเกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและกล้ามเนื้อ ส่วนมากจะพบได้ในผู้ที่ใช้นิ้วทำสิ่งหนึ่งสิ่งใดในท่าเดิมๆ เป็นเวลานาน เวลาที่เกิดอาการนิ้วล็อคนิ้วจะหักงอลงมา ทำให้มีอาการปวด บางครั้งเราต้องทำการง้างกลับคืน สำหรับวิธีการรักษาในปัจจุบันแพทย์จะใช้วิธีผ่าตัดเล็ก ซึ่งจะใช้เวลาไม่นาน และไม่เจ็บมาก รวมไปถึงการทำท่ากายบริหารนิ้วก็จะสามารถช่วยบรรเทาอาการได้ แต่แบบหลังอาจต้องใช้ระยะเวลานานหน่อย ขึ้นอยู่กับว่าเกิดการอักเสบมากแค่ไหน และที่สำคัญคนที่เคยเป็นแล้วได้ทำการรักษาจนหายแล้ว แต่ยังกลับไปใช้พฤติกรรมเหมือนเดิม ก็อาจมีโอกาสกลับมาเป็นอีกได้ คราวนี้เราลองไปดูกันต่อดีกว่าว่ามีอาชีพไหนบ้างที่เสี่ยงจะเกิดอาการนิ้วล็อคได้  1. นักกอล์ฟ  จะเกิดจากการเกร็งในการจับไม้กอล์ฟที่แน่นจนเกินไป รวมไปถึงการเหวี่ยงแรงสวิงมากเกินไป และการซ้อมติดต่อกันเป็นเวลานาน สิ่งเหล่านี้ส่งผลทำให้เกิดอาการนิ้วล็อค และการเลือกไม้กอล์ฟที่มีน้ำหนักมากและจับเป็นเวลานาน ก็ส่งผลให้เกิดอาการอักเสบของเส้นเองได้เช่นเดียวกัน  2. ช่าง  ส่วนมากอาชีพนี้จะเน้นการใช้มือและนิ้วในการทำงาน โดยเฉพาะงานช่างฝีมือต่างๆ ที่ต้องอาศัยความประณีตและละเอียดอ่อนและความต่อเนื่องในการทำงาน   3. นักยูโด  ในระหว่างการฝึกซ้อมจะเน้นการใช้กำลังมือและแขนเป็นส่วนใหญ่ เพื่อให้สามารถยกคู่ต่อสู้และทำการทุ่มได้ และท่าในการฝึกซ้อมบางท่าก็จะเป็นการฝึกกำลังของข้อนิ้วที่ต้องทำการฝึกติดต่อกันเป็นเวลานาน ทำให้มีโอกาสเสี่ยงที่จะเกิดการอักเสบของเส้นเอ็นและมีปัญหานิ้วล็อคตามมาได้ 4. แม่บ้าน  หมายถึงผู้ที่ทำอาชีพแม่บ้าน รวมไปถึงผู้ที่อยู่บ้านและต้องทำงานบ้านอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็น ทำกับข้าว ซักเสื้อผ้า ล้างจาน กวาดบ้าน ถูบ้าน หรือแม้แต่ผู้ที่หิ้วถุงกับข้าวหนักๆ เป็นประจำ ทราบกันไหมว่าคุณก็มีโอกาสเกิดอาการนิ้วล็อคได้เช่นกัน  5. หมอนวดแผนโบราณ  อาชีพนี้ต้องใช้แรงจากมือและนิ้วเป็นหลักกันอยู่แล้ว โดยเฉพาะนิ้วหัวแม่โป้งที่จะต้องทำการบีบและกดตามกล้ามเนื้อของลูกค้า   6. พนักงานออฟฟิศ ปัจจุบันการปฏิบัติงานส่วนใหญ่จะเป็นการใช้เครื่องคอมพิวเตอร์เป็นหลัก

อาชีพที่มีโอกาสเกิดปัญหานิ้วล็อค Read More »

แนะนำรองเท้าบาสเกตบอล 4 รุ่นสำหรับสายซัพพอร์ตโดยเฉพาะ

แนะนำรองเท้าบาสเกตบอล 4 รุ่นสำหรับสายซัพพอร์ตโดยเฉพาะ

การเล่นบาสเกตบอล ตำแหน่งที่เล่นนั้นจะมีความสำคัญในเรื่องของการเลือกรองเท้าบาสเกตบอลมาใช้งานด้วย ซึ่งรองเท้าบาสเกตบอลเป็นอีกหนึ่งปัจจัยหลักเลยของการเล่นกีฬาบาสเกตบอล เพราะว่ามันเป็นอุปกรณ์ที่มากกว่าแค่อุปกรณ์กีฬา เพราะมันเป็นอุปกรณ์ที่ป้องกันอาการบาดเจ็บที่จะเกิดขึ้นกับร่างกายของนักกีฬาได้ จึงเป็นเรื่องที่สำคัญที่นักกีฬาไม่ควรมองข้ามในการเลือกรองเท้าบาสเกตบอล ที่จะต้องมีความเหมาะสมกับการเล่น และ วันนี้เราจะมาแนะนำรองเท้าบาสเกตบอล 4 รุ่น สำหรับสายซัพพอร์ตโดยเฉพาะ ซึ่งจะมีรุ่นอะไรบ้างก็มาดูกันได้เลย  รองเท้าบาสเกตบอล 4 รุ่นสำหรับสายซัพพอร์ตโดยเฉพาะ Nike – LeBron XVIII (18) เหมาะสำหรับคนที่เล่นในตำแหน่ง Center ตัวจริง นอกจากในเรื่องของการเป็นรองเท้าบาสเกตบอลที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเล่น เรื่องของความสวยงามของรองเท้าบาสเกตบอลรุ่นนี้ ก็เรียกได้ว่าสวยงามมากๆ ดีไซน์ที่เท่ไม่เหมือนใคร และที่สำคัญมันคือรองเท้ารุ่นยอดนิยมอีกรุ่นของรองเท้าบาสเกตบอลสายซัพพอร์ต เป็นรองเท้าที่มีประสิทธิภาพสูงมากๆ มีทั้งความเร็วช่วยลดแรงกระแทกและน้ำหนักเบาป้องกันอาการบาดเจ็บได้อย่างแน่นอน  Nike – Kyrie 7 มาพร้อมกับคุณสมบัติที่โดดเด่นมากมาย และดีไซน์ที่บอกได้เลยว่าสวยสะดุดตา นอกจากจะใช้สำหรับการเล่นบาสเกตบอลก็ยังใช้สำหรับการสวมใส่เป็นรองเท้าแฟชั่นเป็นของสะสมได้อย่างดี เป็นอีกหนึ่งรุ่นรองเท้าที่เหมาะสำหรับการเล่นในร่ม โดยเฉพาะ เนื่องจากว่าอาจจะทำให้รองเท้าสึกหรอได้เร็วถ้าหากใช้ในพื้นปูน โดยที่ความโดดเด่นนั้นก็มาพร้อมกับเรื่องของการรองรับแรงกระแทก โดยมีระบบรองรับของรองเท้าอย่าง Zoom turbo ซึ่งช่วยในเรื่องของการรองรับแรงกระแทก และมีความนุ่มเด้ง และยังเสริมแรงกลับให้กับนักกีฬา ช่วยทำให้ออกแรงน้อยลงและ วิ่ง กระโดดได้ดีขึ้น  Nike – KD14 มาด้วยคุณสมบัติโดดเด่นในเรื่องของความนุ่มเบาสบาย

แนะนำรองเท้าบาสเกตบอล 4 รุ่นสำหรับสายซัพพอร์ตโดยเฉพาะ Read More »

สุขภาพที่ดีนั้นสำคัญไฉน

สุขภาพที่ดีนั้นสำคัญไฉน

สุขภาพที่ดีมีประโยชน์มากมาย ซึ่งการดูแลให้สุขภาพดีนั้นจึงเป็นเรื่องสำคัญ เพราะว่าเมื่อเรามีสุขภาพดีมันก็จะส่งผลถึงสภาพจิตใจของเราด้วย หากว่าทั้งสองอย่างนั้นดีไปควบคู่กัน ก็จะทำให้การใช้ชีวิตประจำวันของเรานั้นเป็นไปอย่างไม่ติดขัด ไม่ว่าจะเรื่องของการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวันต่างๆ ทุกยางก็สามารถทำได้สำเร็จสมใจของเราได้อย่างง่ายดาย ซึ่งหากว่าเรามีร่างกายที่ไม่แข็งแรง ก็เช่นกันเพราะมันก็จะทำให้ส่งผลต่อสภาพจิตใจด้วย ทำให้เกิดความกังวลใจ ขาดสมาธิในการทำงาน เพราะจะมัวแต่คิดถึงในเรื่องของการรักษาตัวเอง ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ส่งผลเสียต่อหลาย ๆ อย่าง ทั้งการงาน และ การใช้ชีวิตประจำวัน ดังนั้นเราจึงควรที่จะดูแลรักษาตัวเองให้มีสุขภาพที่ดีอยู่เสมอ โดยวิธีการที่เราจะมานำเสนอ อาจจะเป็นแนวทางที่ทำให้ท่านได้นำไปใช้ในการดูแลสุขภาพของตัวเองให้ดีได้ไม่มากก็น้อยครับ วิธีการดูแลสุขภาพให้ดี 1.การกิน การกินเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญมากๆครับ เพราะว่าการที่เรารับประทานอาหารที่เป็นประโยชน์เข้าไป ก็จะทำให้ร่างกายของเราได้รับสิ่งที่มีประโยชน์ เช่นเดียวกันหากเรารับประทานอาหารหรือการกินสิ่งที่ไม่ก่อให้เกิดประโยชน์ต่อร่างกายมันก็เช่นเดียวกันที่จะทำให้ร่างกายของเราได้รับผลกระทบ และ ทำให้สุขภาพของเราเสียได้ 2.การพักผ่อนให้เพียงพอ สำหรับยุคนี้ที่การพักผ่อนของคนเรา เริ่มที่จะผิดแปลกแตกต่างไปและเวลาในการพักผ่อนนั้นเริ่มที่จะเปลี่ยนแปลงไปมากมาย แตกต่างจากคนในสมัยก่อนมาก ๆ โดยหลักการนอนที่ดีที่สุดคือการนอนในช่วงเวลาก่อน สี่ทุ่ม ซึ่งจะถือเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุด และ เป็นปกติของคนเราในการนอนและการนอนให้ได้วันละ 8-9 ชั่วโมง ถือว่าเป็นมาตรฐานที่ควรจะเป็นมากที่สุด  3.การออกกำลังกาย นอกเหนือไปจากการกิน และ การพักผ่อนให้เพียงพอแล้ว การออกกำลังกายก็ถือว่าเป็นอีกเรื่องที่สำคัญมาก ๆ เช่นกัน เพราะว่าร่างกายของคนเรา เสื่อมโทรมลงทุกวันทุกนาที การออกกำลังกายก็เป็นการสร้างภูมิต้านทานให้ร่างกายของเรานั้น ชะลอความชราลงไปได้  ข้อดีของการมีสุขภาพที่ดี

สุขภาพที่ดีนั้นสำคัญไฉน Read More »

บอกเล่าประโยชน์ของ “น้ำแร่”

บอกเล่าประโยชน์ของ “น้ำแร่”

ในยุคสมัยที่ผู้คนหันมาใส่ใจในสุขภาพมากยิ่งขึ้น น้ำเปล่าที่เราเลือกดื่มกันอาจไม่ใช่เพียงน้ำเปล่าทั่วไปที่ได้รับการคัดกรองผ่านรังสีมาอย่างเดียว แต่ยังมีหลายคนที่หันมาดื่มน้ำแร่ซึ่งก็จัดอยู่ในประเภทน้ำเปล่านี่ล่ะค่ะ แต่คุณประโยชน์ของน้ำแร่นั้นมีมากกว่าน้ำเปล่าทั่วไปมาก เห็นใส ๆ อย่างนี้ แต่ของดีเลยล่ะ เพราะน้ำแร่เป็นน้ำที่ได้มากจากน้ำบาดาลตามแหล่งธรรมชาติแท้ทำให้มีแร่ธาตุมากมายที่จะช่วยให้สุขภาพร่างกายของเราแข็งแรงด้วย วันนี้เราก็จะมาบอกเล่าถึงประโยชน์ของน้ำแร่ให้ทุกคนได้รู้กันว่าทำไมคุณจึงควรเลือกดื่มเป็นอย่างยิ่ง น้ำแร่มีความสะอาด หากใครที่เคยซื้อน้ำแร่มาดื่มก็คงรู้ว่าเมื่อดื่มไปแล้วจะเกิดความรู้สึกเย็นสดชื่นและดูมีความบริสุทธิ์กว่าน้ำเปล่าทั่วไปมาก ด้วยน้ำแร่นั้นมาจากแหล่งน้ำธรรมชาติที่สะอาดไม่ว่าจะเป็นน้ำพุร้อนหรือน้ำพุเย็นที่อยู่บนเทือกเขาสูงทำให้มีความสะอาดกว่าน้ำทั่วไป น้ำแร่บางอย่างก็จะมีรสชาติแฝงที่แตกต่างกัน น้ำแร่บางที่จะมีรสแฝงที่หวานและบางน้ำแร่ก็จะมีรสแฝงที่เค็ม ยิ่งนำไปแช่ตู้เย็นแล้วดื่มคุณจะรู้สึกว่าร่างกายได้รับความชุ่มชื่นมากขึ้นเสมือนรับประทานเกลือแร่เลยล่ะ น้ำแร่มีแร่ธาตุมากมายที่ดีต่อสุขภาพ น้ำแร่เป็นน้ำที่ดีต่อสุขภาพมาก เพราะมีแร่ธาตุมากมายที่ละลายมากับน้ำจากแหล่งธรรมชาติ ได้แก่ แคลเซียม ซึ่งช่วยสร้างกระดูกและฟัน รวมถึงอาการปวดประจำเดือน ,แมกนีเซียม เป็นแร่ธาตุในกลุ่มของเกลือแร่ ที่ช่วยสร้างระบบภูมิคุ้มกัน สามารถทดแทนน้ำในร่างกายที่เสียไปได้อย่างดีตามที่เราเข้าใจจริง ๆ และยังช่วยส่งเสริมพัฒนาการทางสมองได้อีกด้วย เหมาะกับคนที่กำลังอ่านหนังสือสอบมาก ,ฟลูออไรด์ ช่วยในการป้องกันฟันผุ ,ไอโอดีน ช่วยควบคุมระบบเผาผลาญอาหารในร่างกาย ,โพแทสเซียม มีการทำงานควบคู่ไปกับคุณภาพของแร่โซเดียมในการควบคุมสมดุลของน้ำในร่างกาย และช่วยทำให้หัวใจเต้นเป็นปกติ คุณภาพคับขวดจริง ๆ ด้วย ไม่แปลกใจเลยที่หลายคนจะเลือกน้ำแร่เป็นทางเลือกสุขภาพกัน น้ำแร่ช่วยรักษาผิว ในน้ำแร่จะมีเกลือแร่และแร่ธาตุมากมายที่ช่วยปรับสมดุลร่างกายและผิวของคุณให้เปล่งปลั่ง เกิดความชุ่มชื้นได้โดยไม่ต้องไปรับประทานคอลลาเจนเลย แค่เพียงคุณดื่มน้ำแร่วันละ 1 ขวดก็สามารถช่วยให้คุณมีผิวเนียนสวย เกิดออกซิเจน และทำให้เซลล์ผิวมีระบบการทำงานที่ดีได้ด้วย ดังนั้นให้น้ำแร่เป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ช่วยให้สุขภาพร่างกายของคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงมีวัยที่ดีและแข็งแรงใช้ชีวิตอย่างมีความสุขกับคนที่คุณรักนะคะ เครดิตภาพ : pixabay #ประโยชน์น้ำแร่ #ลดน้ำหนัก

บอกเล่าประโยชน์ของ “น้ำแร่” Read More »

การดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

การดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน

ปัจจุบันอัตราผู้ป่วยด้วยโรคเบาหวานในบ้านเราเพิ่มสูงมากขึ้น และที่สำคัญโรคนี้จะมีอาการเรื้อรังรักษาไม่หายขาดและมักจะเกิดอาการของโรคแทรกซ้อนอื่นๆ ตามมา แต่ก็พบว่านอกจากการรักษาด้วยยาแผนปัจจุบันหรือการใช้สมุนไพรแล้ว ถ้าผู้ป่วยใส่ใจดูแลตัวเองในการใช้ชีวิตประจำวันจะมีส่วนช่วยทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดลดลงได้ และยังเป็นการช่วยป้องกันอาการแทรกซ้อนต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้อีกด้วย นอกจากนี้ผู้ป่วยยังสามารถใช้ชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป โดยมีวิธีในการปฏิบัติตัวดังนี้  1. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ และควรควบคุมการรับประทานอาหาร แต่ต้องให้ครบหลักโภชนาการ 5 หมู่ โดยหลีกเลี่ยงอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล หันมาใช้วิธีการบริโภคผัก ผลไม้ รวมไปถึงอาหารประเภทธัญพืชต่างๆ แทน โดยเฉพาะข้าวที่เป็นอาหารหลักของคนไทย ผู้ป่วยควรหันมาบริโภคเป็นข้าวกล้องหรือข้าวซ้อมมือแทนข้าวขัดขาว และถ้าผู้ป่วยมีน้ำหนักตัวมากควรควบคุมน้ำหนักกันด้วย เพราะโรคอ้วนเป็นปัญหาสำคัญของการเกิดโรคเบาหวานและทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น นอกจากนี้ควรรับประทานอาหารให้เป็นเวลาครบทั้ง 3 มื้อ  2. ดื่มน้ำให้พอเพียงต่อความต้องการของร่างกาย อย่างน้อยวันละ 7-8 แก้ว  3. ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอเพื่อให้ร่างกายสามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้ดีขึ้น และยังเป็นการช่วยเผาพลาญพลังงานภายในร่างกาย แต่อย่าออกกำลังแบบหักโหมจนเกินไป เพราะอาจทำให้ร่างกายมีอาการอ่อนเพลียเกิดขึ้นได้     4. พักผ่อนนอนหลับให้เพียงพอและไม่เครียด ถ้ารู้สึกเครียดให้หาอะไรทำเพื่อเป็นการช่วยให้รู้สึกผ่อนคลาย  5. สำหรับผู้ป่วยที่สูบบุหรี่ ควรงดการสูบบุหรี่อย่างเด็ดขาด เพราะอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อน ได้ง่ายยิ่งขึ้น   6. ผู้ป่วยที่รับประทานยาไม่ว่าจะเป็นแผนปัจจุบันหรือสมุนไพร รวมทั้งผู้ที่ต้องฉีดอินซูลินเป็นประจำ บางครั้งอาจจะเกิดภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำ โดยมีอาการใจสั่น รู้สึกหวิวๆ หน้ามืดตาลายคล้ายจะเป็นลม เป็นอาการของภาวะน้ำตาลในเลือดต่ำเกินไป ควรหาของหวานรับประทานหรืออมน้ำตาล  7.

การดูแลตัวเองของผู้ป่วยโรคเบาหวาน Read More »

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางการรักษา

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางการรักษา

ต่อมลูกหมากโตจะเป็นภาวะที่ต่อมลูกหมากที่ตั้งอยู่ใกล้ๆ ท่อปัสสาวะมีหน้าที่ในการผลิตของเหลวสำหรับหล่อเลี้ยงตัวอสุจิให้สมบูรณ์และแข็งแรง เพื่อพร้อมต่อการสืบพันธุ์ เมื่อต่อมลูกหมากโตขึ้นผิดปกติไปจากเดิมผู้ป่วยจะมีอาการปัสสาวะลำบาก สาเหตุก็เพราะต่อมลูกหมากใหญ่จนไปเบียดท่อทางเดินปัสสาวะนั่นเอง ในระยะเริ่มต้นผู้ป่วยอาจจะแค่ปัสสาวะออกได้น้อยแต่ถ้าบ่อยทิ้งไว้ก็อาจจะถึงขั้นปัสสาวะไม่ออกกันเลยทีเดียว โรคนี้ยังสร้างความหงุดหงิดรำคาญใจให้แก่ผู้ป่วยในการใช้ชีวิตประจำวัน สำหรับการเกิดโรคมักจะสัมพันธ์กับอายุ โดยคุณผู้ชายเมื่ออายุมากขึ้นหรือประมาณ 40 ปี ขึ้นไป มักจะพบอาการของต่อมลูกหมากโต สาเหตุสันนิษฐานว่าเกิดจากความผิดปกติของฮอร์โมนในเพศชาย แต่อาการปัสสาวะไม่ออกบางครั้งก็เกิดจากสาเหตุอื่น ดังนั้นถ้าใครรู้สึกว่าปัสสาวะติดขัดควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุและแนวทางการรักษา โรคต่อมลูกหมากโตเมื่อมีอาการมากขึ้นยังอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพและร่างกายของผู้ป่วยได้ สำหรับแนวทางรักษาจะมีทั้งแบบใช้ยาแผนปัจจุบัน, การผ่าตัด และการใช้สมุนไพร สำหรับแนวทางในการรักษา พอจะสรุปได้ดังนี้   1. การใช้ยาแผนปัจจุบัน ถ้าเป็นในระยะเริ่มแรกมีอาการยังไม่รุนแรงมาก หรืออาจจะยังไม่อักเสบ และผู้ป่วยยังสามารถถ่ายปัสสาวะได้ปกติ เพียงแต่อาจออกน้อยหรือออกลำบาก รวมทั้งไม่ใช่อาการของโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก แพทย์จะทำการรักษาโดยการเฝ้าติดตามอาการและให้ผู้ป่วยเปลี่ยนพฤติกรรมในการใช้ชีวิตประจำวัน แต่ถ้าอาการเริ่มมากขึ้นแพทย์จะให้รับประทานยาที่เหมาะสมและแก้ไขอาการที่เกิดขึ้น ส่วนใหญ่ยาจะมีฤทธิ์ไปกระตุ้นให้ต่อมลูกหมากหดตัวลง  2. การผ่าตัด บางรายที่อาการค่อนข้างมากรับประทานยาแล้วไม่ได้ผล แพทย์จะสั่งให้ทำการผ่าตัด สำหรับวิธีการผ่าตัดจะได้แก่  – การผ่าตัดโดยการใช้กล้องส่องผ่านท่อปัสสาวะ จะเป็นวิธีที่ค่อนข้างได้รับความนิยมในปัจจุบัน  – การผ่าตัดโดยการเปิดหน้าท้อง ซึ่งจะต้องผ่าด้วยวิธีไหนนั้น แพทย์จะเป็นผู้วินิจฉัยอีกครั้ง  3. วิธีการอื่น เช่น  – การขยายท่อปัสสาวะด้วยการใส่ท่อคาไว้ อาจกระทบการใช้ชีวิตประจำวันของผู้ป่วยบ้าง – การจี้ต่อมลูกหมากด้วยความร้อน เช่น การเลเซอร์, การใช้คลื่นความร้อน

อาการต่อมลูกหมากโตและแนวทางการรักษา Read More »