อยากสูงต้องทำไง วิธีเพิ่มความสูง

                  ต่อมไทรอยด์มีหน้าที่เผาผลาญพลังงานในร่างกาย หากไทรอยด์ผิดปกติ จะแสดงอาการที่แตกต่างกันออกไป เพราะโรคนี้มีหลายชนิด มักพบได้ในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย ในสัดส่วนประมาณ 5 คนต่อ 1 คน                   ต่อมไทรอยด์ เป็นต่อมไร้ท่อขนาดใหญ่ที่สุดของร่างกายที่มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทำหน้าที่ผลิตฮอร์โมนไทรอยด์เข้าสู่กระแสเลือดมีส่วนช่วยในการเจริญเติบโตของร่างกาย และช่วยควบคุมกระบวนการเผาผลาญต่าง ๆ ช่วยกระตุ้นการทำงานของสมอง การเต้นของหัวใจ และรักษาอุณหภูมิของร่างกาย ถือได้ว่าต่อมไทรอยด์ช่วยในการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายแทบทั้งหมด หากพบว่าต่อมไทรอยด์ผิดปกติ มีภาวะไทรอยด์โต จะส่งผลต่อร่างกายทำให้ร่างกายทำงานแปรปรวนไปอย่างมาก แม้ว่าในส่วนของสาเหตุนั้นไม่ได้มีระบุว่าเกิดขึ้นได้อย่างไร แต่ทางการแพทย์เชื่อว่า อาจเกิดจากกรรมพันธุ์ ต่อมไทรรอยด์ผิดปกติจากสาเหตุอื่น หรือการรับประทานไอโอดีนในปริมาณที่ไม่เหมาะสมก็อาจจะทำให้มีความเสี่ยงเกิดโรคนี้เช่นกัน โรคไทรอยด์ผิดปกติ มีอะไรบ้าง                   1. ไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนมากเกินไปหรือไทรอยด์เป็นพิษ ไทรอยด์ชนิดนี้สามารถพบได้ทุกช่วงวัย ผู้ป่วยจะมีอาการมือสั่น ใจสั่น หงุดหงิดง่าย ขี้ร้อน เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ กินเยอะแต่น้ำหนักไม่เพิ่มหรือลดลง ภายใน 1-2 เดือน ทั้งนี้การรักษาคือให้ทานยาต้านไทรอยด์ประมาณ 2 ปี และต้องตรวจซ้ำ เพราะมีโอกาสกลับมาเป็นได้อีก                   2. ไทรอยด์ผลิตฮอร์โมนน้อยเกินไป […]

                  หญ้าหวานเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวางในประเทศไทยมาอย่างยาวนาน ในการนำมาใช้สำหรับให้ความหวานแทนน้ำตาล และมีการเพาะปลูกในหลาย ๆ จังหวัดโดยเฉพาะจังหวัดทางภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย ลำพูน เป็นต้น หญ้าหวานมีลักษณะเป็นไม้พุ่มเตี้ย เหมือนกับต้นกะเพราหรือต้นแมงลัก มีถิ่นกำเนิดมาจากประเทศในแถบอเมริกาใต้ ในส่วนของใบนั้นเป็นรอยหยักคล้ายกับฟันเลื่อยให้ความหวานสูงกว่าน้ำตาลมากถึง 10-15 เท่า แต่ว่าไม่ให้พลังงานหรือให้พลังงานน้อยมาก สารสำคัญที่สกัดได้คือ สตีวิโอไซด์ มีความหวานกว่าน้ำตาล 200-300 เท่า ซึ่งก่อนหน้านี้ได้มีการถกเถียงเกี่ยวกับผลกระทบที่อาจจะเกิดขึ้นจากการรับประทานเข้าไป กระทั้งในปี พ.ศ.2552 องค์การอนามัยโลกได้ประกาศว่า ปลอดภัยสามารถรับประทานได้และมีประโยชน์ต่อร่างกาย และทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ได้ขึ้นทะเบียนให้ สารสตีวิโอไซด์ เป็นสารให้ความหวานแทนน้ำตาลได้ ไม่มีผลเสียต่อร่างกาย และยังยกให้เป็นพืชสมุนไพรอีกด้วย ดื่มแล้วดียังไง                   ช่วยลดความดันของโลหิตได้ เพราะการรับประทานอาหารโดยทั่วไปที่มีส่วนผสมของน้ำตาลจำนวนมากทำให้เสี่ยงที่จะเกิดโรคอ้วนสาเหตุของการเกิดโรคความดันโลหิตสูง การลดการบริโภคน้ำตาลจึงเป็นวิธีควบคุมไม่ให้เกิดขึ้น เนื่องจากหญ้าหวานมีสรรพคุณที่ให้ความหวานแทนน้ำตาลแต่ไม่ได้ให้พลังงาน ทำให้สามารถช่วยคุมปริมาณน้ำตาลตัวที่ก่อให้เป็นโรคอ้วนและโรคความดันโลหิตได้ แม้ว่างานวิจัยต่าง ๆ ยังไม่อาจจะชี้ชัดได้ว่าหญ้าหวาน จะช่วยลดความดันโลหิตได้ แต่อย่างไรก็ดีควรรับประทานอย่างเหมาะสม โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคความดันต่ำ ควรปรึกษาแพทย์เพราะอาจจะทำให้ความดันโลหิตลดต่ำจนเกิดอันตรายได้ ทั้งนี้ควรทานควบคู่ไปกับอาหารที่มีประโยชน์ เช่น ผัก ผลไม้ ธัญพืช เป็นต้น

                  ร่างกายของคนเรามีการทำงานเป็นระบบ เพื่อให้ส่วนต่าง ๆ ของร่างกายเกิดความสมดุล ระบบทางเดินปัสสาวะก็เป็นระบบหนึ่งของร่างกายที่ความสำคัญมาก เป็นการทำงานร่วมกันของอวัยวะหลายส่วน เพื่อผลิตและขับปัสสาวะออกจากร่างกาย รักษาสมดุลของระดับของเหลวในร่างกาย เมื่อเรากลั้นฉี่บ่อย ๆ อาจจะเกิดโรคเกี่ยวกับทางเดินปัสสาวะขึ้นได้ เพราะอะไรจึงเป็นโรคกรวยไต                   การกลั้นฉี่บ่อย เสี่ยงที่จะเกิดโรคนี้ได้ เนื่องจากบริเวณกรวยไตได้รับเชื้อแบคทีเรีย มีทั้งชนิดเฉียบพลัน และเรื้อรัง โดยส่วนใหญ่ที่พบจากมาจากเชื้อแบคทีเรียเอสเชอริเชีย โคไล หรือ อีโคไล พบได้มากถึง 70-95 เปอร์เซ็นต์ พบได้ทุกเพศทุกวัย โดยผู้หญิงมีโอกาสได้รับเชื้อมากกว่าผู้ชาย เนื่องจากท่อปัสสาวะของผู้หญิงสั้นและใกล้กับช่องคลอดและทวารหนัก ทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ ผ่านท่อปัสสาวะได้ง่าย เชื้อแบคทีเรียเหล่านี้เมื่อเข้าสู่ร่างกาย เมื่อเราปวดปัสสาวะและถ่ายออกมาทุกครั้ง ร่างกายก็สามารถขับเชื้อโรคมาทางปัสสาวะได้ โดยไม่เกิดการอักเสบ แต่หากกลั้นฉี่บ่อย ๆ และนาน ๆ เชื้อโรคที่แฝงตัวเข้าไปมีการเจริญเติบโตมากขึ้น ฝังตัวในระบบทางเดินปัสสาวะจนเกิดอาการอักเสบและมักจะมีอาการเกิดขึ้นอย่างเฉียบพลัน ในส่วนของเด็ก หรือผู้ที่ระบบทางเดินปัสสาวะอุดตัน อาจเสี่ยงเป็นแบบเรื้อรังได้มากกว่า อาการของโรค                   อาการโดยทั่วไปของโรคจะแสดงอาการที่แตกต่างกัน ซึ่งอาจมีไข้สูง หนาวสั่น ปวดบริเวณหลังหรือสีข้าง คลื่นไส้ อาเจียน ปวดท้อง ปัสสาวะบ่อย

                  การรับประทานอาหารให้ครบห้าหมู่ เป็นคำที่ได้ยินจนติดหูมาอย่างช้านาน อาหารที่มีความพิเศษช่วยในกลไกของสมอง มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยการไหลเวียนของเลือดที่จะไปเลี้ยงสมอง ต้องไม่มีการปนเปื้อนของโลหะหนักและไม่มีส่วนผสมของสารเคมีที่เป็นอันตรายต่อสุขภาพ ทำให้สมองดี ความจำเป็นเลิศ แล้วมีอาหารชนิดใดบ้างที่ทานต้องบ่อย ๆ เป็นอาหารกระตุ้นความจำได้เป็นอย่างดี                   อาหารประเภทปลา ตอนเป็นเด็กได้ยินผู้ใหญ่สอนเสมอว่า กินปลาแล้วจะฉลาด เห็นจะเป็นเรื่องจริง โดยเฉพาะปลาแซลมอน ปลาทู ปลาแมคเคอเรล ปลากะพง เป็นต้น ที่มีกรดไขมัน ที่เรียกกันว่า โอเมก้า  3 มีส่วนช่วยในการบำรุงประสาทและสมอง ซึ่งร่างกายไม่สามารถผลิตกรดไขมันชนิดนี้เองได้ นอกจากนี้ยังมี DHA ที่จะช่วยไม่ให้เกิดเป็นโรคความจำเสื่อม                   ผลไม้ในกลุ่มเบอร์รี่ อาทิ สตรอเบอร์รี่ เชอร์ชี่ บูเบอร์รี่ เป็นต้น ผลไม้ประเภทนี้จะช่วยให้ความดันโลหิตมีความสมดุล ระบบหมุนเวียนเลือดทำงานได้ดี มีสารช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ใช้เป็นอาหารว่างกระตุ้นความจำได้ไม่ทำให้อ้วน และได้วิตามินซีช่วยให้ห่างไกลจากโรคอื่น ๆ อีกด้วย                   ผักใบเขียว สารอาหารที่สำคัญในผักใบเขียวแทบจะทุกชนิดเต็มไปด้วยวิตามินอีและโฟเลท มีส่วนสำคัญต่อสมองและระบบประสาท ดังนั้นทุกมื้อควรมีผักใบเขียว ผักโขม หรือบร็อกโคลี่ ก็จะช่วยกระตุ้นความจำของสมองได้เป็นอย่างดี                   ไข่ไก่

                  “หินปูน” คือปัญหาสุขภาพปากและฟันที่พบบ่อยที่สุด เกิดจากแบคทีเรียผสมกับโปรตีนของอาหารที่รับประทานเข้าไปรวมตัวและเกาะติดอยู่บริเวณโคนฟัน เรียกว่าว่า Plaque เมื่อสะสมมากขึ้นจนกลายเป็นหินปูน หากปล่อยทิ้งไว้จะส่งผลทำให้เกิดโรคเหงือกและฟันผุได้ นอกจากนี้อาจจะทำให้เกิดความไม่มั่นใจเวลาพูดคุยกับผู้อื่น แก้ไขง่าย ๆ แค่ทำเป็นประจำ                   การแปรงฟัน เป็นวิธีป้องกันหินปูนที่ง่ายที่สุด ตามปกติต้องแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง หรือหลังอาหารทุกครั้ง และควรเลือกแปรงสีฟันที่มีขนแปรงอ่อนนุ่ม ขนาดพอดีกับช่องปากและฟัน หมั่นล้างทำความสะอาดแปรงสีฟันและผึ่งให้แห้งอยู่เสมอ ที่สำคัญเปลี่ยนแปรงสีฟันทุก 3-4 เดือน นอกจากนี้เพื่อไม่ให้เศษอาหารไปสะสมตามซอกฟันควรใช้ไหมขัดฟันในทุกมื้อที่ทาน รวมถึงการบ้วนปากด้วยน้ำยาบ้วนปากด้วย                   เลือกใช้ยาสีฟันที่มีส่วนผสมของฟลูออไรด์ นอกจากจะช่วยป้องกันฟันผุ ยังมีสารเคลือบฟัน และยังช่วยไม่ให้ไม่เกิดหินปูนตามมาอีกด้วย                   เบคกิ้งโซดา ก็ช่วยได้ ประโยชน์มากมายของเบกกิ้งโซดา ทั้งในเรื่องของการทำอาหาร ยังใช้เป็นอีกหนึ่งวิธีป้องกันหินปูน ที่ใช้ได้ผลดีโดยการนำมาถูฟัน จะช่วยให้ฟันขาวและขจัดคราบหินปูนได้อีกด้วย วิธง่าย ๆ คือ นำเบกกิ้งโซดา 1 ช้อนโต๊ะ ผสมกับเกลือครึ่งช้อนชา ใช้แปรงสีฟันชุบน้ำหมาด แปรงฟันให้ทั่วประมาณสองนาที แล้วล้างออกด้วยน้ำสะอาด นอกจากนี้ยังช่วยให้ลมหายใจหอมสดชื่น                   ใช้วิธีธรรมชาติจากว่านหางจระเข้ เปลือกส้ม เมล็ดงา

                  วัฒนธรรมการชงชาและดื่มชามีมาอย่างยาวนานหลายร้อยปี ทั้งในประเทศญี่ปุ่น จีน และอีกหลายประเทศทั่วโลก เพราะเป็นที่รู้กันดีว่า “ชานั้นมีประโยชน์” ในปัจจุบันผู้คนในประเทศไทยเกิดกระแสรักสุขภาพก่อตัวเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ  คนส่วนใหญ่หันมาออกกำลังกาย ทานอาหารดีมีประโยชน์อย่างจริงจัง “ชาเขียว” ถือเป็นอีกหนึ่งกระแสที่ได้ความนิยมเป็นอย่างมากในการดื่มเพื่อสุขภาพที่ดี ในส่วนของผู้มีน้ำหนักตัวมาก ชาเขียวช่วยลดน้ำหนักได้หากทานทุกวัน และในปริมาณที่เหมาะสม ส่วนสำคัญที่ทำให้ช่วยลดน้ำหนักได้                   ในชาเขียวประกอบไปด้วยสารเทซีน เป็นสารโพลีฟีนอลที่พบในไวท์ช๊อกโกแลต และผัก ผลไม้ มีส่วนช่วยในการเผาผลาญไขมันในร่างกาย นอกจากนี้ชาเขียวยังมีคาเฟอีน ที่ช่วยกระตุ้นการทำงานของเนื้อเยื่อ ทำให้อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มสูงขึ้น เผาผลาญพลังงานได้มากยิ่งขึ้น หากได้รับสารนี้เข้าไปเป็นประจำทุกวันจะช่วยให้น้ำหนักตัวลดลงนั้นเอง ดื่มอย่างไรช่วยลดน้ำหนัก                   ชาเขียวช่วยลดน้ำหนักได้คือ ชาเขียวร้อน ๆ ชงจากผงใบชา สำหรับชาตามร้านค้าทั่วไปที่มีรสชาติหวาน ๆ จากการผสมน้ำตาลมากเกินไป อาจจะให้ประโยชน์ที่น้อยและอาจจะมีโทษต่อร่างกายด้วย ทั้งนี้ควรจะดื่มในขณะที่ชายังร้อน ๆ หรืออุ่น ๆ หากเริ่มดื่มตอนที่ชาเริ่มเย็นตัวลงแล้วอาจจะทำให้เกิดอาการอืดท้องได้ การดื่มชาร้อนนี้สามารถดื่มได้ทุกที่ทุกเวลาช่วงแม้แต่ในช่วงก่อน ระหว่าง และหลังมื้ออาหารทุกมื้อก็จะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่สำหรับผู้ที่มีอาการนอนไม่หลับไม่ควรดื่มมากจนเกินไปเพราะอย่าลืมว่า ในชาเขียวก็มีคาเฟอีนผสมอยู่เหมือนกัน ดื่มมากไปก็ไม่เป็นผลดี                   การดื่มชาเขียวใช่ว่าจะให้ประโยชน์เสมอไปหากรับประทานในปริมาณมาก และมีส่วนผสมที่มีแต่น้ำตาลสูง เช่น ชาเย็นตามร้านทั่วไปก็ไม่เหมาะสมเช่นกัน เพราะชาเขียวร้อน

                  รู้ไหมว่าอาหารที่ทานเข้าไป ระบบย่อยอาหารของร่างกายใช้เวลาย่อยแตกต่างกันตามแต่ชนิดของอาหาร และขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคนที่ไม่เหมือนกัน ระบบย่อยอาหารจึงมีความสำคัญในฐานะแปรสภาพจากอาหาร แปลงเป็นพลังงานให้กับร่างกาย มาดูกันว่าอาหารที่ใช้เวลาย่อยนานมีอะไรบ้าง                   น้ำสะอาดสำหรับดื่ม น้ำจะผ่านระบบลำเลียงอาหารโดยไม่ผ่านการย่อยใด ๆ เลย                   ผลไม้ ผักใบเขียวสด สำหรับผู้ที่ชื่นชอบการทานผัก ระบบขับถ่ายจะดีเพราะในผัก ผลไม้ มีกากใย ร่างกายจะใช้เวลาย่อยประมาณ 15-25 นาที เท่านั้นเอง                   ผักนึ่ง ผักต้ม หรือผักปรุงสุก ผักประเภทนี้นอกจากจะมีกากใยที่เป็นประโยชน์ยังใช้เวลาย่อยเพียง 40 นาที                   ปลา เนื้อปลา ซึ้งปลาบางชนิดมีไขมันน้อยร่างกายย่อยได้เร็ว แต่ระบบย่อยอาหารของร่างกายใช้เวลาย่อยประมาณ 45-60 นาที ที่สำคัญทานปลาไม่ทำให้อ้วน                   น้ำสลัด การย่อยขึ้นอยู่กับน้ำตาลที่ผสมอยู่ สำหรับน้ำสลัดชนิดใส จะใช้เวลาโดยประมาณ 60 นาที                   ผักจำพวกที่มีส่วนผสมของแป้ง เช่น เผือก มัน ฟักทอง ข้าวโพด เป็นต้น เป็นผักที่มีคาร์โบไฮเดรตเยอะ ถือว่าเป็นอาหารที่ใช้เวลาย่อยนานช้เวลาย่อยประมาณ

                  น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตประเภทหนึ่ง สามารถพบได้ในอาหารทั่วไป เช่น น้ำตาลฟรุกโตสในผลไม้ และน้ำผึ้ง น้ำตาลแลกโตสพบในนม เป็นต้น ซึ่งคาร์โบไฮเดรตชนิดนี้มีปริมาณไม่มากพอที่จะก่ออันตรายต่อสุขภาพ เพราะในผักผลไม้มีกากใยช่วยในการขับถ่าย ความเข้มข้นน้ำตาลมีไม่มาก แต่หากรับประทานน้ำตาลอิสระที่มาในรูปแบบของความหวานในอาหารเครื่องดื่ม เช่น ชา กาแฟ ขนมเค้ก น้ำอัดลม การเติมน้ำตาลในก๋วยเตี๋ยว ฯลฯ แม้จะทำให้รู้สึกผ่อนคลาย กระปรี้กระเปร่า แต่นั่นคือภัยร้ายที่แฝงมากับอาหาร                   จากสถิติพบว่า คนไทยบริโภคน้ำตาลมากกว่าวันละ 20 ช้อนชา ซึ่งในแต่ละวันคนเราไม่ควรทานน้ำตาลเกินร้อยละ 5 ของพลังงานรวม หรือไม่เกิน 6 ช้อนชา นั่นหมายความว่าบริโภคน้ำตาลสูงกว่าปริมาณแนะนำถึง 3 เท่า ส่วนใหญ่มาจากการเติมน้ำตาลอิสระในอาหารและเครื่องดื่ม ทำให้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน และโรคอ้วน มีจำนวนเพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี ดังนั้นลองลดน้ำตาลลงจะรู้สึกว่าร่างกายจะดีขึ้น หัวใจแข็งแรง                   ผลวิจัยพบว่า เมื่อลดน้ำตาลลง จะความเสี่ยงการเกิดโรคหัวใจลดลงมากถึงสามเท่า เพราะน้ำตาลตาลจะเพิ่มระดับอินซูลินในการกระตุ้นระบบประสาท ส่งผลให้การเต้นหัวใจ และความดันโลหิตเพิ่มสูงขึ้น เมื่องดการกินน้ำตาลลง ระดับคอเลสเตอรอล และไขมันแอลดีแอล ลดลงประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์