หลังจากนักวิจัยทางการแพทย์ค้นพบว่า โรคหัวใจมีความเกี่ยวข้องกับระดับคอเลสเตอรอลในเลือด ที่สูงขึ้น เมื่อปี ค.ศ.1957 โดยระบุว่าผู้ที่มีคอเลสเตอรอลสูงก็มีโอกาสสูงที่จะเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจ ตั้งแต่นั้นมาผู้คนก็เริ่มกลัวคอเลสเตอรอล โดยเฉพาะชาวตะวันตกที่นิยมรับประทานไขมันสัตว์เป็นหลัก และต่อมาเมื่อมีการวิจัยพบว่าการรับประทานไขมันไม่อิ่มตัวสูงจะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ เมื่อปี ค.ศ. 1965 ก็ทำให้นักโภชนาการทั่วโลกรณรงค์ให้ประชาชนลดการบริโภคไขมันสัตว์และกรดไขมันอิ่มตัว แล้วหันมาบริโภคน้ำมันพืชที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูง ไม่ว่าจะเป็นน้ำมันเมล็ดดอกทานตะวัน น้ำมันข้าวโพด น้ำมันถั่วเหลือง ทำเอาน้ำมันพืชขายดี แต่ไม่ค่อยมีคนสนใจน้ำมันมะกอกเพราะเชื่อว่าไม่ได้ช่วยอะไร จนถึงปี ค.ศ. 1988 ที่นักวิจัยพบว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกเป็นประจำ ช่วยลดคอเลสเตอรอลในส่วนของแอลดีแอลได้ โดยไม่ทำให้เอชดีแอลเกิดปัญหา
น้ำมันมะกอกกับคอเลสเตอรอล
ในยุคที่เทคโนโลยียังไม่ก้าวหน้า นักวิจัยเข้าใจว่าคอเลสเตอรอลในเลือดมีอยู่แบบเดียว แต่เมื่อเทคโนโลยีพัฒนามากขึ้น จึงรู้ว่าคอเลสเตอรอลในเลือดมีอยู่ 2 ชนิด เป็นชนิดแอลดีแอลและอีกชนิดคือเอชดีแอล คอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอลจัดเป็นตัวร้ายสร้างปัญหาโรคหัวใจ ขณะที่เอชดีแอลเป็นพระเอก ซึ่งถ้ามีมากจะช่วยลดโรคหัวใจได้ ดังนั้นก่อนหน้านี้เมื่อตรวจสอบผลการบริโภคน้ำมันมะกอกที่มีต่อการเปลี่ยนแปลงของคอเลสเตอรอลในเลือด จึงระบุไปว่าน้ำมันมะกอกไม่ทำให้คอเลสเตอรอลเปลี่ยนแปลง แต่เมื่อแยกแอลดีแอลออกจากเอชดีแอลแล้ว จึงได้พบว่าน้ำมันมะกอกช่วยลดแอลดีแอล ขณะที่ช่วยเพิ่มเอชดีแอล จึงทำให้ผลการศึกษาครั้งแรกระบุออกมาว่าคอเลสเตอรอลในภาพรวมไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อค้นพบแบบนี้แล้วจึงสามารถสรุปได้ว่า น้ำมันมะกอกให้ผลดีต่อการป้องกันโรคหัวใจ
น้ำมันมะกอกลดคอเลสเตอรอลชนิดแอลดีแอล
น้ำมันพืชประเภทที่มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวสูงในปริมาณมากๆ นั้น หากรับประทานในปริมาณมากอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยลดคอเลสเตอรอลได้ดี แต่บางครั้งก็พบว่าไม่ได้ลดเฉพาะแอลดีแอลเท่านั้น หากยังลดเอชดีแอลด้วย ดังนั้นแทนที่จะให้ผลดีก็อาจจะเป็นผลเสียได้ ดังนั้นการค้นพบนี้เองที่ทำให้ความนิยมน้ำมันมะกอกเริ่มมีมากขึ้น ยิ่งไปกว่านั้นผลศึกษาด้านระบาดวิทยา โดยพิจารณาจากอุบัติการณ์เกิดโรคในประชากรจำนวนมาก ก็พบว่า ประชากรแถบเมดิเตอเรเนียนมีโรคหัวใจและหลอดเลือดค่อนข้างต่ำ เมื่อเทียบกับคนในยุโรปทางตอนเหนือและในอเมริกาเหนือ นี่จึงสิ่งที่พิสูจน์แล้วว่า การบริโภคน้ำมันมะกอกจะช่วยป้องกันโรคหัวใจและหลอดเลือดได้ นอกจากนี้ทางสมาคมเบาหวานแห่งอเมริกา ยังแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานชนิดที่ 2 หรือเบาหวานที่เกิดในผู้ใหญ่ รับประทานกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งซึ่งเป็นกรดไขมันหลักของน้ำมันมะกอกให้มากขึ้น โดยผู้ป่วยอาจใช้กินแทนแป้งบางส่วนได้ด้วย
น้ำมันมะกอกและกรดไขมันไม่อิ่มตัวหนึ่งตำแหน่งจึงให้ประโยชน์ทั้งต่อผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคหัวใจและหลอดเลือด ผู้ป่วยโรคเบาหวาน รวมถึงให้ประโยชน์ต่อการป้องกันมะเร็ง เพราะน้ำมันมะกอกโดยเฉพาะ อย่างยิ่งน้ำมันมะกอกชนิดที่เรียกว่า เอ็กซ์ตร้า เวอร์จิน มีสารต้านออกซิเดชั่นซึ่งมีทั้งวิตามินอี เบตาแคโรทีน และสารพวกองค์ประกอบฟีนอลทั้งหลาย อยู่ในน้ำมันค่อนข้างมาก
วิดีโอเพิ่มเติม :
เครดิตภาพจาก pixabay.com
#น้ำมันมะกอก #ประโยชน์มะกอก #น้ำมันมะกอกลดคอเลสเตอรอล