มะกอกเพื่อสุขภาพ

ผู้ที่มีอาการท้องผูก ท้องเฟ้อ อาหารไม่ย่อย แน่นท้องระหว่างที่กำลังทานอาหารคงจะกินอะไรต่อไม่ค่อยอร่อย และยังปวดจุกแน่นราวกับว่าตัวเองหายใจไม่ออก และพยายามหาวิธีที่จะแก้ไขให้อาการบรรเทาลง หากใครที่มักมีปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นบ่อย ๆ ควรหาทาน 5 เอนไซม์จากธรรมชาติเหล่านี้ เพื่อแก้อาการที่เกิดขึ้นให้ดีกว่าเดิม โดยไม่ต้องพึ่งยาแผนปัจจุบัน มีอะไรบ้างไปดูกัน 5 เอมไซม์ แก้ท้องอืด ลดอาการท้องผูก                   1. ใบกะเพรา มีสรรพคุณที่ช่วยในเรื่องของการรักษาโรคท้องอืด โดยใช้ใบกะเพราะสดประมาณ 1 กำมือ ต้มกับน้ำสะอาดจนเดือด จากนั้นกรอกเอาน้ำมาดื่ม หรือนำไปตากแห้ง แล้วชงแบบชาก็ได้เช่นกัน วิธีง่าย ๆ แบบนี้สามารถทำได้เองที่บ้าน ช่วยบรรเทาท้องอืดได้เป็นอย่างดี ผลที่ได้จะเป็นอย่างไรไปลองทำกันดู                   2. น้ำมะนาว เพราะกรดในน้ำมะนาวเป็นเอนไซม์จากธรรมชาติ ที่ช่วยกระต้นให้การทำงานของระบบย่อยอาหารเป็นปกติ และช่วยให้การย่อยเร็วขึ้นกว่าเดิมอีกด้วย วิธีทาน บีบน้ำมะนาวลงในน้ำอุ่นหรือกาแฟดำ จิบบ่อย ๆ อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ก็จะบรรเทาลง                   3. มะละกอสุก นอกจากจะช่วยในเรื่องของการขับถ่ายแล้ว ยังช่วยบรรเทาอาการท้องอืด แน่นท้อง ท้องเฟ้อได้ด้วย เพราะมีน้ำย่อยธรรมชาติ […]

หลายคนคงสงสัยว่าผู้ที่ต้องการมีกล้ามเนื้อจากการออกกำลังกายต้องทานไข่ขาวเป็นจำนวนมาก เหตุผลก็คือในไข่ขาวแหล่งโปรตีนที่หาได้ง่ายมีอยู่ทั่วไปนั่นเอง ว่าการทานเพียงไข่ขาวเพียงอย่างเดียว และทานครั้งละหลาย ๆ ฟองจะมีผลเสียหรือไม่ สารอาหารที่ได้รับจะครบถ้วนหรือเปล่า มาหาคำตอบไปพร้อม ๆ กัน ไข่ขาวพระเอกในครัว ช่วยสร้างกล้ามเนื้อ                   ไม่มีใครไม่รู้จัก ไข่ อาหารที่ทุกบ้านต้องมีติดไว้เสมอ เนื่องจากมีราคาถูก สามารถทำอาหารได้อย่างหลากหลายเมนู อีกทั้งในไข่ขาวแหล่งโปรตีนที่สมบูรณ์ (Complete Protein) โดยปกติไข่แต่ละฟองนั้นจะมีไข่แดงอยู่ประมาณ 13-20 กรัม และเป็นไข่ขาวอยู่มากถึง 30-35 กรับ ซึ่งทั้งสองอุดมด้วยสารอาหารที่ดีมีประโยชน์มากมายหลายชนิด มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย อย่างเช่น ซัลเฟอร์ มีเป็นจำนวนมาก ช่วยให้เกิดสร้างเซลล์ผิวหนัง ผม และเล็บ อีกทั้งยังอุดมด้วยธาตุเหล็ก กรดโฟลิก ที่ช่วยป้องกันการเกิดภาวะโลหิตจาง เสริมสร้างความจำได้เป็นอย่างดี และที่สำคัญมีส่วนช่วยด้านพัฒนาการในเด็กในวัยกำลังเติบโต ไม่เพียงเท่านี้ยังมีสารอาหารประเภทวิตามินเอ บี อี และเค อีกด้วย โดยมีสารอาหารเหล่านี้จะมีอยู่ในไข่แดงมากกว่าไข่ขาว แต่สาเหตุหลัก ๆ ที่ผู้คนนิยมทานไข่ขาวมากกว่า เนื่องจากต้องการเลี่ยงการทานคอเลสเตอรอลนั่นเอง นับได้ว่าไข่เพียงหนึ่งฟอง เป็นสุดยอดอาหารที่มีโปรตีนอยู่เป็นจำนวนมาก                   โดยเฉพาะไข่ขาว จะ

         ในอดีต นักโภชนาการแนะนำให้บริโภคผักผลไม้เพื่อเสริมวิตามินเกลือแร่  ต่อมาเมื่อรู้จักใยอาหารว่ามีประโยชน์   ผู้บริโภคผักผลไม้จะเสี่ยงต่อมะเร็งน้อยลง นักโภชนาการยุคสิบกว่าปีที่แล้ว จึงเหมาเอาว่าเป็นเพราะใยอาหารนั่นเอง แต่ปัจจุบันจึงได้ทราบว่าไม่ใช่เพราะใยอาหารเท่านั้นที่ทำให้มะเร็งลดลง แต่เป็นเพราะในผักมีสารเคมีพืชหรือไฟโตเคมิคอลส์หลายชนิดที่มีสมบัติต้านทานฤทธิ์ของสารก่อมะเร็งได้ สารเคมีพืชเป็นสารเคมีที่มีขนาดโมเลกุลไม่ใหญ่มากนัก แทบทั้งหมดจัดเป็นสารอินทรีย์   และมีประโยชน์ต่อสิ่งมีชีวิตที่ใช้พืชเป็นอาหารรวมทั้งมนุษย์ แต่เนื่องจากไม่สามารถจัดเป็นโปรตีน คาร์โบไฮเดรต ไขมัน วิตามิน หรือเกลือแร่  จึงได้จัดสารเหล่านี้ให้เป็นสารอาหารกลุ่มใหม่ที่เรียกว่า สารเคมีพืช นั่นเอง กลไกการทำงานของสารเคมีพืช          สารเคมีพืชเป็นสารที่ทำให้พืชผักชนิดนั้นๆ มีสี กลิ่น หรือรสชาติที่เป็นลักษณะเฉพาะตัว สารเคมีเหล่านี้มีอยู่หลายชนิดที่มีฤทธิ์ต่อต้านหรือป้องกันโรคบางชนิดได้ ซึ่งโรคสำคัญที่สารกลุ่มนี้ช่วยป้องกันก็คือ โรคมะเร็ง  การทำงานของสารเคมีพืชนี้อธิบายได้โดยที่เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว สารกลุ่มนี้บางชนิดจะช่วยให้กลไกบางกลไกในร่างกาย อย่างเช่น เอนไซม์บางกลุ่มทำงานได้ดีขึ้น เอนไซม์ทำหน้าที่ทำลายสารก่อมะเร็งที่เข้าสู่ร่างกาย  ทำให้สารก่อมะเร็งหมดฤทธิ์  ส่งผลให้ผู้คนเริ่มสนใจบทบาทใหม่ของพืชผักในเชิงสมุนไพรหรือฤทธิ์ทางยามากขึ้น    สารเคมีพืชที่พบในผักผลไม้          สารเคมีพืชในผักบร็อคโคลี ที่ชื่อว่า ซัลโฟราเฟน สามารถป้องกันมะเร็ง  สารที่ช่วยป้องกันมะเร็งที่พบในพืชนอกจากซัลโฟราเฟนแล้ว ก็ยังมีสารฟลาโวนอยด์อีกนับเป็นพันชนิด  พบในพืชหลายชนิด อย่างเช่น  มะกรูด  มะนาว  และผลไม้ที่ให้รสเปรี้ยว  บางชนิดอาจออกฤทธิ์ทำให้ฮอร์โมนที่สร้างมะเร็งลดการทำงานลง เป็นการป้องกันการเกิดมะเร็งได้อีกทางหนึ่ง ถั่วเหลืองมีสารเคมีพืชชื่อ เจนิสทีน ช่วยป้องกันมะเร็งได้โดยพบว่า อาจช่วยป้องกันไม่ให้ร่างกายสร้างหลอดเลือดฝอยที่จะเข้าไปเลี้ยงเซลล์มะเร็ง     

จากข้อมูลสุขภาพประชากรโลกระหว่างปี1975 ถึง 2016 นั้น องค์การอนามัยโลกระบุว่า มีจำนวนผู้อยู่ในภาวะโรคอ้วนมากขึ้นถึง 3 เท่า นั่นหมายความว่า มีผู้ใหญ่ที่น้ำหนักเกินถึง 1.9 พันล้านคน และมากกว่า 650 ล้านคนของจำนวนดังกล่าว ตกอยู่ในภาวะโรคอ้วนและมีความเสี่ยงต่อการเกิดโรคเบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด  รวมถึงโรคมะเร็งบางชนิด  ซึ่งนําไปสู่ภาวะฉุกเฉินทางสาธารณสุขระดับโลก ดังนั้นแนวคิดเกี่ยวกับการทดแทนอาหารทั้งหมดจึงเป็นกลยุทธ์ที่นิยมมากขึ้นในการต่อสู้กับโรคอ้วนและควบคุมน้ำหนัก  โดยอาศัยอาหารสูตรโภชนาการครบถ้วนมาแทนที่อาหารทั้งหมดในช่วงเวลาที่กําหนด  อีกกลยุทธ์หนึ่งคือ อาหารโปรตีนสูงมาจัดการน้ำหนักซึ่งเป็นที่นิยมเช่นกัน  เพราะสามารถส่งเสริมการลดน้ำหนักหรือควบคุมน้ำหนักได้ดี  และช่วยเติมเต็มความรู้สึกของผู้รับประทาน  พลังงานที่ใช้ไป รวมถึงสามารถควบคุมหรือเพิ่มมวลของร่างกายที่ปราศจากไขมันได้ด้วย     เมื่อเกิดการนำแนวคิดทั้งสองมารวมกัน  ระหว่างการทดแทนอาหารทั้งหมดกับอาหารที่มีโปรตีนสูงก็จะกลายเป็นแนวทางที่ดีต่อการจัดการน้ำหนัก   ในความเป็นจริงแล้ว ผลิตภัณฑ์ทดแทนอาหารด้วยโปรตีนสูงนั้นมีหลายชนิดที่จำหน่ายให้ผู้บริโภคอย่างกว้างขวางแล้ว แต่คําถามที่ตามมาคือ ใช้งานได้จริงหรือ? อาหารโปรตีนสูงรักษาน้ำหนักได้หรือ ในการศึกษาของนักวิจัยในมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา ประเทศแคนาดา ซึ่งมีแนวคิดในการศึกษาจากความชุกของการเกิดภาวะโรคอ้วนทั่วโลก และส่งผลกระทบต่อสุขภาพที่ตามมา  จึงไม่น่าแปลกใจที่กลยุทธ์ทางโภชนาการเช่น การทดแทนอาหารทั้งหมดและอาหารโปรตีนสูงจะกลายเป็นที่นิยมมากขึ้นในฐานะกลยุทธ์การจัดการน้ำหนัก  อย่างไรก็ตาม กลยุทธดังกล่าวแม้จะได้รับความนิยมมากขึ้น แต่กลับปราศจากงานวิจัยมารองรับ ด้วยเหตุนี้งานวิจัยดังกล่าวจึงเริ่มต้นขึ้นด้วยการรับสมัครกลุ่มผู้ใหญ่อายุระหว่าง 18-35 ปีที่มีสุขภาพดี และมีน้ำหนักปกติ  การรับสมัครดำเนินการผ่านโฆษณาที่ติดไว้บนกระดานแจ้งข่าวสารภายในมหาวิทยาลัยอัลเบอร์ตา จากนั้นแบ่งอาสาสมัครออกเป็น 2  กลุ่ม โดยวิธีการสุ่ม  กลุ่มหนึ่งได้รับการทดแทนอาหารทั้งหมดด้วยอาหารโปรตีนสูงซึ่งประกอบด้วยคาร์โบไฮเดรต 35% โปรตีน

หวานเป็นลมขมเป็นยาเป็นอีกหนึ่งคำที่หลายคนได้ยินปิดหูกันมาตั้งแต่สมัยโบราณ ซึ่งก็มีความเป็นจริง อยู่บ้าง เนื่องจากสมุนไพรที่มีรสขมมักจะ มีประโยชน์ ต่อสุขภาพร่างกายของเรานั่นเอง แล้ววันนี้ เราได้นำเอาอีกหนึ่งสมุนไพรที่เรารู้จักกันดีและ สามารถหาซื้อมารับประทานได้ง่ายๆบางครั้งก็ ขึ้นตามรั้วบ้าน ถือว่าเป็นผักพื้นบ้านอีกหนึ่งชนิดเลยนั่นเองนั่นก็คือ มะระขี้นก บอกเลยว่าเป็นสมุนไพรที่ขึ้นชื่อในเรื่องของความขมแต่มีประโยชน์อย่างมากลองไปดูกันซิว่ามะระขี้นกจะมีประโยชน์อะไรกันบ้าง เรื่องราวน่ารู้เกี่ยวกับ มะระขี้นก ข้อสังเกตอาการสำหรับผู้ที่ป่วยเป็นโรคเบาหวาน ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานเกิดจากการที่มีระดับน้ำตาลในเลือดสูง ที่เกิดจากระบบการผลิตเอนไซม์อินซูลินบกพร่อง โดยผู้ป่วยโรคเบาหวานมักมีอาการที่สามารถสังเกตได้ชัดเจน คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานมักปัสสาวะบ่อย โดยเฉพาะตอนกลางคืน และยังหิวน้ำบ่อย และมักมีอาการชาที่ปลายมือและเท้าร่วมด้วย และหากเกิดบาดแผลก็มักจะใช้เวลานานกว่าแผลจะหาย ซึ่งเป็นแล้วอาจทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนได้ มะระขี้นกลดระดับน้ำตาลในเลือดอย่างไร มะระขี้นกเป็นพืชสมุนไพรพื้นบ้านที่มีมานาน ซึ่งสามารถนำมารับประทานเป็นอาหาร และทานเป็นยารักษาโรคได้ โดยในมะระขี้นกนั้นจะมีสาร Charantin อยู่ด้วย ซึ่งปัจจุบันนั้นก็มีงานวิจัยออกมาหลายฉบับที่ช่วยยืนยันว่า charantin  ที่สามารถพบได้ในมะระขี้นกนั้น จะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้จริง โดยหากใช้มะระขี้นกขนาด 2,000 มิลลิกรัมต่อวัน ติดต่อกัน 6 เดือน พบว่าการทานมะระขี้นกนั้นไม่มีอาการข้างเคียงที่รุนแรง และไม่เป็นพิษต่อตับ  และนั่นก็เป็นสิ่งที่ทำให้มั่นใจได้ว่าสามารถใช้มะระขี้นก ได้ทั้งการทานเป็นอาหารและยา  โดยในการทานมะระขี้นกนี้เพื่อลดน้ำตาลในเลือดควรเน้นเป็นการทานเป็นอาหารเพราะนอกจากจะได้ประโยชน์ในการช่วยลดน้ำตาลแล้วยังมีไฟเบอร์ แร่ธาตุและวิตามินอื่น ๆ ที่เป็นประโยชน์อีกมากมาย นอกจากมะระขี้นกแล้ว มีอะไรที่ช่วยลดระดับน้ำตาลได้อีก นอกจากมะระขี้นกแล้วยังมีสมุนไพรชนิดอื่นที่สามารถหาทานง่ายและช่วยลดระดับน้ำตาลได้เช่นกัน อย่างเช่น

ปัจจุบันคนเราหันมาให้ความสนใจกับเรื่องของสุขภาพร่างกายมากยิ่งขึ้นและที่น่าสนใจไปมากกว่านั้นก็คือคนเราเริ่มหันมาปลูกผักและเลี้ยงสัตว์เพื่อรับประทานเอง เนื่องจากผักหรือเนื้อสัตว์ตามท้องตลาดจะมีสารเจือปนที่ส่งผลเสียต่อสุขภาพ เพราะฉะนั้นการปลูกผักรับประทานเองจึงเป็นอีกหนึ่งวิธีที่คนในปัจจุบันเลือกทำ และวันนี้เราได้นำเอาผักพื้นบ้านที่สามารถหากินได้ง่ายแถมยังราคาถูกและสามารถปลูกเองได้มาแนะนำการลองไปดูกันเลยว่าจะมีอะไรกันบ้าง ผักพื้นบ้านที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีที่สุด   ผักหวานป่า เป็นอีกหนึ่งพืชที่เราสามารถหารับประทานได้ง่ายๆ โดยเฉพาะช่วงฤดูร้อนมักจะมีผักหวานให้เราได้หารับประทาน สรรพคุณของผักชนิดนี้ก็คือ เป็นผักที่สามารถช่วยบำรุงสายตาและมีวิตามินเคที่ช่วยให้เลือดสามารถแข็งตัวได้อย่างรวดเร็ว ใครที่เกิดบาดแผลก็จะทำให้สามารถมีบาดแผลที่หายได้อย่างรวดเร็วเมื่อรับประทานผักชนิดนี้ ย่านาง อีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่สามารถหารับประทานได้ง่ายๆ โดยเฉพาะในพื้นที่ต่างจังหวัด จะมีผักชนิดนี้เป็นจำนวนมาก ซึ่งจะส่งผลดีให้กับผู้บริโภคเป็นอย่างมากโดย ย่านางเป็นผักที่ช่วยให้ผู้รับประทานนั้นมีสุขภาพที่ดี แถมยังมีคลอโรฟิลล์ที่สูงมากที่จะทำให้ร่างกายมีผิวพรรณที่ดี ช่วยชะลอความแก่ และสามารถลบริ้วรอยบนใบหน้าได้อีกด้วย  ผักปัง อีกหนึ่งผักที่อุดมไปด้วยธาตุเหล็กและแคลเซียม ซึ่งมีเพียงผักมีกี่ชนิดเท่านั้นที่อุดมไปด้วยสารอาหารนี้ นอกจากนี้ผักปังจะมีวิตามิน a b และ c ที่ช่วยบำรุงผิวและสายตาที่ช่วยในการมองเห็น หากใครที่รับประทานผักปังเป็นประจำก็ยังช่วยป้องกันมะเร็งได้อีกด้วย  ผักกูด อีกหนึ่งผักพื้นบ้านที่หารับประทานได้ง่าย โดยเฉพาะช่วงฤดูฝนหรือช่วงฤดูหนาว ผักกูดสามารถนำมาปรุงอาหารได้หลากหลาย ด้วยสรรพคุณที่ช่วยบำรุงโลหิตและระบบไหลเวียนของเลือด ผู้ที่รับประทานผักกูดเป็นประจำจะมีร่างกายที่แข็งแรง และไม่เจ็บป่วยเป็นโรคต่างๆได้ง่ายๆ นอกจากนี้ผักกูดยังสามารถนำมาประยุกต์มาปรุงอาหารได้หลากหลาย ปัจจุบันอาหารที่อยู่ในระดับภัตตาคารก็นิยมนำเอาผักชนิดนี้มาขึ้นโต๊ะเช่นกัน  เป็นอย่างไรกันบ้างกับข้อมูลผักพื้นบ้านที่สามารถหารับประทานได้ง่ายที่เรานำมาแนะนำกันนั้น นอกจากนี้แล้วใครที่ชื่นชอบก็สามารถที่จะปลูกเอาไว้ในบริเวณบ้านเพื่อเก็บรับประทานได้อย่างตามที่ต้องการเลยทีเดียว นอกจากนี้แล้วยังเป็นผักที่มีประโยชน์อย่างมากต่อสุขภาพร่างกายของเราอีกด้วย สำหรับครั้งหน้าเราจะนำเอาข้อมูลอะไรที่น่าสนใจมาแนะนำกันอีกนั้นต้องติดตาม #ผักพื้นบ้าน #ผักสมุนไพร #สมุนไพรพื้นบ้าน

 ในร่างกายของคนเราประกอบไปด้วยน้ำมากกว่า 50-60 เปอร์เซ็นต์ ดังนั้นการดื่มน้ำจึงมีความจำเป็นและมีความสำคัญอย่างมากต่อตัวเรา ทั้งในเรื่องของการช่วยขับสารพิษออกไปจากร่างกาย ช่วยให้รู้สึกสดชื่น กระฉับกระเฉง ผิวพรรณชุ่มชื้น เนียนนุ่ม และทำให้ดูอ่อนวัยอีกด้วย โดยเฉพาะการดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้าก่อนเริ่มต้นวันใหม่ จะช่วยส่งผลดีเป็นอย่างมากต่อร่างกายของเรา มาดูกันว่าประโยชน์ของน้ำอุ่นให้ผลดีอะไรบ้าง ดื่มน้ำอุ่นในตอนเช้ามีประโยชน์                   1. ระบบย่อยอาหารทำงานได้ดี เพราะน้ำอุ่นจะช่วยกระตุ้นต่อมอาหารให้ทำงานได้อย่างถูกต้อง ช่วยย่อยอาหารคงค้างในกระเพาะ ส่งผลให้ระบบการย่อยอาหารใช้พลังงานน้อยและไม่ต้องทำงานหนักจนเกินไป นอกจากนี้ยังช่วยลดกรดส่วนเกินออกไป รักษาความเป็นกลางของน้ำย่อยเอาไว้                   2. บรรเทาอาการท้องผูก อาการนี้เกิดขึ้นจากมีน้ำในลำไส้น้อยเกินไป การดื่มน้ำอุ่นขณะท้องว่าง จะช่วยในเรื่องของการเคลื่อนตัวลำไส้ให้เป็นไปอย่างสม่ำเสมอ อีกทั้งยังลดอาการท้องอืดได้อีกด้วย                    3. บรรเทาการเจ็บคอ อาการระคายเคืองคอที่พบได้ทุกเพศทุกวัยเกิดจากลำคอมีการติดเชื้อ ซึ่งอาจเกิดมาจากหลายสาเหตุ เช่น หวัด ไข้หวัดใหญ่ เป็นต้น ประโยชน์ของน้ำอุ่นจะช่วยบรรเทาอาการเหล่านี้ทำให้รู้สึกโล่งสบายลำคอมากขึ้น นอกจากนี้ยังละลายเสมหะที่ข้นเหนียวได้ดี                   4. รักษาอาการคัดจมูก เพราะเข้าไปช่วยทำความสะอาดบริเวณโพรงจมูก ละลายเสมหะหรือน้ำมูกแล้วขับออกมา ทำให้โล่ง หายใจสะดวกขึ้น ไม่อึดอัด เป็นการลดโอกาสที่ร่างกายจะได้รับเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรียได้                   5. ลดน้ำหนักส่วนเกิน สำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนัก การดื่มน้ำอุ่นจะให้ประโยชน์มากกว่าการดื่มน้ำเย็น เพราะช่วยเพิ่มอุณหภูมิกลางลำตัวของร่างกายให้สูงขึ้น

อาหาร คือ สิ่งที่เราต้องรับประทานอยู่ในทุกๆวัน และแน่นอนว่าถ้าหากเราเลือกรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อร่างกายก็จะส่งผลดีต่อร่างกายของเราในทุกๆวันนั้นเอง และวันนี้เราได้นำเอาอีกหนึ่งอาหารที่มีความสำคัญต่อกระดูกของเรานั่นก็คือ แคลเซียมมาแนะนำกันซึ่งประโยชน์ของแคลเซียมจะช่วยทำให้กระดูกของเรามีความแข็งแรงมากขึ้น และวันนี้เราได้นำเอาข้อมูล เกี่ยวกับ แคลเซียมที่เราได้นำมาฝากกันลองไปดูกันซิว่าจะมีอะไรกันบ้างไปดูกันเลย เรื่องน่ารู้กับแคลเซียม ความสำคัญของแคลเซียม (Calcium) เป็นสารอาหารชนิดหนึ่งที่มีความสำคัญต่อร่างกายเป็นอย่างมาก โดยเฉพาะกระดูก โดยที่แคลเซียมเป็นสารอาหารที่จะเสริมให้กระดูกและฟันมีความแข็งแรง และยังสามารถช่วยในเรื่องของการทำงานของระบบประสาท กล้ามเนื้อ การแข็งตัวของเลือด ปรับสมดุลความดันโลหิต และยังช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ ซึ่งจะเห็นได้ว่าแคลเซียมมีความสำคัญกับร่างกายเป็นอย่างมาก หากร่างกายขาดแคลเซียมจะทำให้เกิดการสูญเสียมวลกระดูกได้  โดยปกติแล้วเราจะได้รับแคลเซียมผ่านการดื่มนม โดยได้รับมาตั้งแต่เด็ก ๆ และนอกจากนี้ยังสามารถได้รับจากการทานพืชผัก ต่าง ๆได้อีกด้วย เราสามารถได้รับแคลเซียมจากไหนได้บ้าง โดยปกติแล้วเราจะได้รับแคลเซียมได้ง่ายที่สุดจากการดื่มนม แต่ในการดื่มนมนี้สหรับบางคนที่มีอาการแพ้แลคโตสนั้นอาจจะไม่สามารถดื่มนมได้เหมือนปกติ แต่ก็สามารถได้รับแคลเซียมจากการทานพืชผักได้เหมือนกัน ตัวอย่างพืชที่มีสารแคลซียมด้วย ได้แก่ เมล็ดเจีย นอกจากมีแคลเซียมแล้วยังช่วยเรื่องการเผาผลาญด้วย  งานอกจากคลเซียมแล้วยังมีสารอาหารสังกะสีและทองแดงที่ช่วยบำรุงกระดูกได้ เช่นกัน ผลิตภัณฑ์จากนมถั่วเหลืองที่อุดมไปด้วยแคลเซียมจากธรรมชาติ  อัลมอลล์เต็มเมล็ด 1 ถ้วยให้แคลเซียมถึง 385 มิลลิกรัม ละยังมีไขมันดีอีก  เมล็ดทานตะวันควรเลือกทานชนิดดิบและไม่มีการปรุงเพิ่มแบบที่วางขายตามตลาดทัวไป  นมถั่วเหลืองในปริมาณ 1 ถ้วย มีแคลเซียมเทียบเท่ากับนมวัวเลยทีเดียว เต้าหู้ สาหร่ายทะเล 1 ถ้วยหรือประมาณ 80