6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน อันตรายถึงชีวิต

6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน อันตรายถึงชีวิต วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

การเดินทางที่สะดวกและรวดเร็วที่สุดคือการโดยสารทางเครื่องบิน ซึ่งในปัจจุบันราคาก็ไม่สูงมากเท่ากับเมื่อก่อน เนื่องจากมีสายการบินขนาดเล็กมากมากมายให้เลือกใช้บริการ ทำให้ผู้คนส่วนใหญ่เลือกใช้การเดินทางเครื่องบินมากยิ่งขึ้น แต่หลายคนอาจจะมองข้ามในเรื่องของโรคประจำตัวหรืออาการต่าง ๆ ที่อาจจะเป็นอันตรายในระหว่างการเดินทาง และนี่คือ 6 โรคประจำตัวที่ห้ามบิน หากมีอาการหรือเป็นโรคเหล่านี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษเพราะอาจจะเป็นอันตรายถึงชีวิตโดยไม่รู้ตัว

6 โรคประจำตัว ที่ห้ามเดินทางโดยเครื่องบิน

                  1. โรคหัวใจล้มเหลว หรือโรคหัวใจวายเรื้อรัง และโรคหัวใจขาดเลือด หากเป็นโรคนี้ควรระมัดระวังเป็นพิเศษ หากการดำเนินชีวิตยังคงเป็นไปอย่างปกติ ไม่มีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หรือหัวใจเต้นตามปกติ ในระยะ 1-2 เดือน เมื่อความจำเป็นต้องเดินทางยังพอทำได้ แต่หากมีอาการดังกล่าว ควรเว้นระยะหลังจากมีอาการเกิดขึ้นประมาณ 2-3 สัปดาห์ นอกจากนี้ควรปรึกษาแพทย์ และแจ้งทางสายการบินให้ได้รับทราบด้วย

                  2. โรคความดันโลหิตสูง หากพบว่าตัวเองมีความดันตัวบนเกิน 160 MMHG ควรเข้ารับการรักษาก่อนเดินทาง และเตรียมยารักษาโรคประจำตัวให้พร้อมอยู่เสมอ เนื่องจากความกดอากาศภายในเครื่องบินอาจก่อให้เกิดอันตรายขึ้นได้

                  3. โรคลมชัก เมื่อเป็นโรคนี้รุนแรงถึงขั้นควบคุมอาการไม่ได้ หรือผู้ที่กำลังพักฟื้นจากการผ่าตัดสมองไม่ควรเดินทางด้วยเครื่องบินเป็นอย่างยิ่ง หากมีความจำเป็นจริง ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อให้คำแนะนำ เพราะบนเครื่องบินจะมีออกซิเจนเบาบาง ทำให้เกิดภาวะพร่องออกซิเจน รวมถึงความอ่อนเพลีย ความวิตก อาจทำให้เกิดอากาศชักเกิดขึ้นได้ง่าย

happy traveler waiting for the flight in airport, departure terminal, immigration concept

                  4. โรคหูอักเสบเฉียบพลัน หรือไซนัส อากาศภายในเครื่องบินเบาบางกว่าปกติ รวมถึงความกดอากาศที่เกิดขึ้น ทำให้ผู้ป่วยปวดหู และอาการอื่น ๆ ยิ่งไปกระตุ้นโรคนี้ให้มีอาการมากยิ่งขึ้น

                  5. โรคทางจิตเวช หากเป็นรุนแรงจนไม่อาจจะควบคุมได้ ควรงดเดินทางโดยเครื่องบิน แต่กรณีที่มีการรักษาจนหายดีแล้ว ควรมีผู้ติดตามเฝ้าดูอาการไปด้วย นอกจากนี้ควรได้รับการรับรองจากแพทย์ว่าสามารถขึ้นเครื่องบินได้ เพื่อความปลอดภัยทั้งตัวผู้ป่วย และผู้โดยสารคนอื่น ๆ

                  6. โรคหอบหืด ผู้ที่เป็นโรคนี้ต้องระวังเป็นพิเศษ เพราะเป็นโรคประจำตัวที่ห้ามบิน ในกรณีที่เลี่ยงไม่ได้ควรปรึกษาแพทย์ และนำยารักษาโรคประจำตัวไปด้วย

สิ่งที่ควรทำเมื่อต้องเดินทางโดยเครื่องบินของผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ

              ผู้ป่วยที่เป็นโรคประจำตัวที่ห้ามบินแต่มีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ต้องดูแลเป็นพิเศษ ควรมีแพทย์ พยาบาล หรือญาติที่สามารถเฝ้าดูอาการผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดร่วมเดินทางไปด้วย รวมถึงอาจต้องเตรียมอุปกรณ์ในการช่วยเหลือยามฉุกเฉินเช่น ออกซิเจนบนเครื่อง เป็นต้น ดังนั้นการเตรียมตัวโดยเริ่มจากการวางแผนเดินทางให้ดี และแจ้งสายการบินทราบล่วงหน้าอย่างน้อย 3-5 วัน นอกจากนี้ควรขอใบรับรองแพทย์ยืนยันว่าสามารถขึ้นเครื่องได้ และปฏิบัติตามกฎของสายการบินกำหนดอย่างเคร่งครัด เพราะถึงแม้ว่าจะมีใบรับรองแพทย์แล้ว แต่เจ้าหน้าที่หรือนักบินมีสิทธิในการปฏิเสธไม่ให้ผู้ป่วยขึ้นเครื่องได้ ซึ่งกฎเหล่านี้มีความแตกต่างกันออกไปตามแต่ละสายการบินกำหนด

              เมื่อเราป่วย หรือมีอาการที่ไม่สามารถโดยสารทางเครื่องบินได้ ควรเข้ารับคำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญก่อนทุกครั้งหากมีความจำเป็นที่ต้องเดินทาง เนื่องจากโรคประจำตัวที่ห้ามบินเหล่านี้อาจก่อให้เกิดอันตรายแก่ตัวเราเองและผู้ที่อื่นร่วมเดินทางด้วย ดังนั้นหากร่างกายไม่พร้อมควรงดการเดินทางหรือเลื่อนออกไปก่อน ในทุกครั้งควรมีผู้ติดตามและนำยาโรคประจำตัวไปด้วย นอกจากนี้ควรบอกทางสายการบินไว้ด้วยจะเป็นการดีที่สุด

เครดิตภาพ : tqm.co.th / wegointer.com

Youtube :

เปิดโรคต้องห้าม ขึ้นเครื่องบิน

#โรคประจำตัวที่ห้ามบิน #โรคที่เป็นแล้วห้ามบิน #รู้ทันโรค

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ?

            หลายคนอาจจะเคยเห็นผู้ป่วยโรคมะเร็งที่ส่วนใหญ่มักจะอยู่ในสภาพที่ร่างซูบหอมและผมร่วงจนต้องใส่หมวกปิดบังศีรษะของตัวเองที่ว่างเปล่านั้นไว้ สภาพของผู้ป่วยมะเร็งที่คุณเห็นกันไม่ได้มาจากโรคมะเร็งแต่อย่างใด แต่เป็นผลมาจากการทำคีโมซึ่งเป็นวิธีการรักษาเพื่อกำจัดเซลล์มะเร็งไม่ให้มีการเจริญเติบโตมากขึ้น โดยที่ทุกคนที่เป็นโรคมะเร็งต้องได้รับการรักษาเบื้องต้นไปจนถึงระยะสำคัญด้วยวิธีการทำคีโมเป็นสำคัญ แต่คุณคิดว่าคีโมสามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? แน่นอนว่า “ไม่ใช่คำตอบของการรักษาโรคมะเร็งที่แท้จริง”…เพราะอะไรเรามาดูกัน คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งมีอาการแทรกซ้อนได้             คุณจะเห็นได้ว่าหลังจากที่ผู้ป่วยมะเร็งได้รับการทำคีโมแล้ว สภาพร่างกายของแต่ละคนก็จะเริ่มทรุดโทรมลงจากภาวะการปรับตัวของยาซึ่งจะมีการต้านเซลล์มะเร็งต่าง ๆ ในร่างกายของผู้ป่วย ด้วยฤทธิ์จากยาเคมีบำบัดคีโมนี้เองทำให้ฤทธิ์ของยาที่แรงมีการต่อต้านสารพิษหรือสิ่งแปลกปลอมต่าง ๆ ในร่างกายด้วย ไม่ว่าจะเป็นการรับประทานอาหารที่ชอบซึ่งไม่สามารถทำได้ เพราะจะส่งผลให้เกิดอาการคลื่นไส้และอาเจียน ไปจนถึงการทำกิจกรรมในชีวิตประจำวันต่าง ๆ ที่จะหยุดชะงักจากอาการข้างเคียงของยาทำให้ร่างกายของเราอ่อนเพลีย และบางรายก็มีอาการข้างเคียงอื่นตามมามากมายด้วย คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งเกิดโรคภายในอื่นที่กำเริบออกมาได้             การทำคีโมอาจส่งผลกระตุ้นสิ่งแปลกปลอมในร่างกายมากมายออกมา นั่นย่อมรวมไปถึงโรคภายในที่เราไม่รู้มาก่อนซึ่งแฝงอยู่ในร่างกายทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งที่เวลานี้ได้รับยาคีโมแล้วไปส่งให้อาการของโรคที่แฝงกำเริบขึ้นมาเสมือน “เสือที่เพิ่งหลุดออกจากการจำศีล” ทำให้นอกจากเราจะต้องต่อสู้กับอาการข้างเคียงของยาคีโมแล้ว ยังจะต้องต่อสู้กับอาการของโรคภายในแฝงที่มาจู่โจมเล่นงานอีกด้วย คีโมทำให้ร่างกายผู้ป่วยมะเร็งบรรเทาอาการได้ 60% เท่านั้น             แม้ว่าคีโมจะมีฤทธิ์ต่อต้านหรือทำลายเซลล์มะเร็งได้ แต่เซลล์มะเร็งนั้นย่อมสามารถเจริญเติบโตจนแตกตัวได้ตลอดเวลาและอาจเร็วกว่าที่ยาคีโมจะมีฤทธิ์ครอบคลุมถึง หากไม่ใช้การรักษาทำลายเซลล์ด้วยรังสีที่สามารถกำจัดเซลล์มะเร็งให้ตายได้แบบถอนรากถอนโคน การรักษาด้วยคีโมก็ยังจะมีผลแค่เพียง 60% เท่านั้น แม้ว่าคีโมจะช่วยรักษาโรคมะเร็งได้ไม่หายสนิทและยิ่งทำร่างกายก็ยิ่งอ่อนแรงมากขึ้น แต่ทั้งนี้ การรักษาด้วยคีโมในผู้ป่วยมะเร็งก็เป็นทางเลือกที่พร้อมที่สุดในประเทศไทยและมีค่าใช้จ่ายไม่สูงเหมือนการรักษาด้วยรังสีทำให้สามารถเข้าถึงผู้คนได้มาก เคมีบำบัด(คีโม) คืออะไร การรักษาและการดูแลตัวเองผู้ป่วยมะเร็ง รูปภาพประกอบ : Pixabay #คีโม #คีโมดีหรือไม่ดี #รู้จักคีโม

“คีโม” สามารถรักษามะเร็งได้ผลจริงหรือ? Read More »

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน

            เบื่อหรือไม่กับการที่มีภาวะขากระตุกขณะนอนหลับมาเป็นอุปสรรคขัดขวางเวลาฝันดีของคุณในตอนกลางคืน เราเชื่อว่าหลายคนน่าจะเกิดภาวะนี้บ่อย ๆ จนเริ่มชาชิน แต่ก็รู้สึกรำคาญอยู่ดี แต่กับหลายคนก็อาจจะยังสงสัยว่าภาวะขากระตุกขณะนอนหลับเป็นอย่างไร วันนี้เราจึงอยากจะมาอธิบายภาวะขากระตุกขณะนอนหลับให้ทุกคนได้รู้จักเพื่อที่จะหาทางแก้ไข เพราะแท้จริงแล้วมันอาจเป็นสัญญาณอันตรายมากกว่าที่คุณคิด ลักษณะของภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ             ภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ หรือ Periodic Limb Movement Disorder (PLMD) เป็นภาวะที่กล้ามเนื้อขาเกิดการกระตุกราวกับถูกไฟช็อตและอาจมีการเคลื่อนไหวที่ทำให้มีการผิดรูปผิดร่างเป็นบางช่วง เช่น นิ้วเท้าหงิกงอ ขาถูกสะบัดให้ยกขึ้นและลงน้ำหนักอย่างแรง เป็นต้น และผลก็คือทำให้สติที่กำลังง่วงของผู้ที่อยู่ในภาวะนี้เกิดสะดุ้งตื่นอย่างกะทันหันและหัวใจก็เต้นแรงแบบถี่ ๆ ในบางราย ซึ่งมักจะเกิดกับคนที่อยู่ในช่วงร่างกายอ่อนแอ สุขภาพไม่ค่อยดี หรือมีอาการเจ็บป่วยจนร่างกายเมื่อยล้า สาเหตุของภาวะขากระตุกขณะนอนหลับ             ภาวะขากระตุกขณะนอนหลับเกิดจากการที่กล้ามเนื้อขาเกิดการกระตุกซ้ำ ๆ เป็นจังหวะในช่วงเวลาหนึ่งซึ่งมักเกิดตอนกลางคืน ระยะเวลามักจะมาในช่วง Non-Rem หรือช่วงที่จะสติของคนกำลังกึ่งหลับกึ่งตื้นจนถึงหลับลึก ซึ่งในช่วงนี้ระบบต่าง ๆ ในร่างกายจะทำงานช้าลงต่างจากช่วงที่มีสติครบถ้วนและมีภาวะร่างกายที่แข็งแรง             ฟังดูแล้วภาวะขากระตุกขณะนอนหลับอาจจะดูเหมือนไม่มีอะไรร้ายแรงเพราะเกิดแค่ชั่วพริบตาแล้วก็หยุดไป แต่ไม่ใช่กับทุกคน เพราะมันยังสามารถเป็นหนึ่งในสัญญาณของโรคเกี่ยวกับกล้ามเนื้อที่ผิดปกติและโรคร้ายอื่น ๆ ในระยะเริ่มต้นได้ เช่น โรคขาไม่อยู่สุข โรคหยุดหายใจขณะนอนหลับ โรคหัวใจ โรคอัมพาต เส้นประสาทไขสันหลังบาดเจ็บ หรือภาวะโลหิตจาง เป็นต้น ซึ่งหากเกิดติดต่อกันถี่ขึ้นเรื่อย

“ขากระตุกขณะนอนหลับ” ปัญหาที่ต้องรีบแก้ไขโดยด่วน Read More »

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง

หลาย ๆ คนอาจมีอาการง่วงนอนตลอดเวลา พอตกตอนบ่ายเริ่มมีอาการตาปรือ อยากงีบ บางครั้งต้องลุกไปชงกาแฟสักแก้วเพื่อแก้งง่วง หากเกิดอาการแบบนี้นาน ๆ ครั้งก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากมีอาการง่วงนอนทุกวันตั้งแต่เช้ายันเย็นเราต้องเช็คแล้วว่าเกิดจากอะไร ซึ่งส่วนใหญ่ที่พบมักอาจเกิดจากพฤติกรรมการนอนดึก ส่งผลโดยตรงต่อสุขภาพ และที่ร่างกายแสดงอาการเหล่านี้อาจบ่งบอกว่ากำลังมีโรคร้ายแฝงเข้ามา ลองดูว่ามีโรคอะไรบ้างที่มักมากับการง่วงนอน ง่วงนอนบ่อย อาจมีโรคร้ายแฝง โดยไม่รู้ตัว                   1. โรคนอนไม่หลับ ตอนกลางคืนนอนไม่หลับส่งผลให้กลางวันจะมีอาการง่วงนอน หรือบางครั้งนอนดึก ๆ อาจมาจากการที่ต้องทำงานหนัก ทำงานเยอะ เกิดอาการกังวล และเครียดจนนอนไม่หลับเกิดขึ้นได้ ดังนั้นควรผ่อนคลายจิตใจ ไม่ให้เกิดความเครียด ลดการทำงานในเวลากลางคืนลง แต่หากมีอาการเรื้อรังควรรีบปรึกษาแพทย์                   2. โรคอ่อนเพลียอ่อนล้าเรื้อรัง เมื่อนอนไม่หลับเป็นระยะเวลานาน ร่างกายจะสะสมความอ่อนเพลียเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้มีอาการเพลีย อ่อนล้า ง่วงนอน สมองทำงานไม่เต็มที่ส่งผลให้ความจำไม่ดี ปวดหัว ปวดเมื่อยตามกล้ามเนื้อ และนอนหลับไม่สนิท ซึ่งโรคนี้อาจเกิดจากการบริโภคประเภทแป้งและน้ำตาลมากจนเกินไปร่วมด้วย                   3. โรคเบาหวาน การทานแป้งและน้ำตาลในปริมาณมาก อาจทำให้ง่วงนอนเกิดขึ้นได้ นอกจากจะทำให้เป็นโรคอ่อนล้าเรื้อรังแล้ว อาจจะมีโรคเบาหวานตามมาอีกด้วย สาเหตุมาจากปริมาณน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้น ซึ่งการง่วงนอนตลอดเวลาเป็นสัญญาณแรก ๆ

ง่วงนอนตลอดเวลา ปกติหรือกำลังมีโรคร้ายแฝง Read More »

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก

การควบคุมความสะอาดในเด็กๆนั้นไม่ใช่เรื่องง่าย ยิ่งในเด็กเล็กแล้วล่ะก็ ต้องดูแลความสะอาดเป็นพิเศษ  โดยเฉพาะในวัยเรียนที่จะต้องมาอยู่รวมกันเป็นเวลานาน ปัจจุบันมีเชื้อไวรัสมากมายที่แพร่ระบาดในเมืองไทย และอีกโรคหนึ่งที่ร้ยแรงและน่ากลัวในเด็กเล็กก็คือ โรคระบาด เฮอร์แปงไจน่า แม่ๆคนไหนที่มีลูกอยู่ในวัยเรียนควรศึกษาโรคระบาดนี้เพื่อป้องกันและเฝ้าระวังบุตรหลานของท่านให้ห่างไกลจากโรคระบาดนี้ โรค เฮอร์แปงไจน่า มีสาเหตุมาจาก การติดเชื้อไวรัส ซึ่งเป็นโรคติดต่อที่สามารถควบคุมได้ยากในเด็กเล็ก โรคเฮอร์แปงไจน่า มีลักษณะเป็นตุ่มแผลพุพองในปากเด็ก ลักษณะอาการเดียวกับ โรค มือ เท้า ปาก ซึ่งเชื้อไวรัสตัวนี้สามารถแพร่กระจายผ่านละอองฝอยที่ได้รับทางอากาศได้ เช่น การไอ จาม จากเด็กที่ติดเชื้อ ไปสู่เด็กปกติ ก็สามารถลุกลามกลายเป็นโรค ได้อย่างง่ายดาย ซึ่งเด็กที่อยู่ในวัย 3-10 ขวบ ถือเป็นกลุ่มเสี่ยงของโรคนี้ อาการของโรค เฮอร์แปงไจน่า เด็กที่ติดเชื้อไวรัสโรคนี้จะมีอาการ เจ็บคออย่างรุนแรง ลักษณะคอแดง มีแผล ตุ่มใสๆ คล้ายร้อนใน ที่บริเวณเพดานปาก ลิ้นไก่ กระพุ้งแก้ม หรือรวมไปถึงโคนลิ้น นอกจากนี้ยังพบว่ามีไข้สูงอย่างเฉียบพลันอีกด้วย อาการถือว่ารุนแรงและทรมานพอสมควร วิธีการดูแลรักษาเด็กๆที่เป็นโรค เฮอร์แปงไจน่า โรคนี้ยังไม่มียาเฉพาะที่จะสามารถรักษาได้โดยตรง แต่จะใช้เป็นการดูแลตามอาการไป เช่น เช็ดตัว  ทานยาลดไข้เพื่อไม่ให้ไข้สูงเกินไป อาจใช้ยากแก้ปวดหากมีอาการ

เฮอร์แปงไจน่า โรคระบาดที่น่ากลัวในเด็กเล็ก Read More »

“โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” บุคลิกหลายด้านในร่างเดียวที่คุณต้องระวัง วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” บุคลิกหลายด้านในร่างเดียวที่คุณต้องระวัง

            คุณอาจจะเคยได้ยินคำว่า “ไบโพลาร์” ซึ่งเป็นโรคทางจิตเวชเกี่ยวกับการทำให้บุคคลมีอารมณ์แปรปรวน 2 ด้าน ทั้งอารมณ์ดีก่อนจะเปลี่ยนเป็นอารมณ์ร้ายเสมือนเป็นอีกคนหนึ่งอย่างรวดเร็ว แต่ส่วนน้อยที่จะมีคนรู้จักกับ “โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” ซึ่งเป็นหนึ่งในโรคทางจิตเวชที่น่าสนใจศึกษามาก เพราะโรคนี้ทำให้เราได้รู้ว่าในบุคคลหนึ่งสามารถซ่อนความซับซ้อนของจิตและตัวตนได้อย่างมากมายหลากหลาย และเมื่อถึงจุดเปลี่ยนของชีวิต มันก็อาจจะถูกเปิดเผยออกมาในรูปแบบคนหลายตัวตนได้จนน่าตกใจ และไม่มีใครที่อยากจะอยู่กับตัวตนที่มีหลากหลายแน่นอน “โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” คือโรคอะไร?             “โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” หรือเรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า “Dissociative Identity Disorder (DID)” เป็นโรคทางจิตเวชประเภทหนึ่งที่บุคคลหนึ่งสามารถแสดงบุคลิกออกมาได้หลากหลายมากกว่า 1 ผลัดเปลี่ยนกันออกมาใช้ชีวิตตามวาระและโอกาสที่จิตเป็นตัวกำหนด เมื่อมีบุคลิกหนึ่งถูกแสดงออกมาทั้งความคิดและพฤติกรรมที่มีต่อตัวเองและผู้อื่น บางคนจะไม่สามารถจดจำเรื่องราวที่เกิดขึ้นได้หลังจากถูกผลัดเปลี่ยนไปเป็นอีกบุคลิกหนึ่ง แต่ในบางคนก็อาจจะถูกปลุกบุคลิกขึ้นมาเพื่อเป็นอีกคนในการช่วยปกป้องอีกตัวตนที่เริ่มอ่อนแอได้ แม้แต่ชื่อเรียกตัวเองก็ยังเปลี่ยนเมื่อบุคลิกเปลี่ยน คนที่เป็นโรคหลายอัตลักษณ์บางรายก็มีเพียง 2 อัตลักษณ์ แต่บางรายอาจมีเกือบ 10 อัตลักษณ์ในร่างเดียวได้ สาเหตุการเกิด “โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)”             สาเหตุของผู้ที่เป็น “โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” จากการวิจัยพบว่าส่วนใหญ่ล้วนเกิดจากสภาวะทางจิตใจของบุคคลนั้นที่ถูกกระทบกระเทือนอย่างหนักตั้งแต่ในอดีตจนสะสมรุนแรงทั้งทางกายและทางจิตใจ เช่น บุคคลที่รักเสียชีวิตหมด ,การโดนทารุณกรรม และความรู้สึกผิดที่ประเดประดังเข้ามามีผลกระทบให้สะเทือนใจสูงจนรับไม่ได้ เป็นต้น ทำให้บุคคลนั้นมีอาการทางจิตที่เต็มไปด้วยความเศร้า ความกลัว หวาดระแวง

“โรคหลายอัตลักษณ์ (DID)” บุคลิกหลายด้านในร่างเดียวที่คุณต้องระวัง Read More »

ท่อน้ำตาอุดตัน เกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ท่อน้ำตาอุดตัน เกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน

ภาวะของท่อน้ำตาอุดตัน พบได้ทั้งในเล็กทารกแรกเกิดไปจนถึงผู้ใหญ่ เป็นการอุดตันในท่อน้ำตา ทำให้น้ำตาระบายออกไม่ได้ จึงส่งผลให้มีน้ำตาไหลหรือคลอบริเวณดวงตาตลอดเวลา ซึ่งในเด็กทารกจะหายได้เอง แต่มีบางส่วนที่มีอาการจนเป็นผู้ใหญ่หากปล่อยทิ้งไว้จนเกิดความรุนแรงจะทำให้เกิดการระคายเคืองและอักเสบจนกลายเป็นหนอง หรืออาจลุกลามเข้าไปในดวงตาจนติดเชื้อในตาได้ การอุดตันในท่อน้ำตา สาเหตุมาจากอะไร                   สาเหตุส่วนใหญ่เกิดจากการอุดตันบริเวณปลายท่อน้ำตา โดยในทารกแรกเกิดจะมีเยื่อบาง ๆ ปิดอยู่ตรงปลายของท่อน้ำตา ส่งผลให้น้ำนาไหลออกไม่ได้ แต่เยื่อชนิดนี้จะหายไปเองภายในหนึ่งเดือน อาการนี้พบในทารกมากกว่า 5 เปอร์เซ็นต์ แต่จะกลับมาเป็นปกติมากกว่า 90 เปอร์เซ็นต์ ภายในหนึ่งปีหลังคลอด  มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ยังมีการอุดตันของท่อน้ำตาติดตัวมาจนเป็นผู้ใหญ่ซึ่งสาเหตุที่การเกิดอาการผิดปกตินี้ยังไม่ทราบอย่างแน่ชัด ส่วนมากพบในผู้หญิงมากกว่าร้อยละ 80 ในส่วนของผู้ชายส่วนใหญ่เกิดจากอุบัติเหตุเป็นหลัก โดยผู้สูงอายุก็มีโอกาสเกิดโรคนี้ได้เช่นกัน บางรายที่ทราบสาเหตุพบว่าเกิดมาจากการเข้ารับการผ่าตัดหรือฉายรังสีบริเวณโพรงจมูกเรียบร้อยแล้วเกิดการอุดตันของท่อน้ำตาภายหลัง ในส่วนของผู้ที่ประสบอุบัติเหตุที่บริเวณกระดูกแตกบริเวณใบหน้าส่วนกลาง หรือมีการฉีกขาดของหนังตาตรงบริเวณหัวตาก็ส่งผลให้เกิดท่อน้ำตาอุดตันได้ มีเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่เกิดจากเนื้องอก และการอักเสบทางเดินของน้ำตา นอกจากผู้ที่เป็นโรคภูมิแพ้ก็อาจจะมีอาการได้เช่นกัน ดังนั้นหากมีอาการดังกล่าวไว้ข้างต้นควรรีบแพทย์ เพื่อทำการวินิจฉัยรักษาในทันที ปล่อยทิ้งไว้ อันตรายแค่ไหน               ส่วนมากอาการท่อน้ำตาอุดตันนี้ จะไม่เป็นอันตราย การอุดตันจะทำให้น้ำตา เมือก เชื้อโรคต่าง ๆ สะสมอยู่ในท่อน้ำตา เมื่อมีอาการน้ำตาไหลบ่อย ๆ จะก่อให้เกิดความรำคาญกับผู้ป่วย บางรายอาจอักเสบจนเป็นหนองเกิดขึ้น สำหรับผู้ป่วยต้อกระจกหรือต้อหินที่มีอาการนี้ร่วมด้วย หากต้องเข้ารับการผ่าตัด แพทย์จะให้รักษาท่อน้ำตาให้หายอุดตันก่อนเป็นอันดับแรก เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดการติดเชื้อระหว่างการผ่าตัดนั่นเอง

ท่อน้ำตาอุดตัน เกิดจากอะไร อันตรายแค่ไหน Read More »

“ความหิว” ทำให้ร่างกายคุณทรุดโทรมง่าย วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

“ความหิว” ทำให้ร่างกายคุณทรุดโทรมง่าย

            เคยสังเกตหรือไม่ว่าเวลาที่ท้องของคุณว่างจนใกล้เวลาที่จะรับประทานอาหารในบางมื้อโดยเฉพาะมื้อเย็น คุณจะรู้สึกว่าตัวเองครั่นเนื้อครั่นตัว ไม่ค่อยสบายแม้จะอาบน้ำแล้วก็ตาม ปวดศีรษะ แต่พอได้รับประทานอาหารเข้าไปเพียงไม่กี่คำกลับทำให้หายดีเป็นปลิดทิ้ง นั่นก็เพราะว่าร่างกายของคุณอาจได้รับสารอาหารไม่เพียงพอในมื้อก่อนหน้าหรือน้อยกว่าปกติของปริมาณที่รับประทานในทุกวันและอาจมีปัจจัยอื่นอย่างอากาศที่เปลี่ยนแปลงมาเกี่ยวข้องด้วยทำให้เกิดอาการไม่สบายร่างกายง่าย การรับประทานอาหารจึงเป็นสิ่งสำคัญต่อร่างกายมาก เพราะไม่ว่าคุณจะหิวโดยรู้ตัวหรือไม่รู้ตัวก็ตามย่อมทำให้ร่างกายของคุณทรุดโทรมลงได้ง่าย ๆ ความหิวทำให้ร่างกายเป็นโรคกระเพาะอาหาร             ความหิวย่อมเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ เมื่อได้รับอาหารที่หล่อเลี้ยงร่างกายขณะนั้นไม่เพียงพอและเมื่อถึงเวลาที่สมควรจะได้รับสารอาหารอย่างต่อเนื่องตามกระบวนการอย่างที่ควรจะเป็น ทว่ากลับไม่มีสารอาหารใด ๆ เข้ามาในเวลานั้นเพียงเพราะคุณไม่ยอมรับประทานอาหารให้ตรงตามเวลา น้ำย่อยในกระเพาะก็จะเริ่มส่งสัญญาณออกมาให้เจ้าของร่างกายอย่างคุณรู้ตัวว่าการทำงานของมันกำลังจะรวนได้หากคุณละเลยการรับประทานอาหารในมื้อนั้น ๆ หรือรับประทานช้าเกินไป ซึ่งก็คือ “ความหิว” แต่เมื่อคุณไม่สนใจก็จะทำให้น้ำย่อยทำงานผิดปกติไปจนส่งผลกระทบกับกระเพาะอาหารกลายเป็นโรคที่สร้างความเจ็บปวดส่งผลให้ร่างกายทรุดโทรมในที่สุด ความหิวทำให้ร่างกายเกิดภาวะบ้านหมุนได้ง่าย ๆ             เมื่อร่างกายของคุณเกิดความหิวก็จะทำให้ทรุดโทรมลงจนเกิดอาการบ้านหมุนอันเนื่องมาจากร่างกายได้รับสารอาหารไม่เพียงซึ่งจะเป็นผลข้างเคียงจากการที่คุณรับประทานอาหารไม่ค่อยตรงเวลา ไม่ได้รับประทานอาหารที่หนักท้องตามสมควร หรือรับประทานอาหารน้อยกว่าปกติ โดยหากทำเช่นนี้ติดต่อกันบ่อย ๆ ก็จะทำให้ร่างกายของคุณอ่อนแอลงจนระบบภายในรวนส่งผลให้อาหารไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจนเกิดอาการเวียนศีรษะจนเหมือนอยู่บนเรือที่กำลังเอนเอียงไปมาซึ่งก็คือ อาการบ้านหมุน ความหิวทำให้ร่างกายมีภูมิคุ้มกันลดลง             เมื่อคุณเกิดความหิวจากการปฏิบัติตนในชีวิตประจำวันที่ไม่เหมาะสมอย่างการทำงานหนักและรับประทานอาหารเพียงน้อยนิด หรือรับประทานอาหารที่ไม่ใช่ข้าวเป็นหลักก็จะทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยง่าย พออากาศเปลี่ยนแปลงหน่อยก็พานจะเป็นไข้และเจ็บป่วยตลอดเวลา แต่พอรับประทานอาหารแล้วจะหายดีมาก ซึ่งนั่นเป็นสัญญาณที่บอกคุณว่า “ร่างกายคุณทรุดโทรมจนภูมิคุ้มกันลดลงแล้วนะ” วิธีปกป้องร่างกายให้แข็งแรงขึ้นก็คือ การรับประทานอาหารมีประโยชน์ให้มากควบคู่กับอาหารเสริมภูมิคุ้มกันด้วย             ความหิวเปรียบเสมือนปีศาจร้ายที่เข้ามาคุกคามร่างกายอย่างเงียบ ๆ หากคุณไม่รู้เกมที่มันต้องการสร้างให้คุณกลายเป็นผู้แพ้ทั้งที่คุณสามารถชนะมันอย่างง่าย ๆ มันก็จะค่อย ๆ ทำร้ายคุณอย่างเงียบเชียบจนร่างกายทรุดโทรมลงได้ ฉะนั้นจงอย่าปล่อยให้ความหิวกลายเป็นผู้ชนะเลย รูปภาพประกอบ :

“ความหิว” ทำให้ร่างกายคุณทรุดโทรมง่าย Read More »

ทอนซิลอักเสบ เกิดจากอะไร มากับฝุ่นจริงหรือ ? วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

ทอนซิลอักเสบ เกิดจากอะไร มากับฝุ่นจริงหรือ ?

ต่อมทอนซิล มีหน้าที่ในส่วนของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย จัดอยู่ในประเภทของเนื้อเยื่อน้ำเหลือง ซึ่งภายในจะประกอบด้วยเม็ดเลือดขาวมากมายหลายชนิด มีทำหน้าที่ในการจับและทำลายเชื้อโรคที่กำลังเข้าสู่ร่างกายผ่านทางช่องทางเดินอาหาร และช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับร่างกาย ต่อมทอนซิลเหล่านี้สมารถพบได้หลายตำแหน่ง แต่ที่ชัดเจนที่สุดจะอยู่บริเวณด้านข้างช่องปากมีชื่อว่า พาลาทีนทอนซิล นอกจากนี้ยังพบได้ที่บริเวณโคนลิ้น และช่องด้านหลังของโพรงจมูก อาการของทอนซินอักเสบ เริ่มจากการเจ็บคอ หรืออาการคออักเสบ เกิดได้ทั้งจากกลุ่มโรคติดเชื้อ และไม่ติดเชื้อ ซึ่งประมาณ 70-80 เปอร์เซ็นต์เกิดจาก ไวรัสไข้หวัดธรรมดา ไข้หวัดใหญ่ และเชื้อไวรัสอื่น ๆ อีกประมาณ 15-20 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากแบคทีเรีย นอกจากนี้อีกประมาณ 5 เปอร์เซ็นต์ เกิดจากการติดเชื้อรา โรคนี้มักจะพบได้มากในผู้ที่มีภูมิคุ้มกันต่ำ อาการต้องสังสัยที่อาจจะเกิดการอักเสบของต่อมทอนซิล                   เมื่อมีการอักเสบของต่อมทอนซิล ส่วนใหญ่จะไม่มีอาการรุนแรง และสามารถหายได้เอง ในกรณีทีอาการเฉียบพลันจะอักเสบจนเป็นหนองเกิดขึ้น ผู้ป่วยจะมีไข้สูงอย่างรวดเร็ว มีอาการหนาวสั่น ปวดศีรษะ และอาจจะปวดร้าวขึ้นไปที่หู บางคนอาจจะมีอาการปวดท้อง หรืออาเจียนร่วมด้วย ทั้งนี้หากมีอาการต้องสงสัยว่าทอนซิลอักเสบ ให้สังเกตอาการที่เกิดขึ้นง่าย ๆ ด้วยตัวเอง ได้แก่ มีอาการเจ็บคอจนกลืนอาหารได้ลำบาก เสียงแหบแห้ง มีไข้สูง มีอาการปวดศีรษะ ตาแดง ซึ่งเกิดจากเยื่อตาขาวอักเสบ

ทอนซิลอักเสบ เกิดจากอะไร มากับฝุ่นจริงหรือ ? Read More »

อะไรที่ทำให้คุณ น้ำหนักเกิน ควรจำ วิธีลดน้ำหนัก อาหารลดน้ำหนัก ปวดหัว

อะไรที่ทำให้คุณ น้ำหนักเกิน ควรจำ

สาเหตุหลักที่ทำให้ไขมันสะสมตามส่วนต่าง ๆ ของร่างกายน่าจะมาจากพฤติกรรมการกินที่ไม่ดี เช่น ชอบกินขนม ชอบดื่มน้ำอัดลมชอบกินของทอดและอาหารมัน ๆ แต่ถ้าวิเคราะห์กันจริง ๆ แล้ว ยังมีปัจจัยหลายอย่างที่มีผลต่อพฤติกรรมการกิน จะด้วยสิ่งใดบ้างวันนี้ที่นี่มีคำตอบ 1 ปัจจัยทางสรีระ ความผิดปกติของการย่อยและการดูดซึมอาหาร ระบบการเผาผลาญภายในร่างกายผิดปกติ วามผิดปกติของระดับฮอร์โมน เช่น ถ้าระดับฮอร์โมน ไทรอยด์น้อยหรือมากเกินไป จะทำให้ความต้องการอาหารและอัตราการใช้สารอาหารภายในร่างกายผิดปกติ 2. ปัจจัยทางสิ่งแวดล้อม เนื่องจากต่อมใต้สมองส่วนล่าง (Hypothalamus) มีความไวต่อการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิ เช่น หากอุณหภูมิปกติในร่างกายเราประมาณ36.5 – 37.5 องศาเซลเซียส แต่ถ้ามีการเปลี่ยนแปลงเพิ่มขึ้นหรือลดลงไฮโปทาลามัสก็จะมีปฏิกิริยาทันที                                           Hot & Could *อุณหภูมิสูง กระตุ้นศูนย์อิ่ม *อุณหภูมิต่ำ กระตุ้นศูนย์หัว 3. ปัจจัยทางอารมณ์และจิตใจ เสียใจ อกหัก ขาดความอบอุ่น เครียด วิตกกังวล เป็นธรรมชาติของคนเรา ซึงไม่มีใครที่จะใช้ชีวิตโดยไม่ทุกข์ ไม่เศร้าและในบางกรณีอารมณ์เหล่านี้อาจทำให้คุณแสดงออกโดยการกินอาหารมากขึ้นเพื่อกลบเกลื่อนความไม่สบายใจหรือบางคนอาจไม่กินอะไรเลยก็มี อีกทั้งนิสัยการกินที่ติดตัวมาแต่เด็กก็ส่งผลต่อการกินอาหารในอนาคตด้วยเช่นกัน เช่น ตอนเด็ก ๆ ถูกสอนให้กินจุ

อะไรที่ทำให้คุณ น้ำหนักเกิน ควรจำ Read More »